รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 259 ศิษย์พี่ของการันต
“เป็นความจริงอย่างแน่นอน แต่ว่านี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ สิ่งสำคัญคือ ผมต้องการรู้ว่า นักสะกดจิต สามารถทำให้คนเกิดสถานการณ์ที่เจ็บปวดหัวใจไหม?” เปปเปอร์จ้องไปที่คุณหมอตฤณแล้วถาม
คุณหมอตฤณครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ประธานเปปเปอร์ พูดให้ละเอียดกว่านี้ได้ไหม?”
“ได้” เปปเปอร์พยักหน้า “คุณน่าจะยังจำที่ผมบรรยายเกี่ยวกับคู่หมั้นของผมเมื่อก่อนหน้านั้นได้ ผมจำเป็นต้องทำดีต่อเธอ เอาใจเธอ รักเธอ”
“แน่นอน!” คุณหมอตฤณพยักหน้า
สีหน้าเปปเปอร์ดุร้ายขึ้นมา “แต่ในเวลาสองวันมานี้ ผมพบว่าถ้าผมไม่ได้ทำอย่างนั้น หัวใจของผมก็จะมีอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรง”
“ผมเข้าใจแล้ว นี่คือสิ่งที่นักสะกดจิตสามารถทำได้จริง ๆ แต่ว่าสิ่งที่ผมต้องบอกกับประธานเปปเปอร์ก็คือ ความเจ็บปวดที่คุณรู้สึกนั้น ไม่ใช่ความเจ็บปวดทางกายจริงๆ แต่เป็นทางด้านจิตใจ” คุณหมอตฤณพูดขณะมองดูเขา
“ความเจ็บปวดทางด้านจิตใจ……” เปปเปอร์มองต่ำลงไปเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ “ความหมายของคุณคือ หัวใจของผมไม่ได้เจ็บจริงๆ แต่เป็นความรู้สึกและจิตใต้สำนึกในใจที่คิดว่ามันกำลังเจ็บอยู่?”
“ใช่แล้ว อย่างไรเสียถึงแม้นักสะกดจิตจะเก่งมากแค่ไหน แต่ก็ไม่ใช่เทพที่แท้จริง เป็นไปไม่ได้ที่จะควบคุมได้แม้กระทั่งความรู้สึกเจ็บปวด ดังนั้นนี่ก็เป็นการสะกดจิตแบบหนึ่ง เป็นการชี้นำทางจิตในการสะกดจิต การชี้นำทางจิตอันนี้ น่าจะเป็นการให้คุณไปเอาใจคู่หมั้นของคุณ ขอแค่คุณไม่ทำตาม คุณก็จะรู้สึกว่าหัวใจกำลังเจ็บปวดอยู่”
เปปเปอร์กำหมัดแน่นจนมีเสียงกร้อบกร้อบดังออกมา “ผมเข้าใจแล้ว สามารถปลดปล่อยออกไปไหม?”
“ผมปลดปล่อยไม่ได้ เพราะแม้แต่การสะกดจิตของอีกฝ่ายผมยังไม่สามารถตรวจเจอได้เลย แล้วจะสามารถคลายการชี้นำทางจิตของอีกฝ่ายได้อย่างไร พูดได้แค่ว่าระดับวิชาของอีกฝ่ายอยู่สูงเกินไป แล้วยังอายุน้อยขนาดนั้นด้วย……ไอ๊ ปรมาจารย์อยู่ในกลุ่มชาวบ้านจริงๆ!” คุณหมอตฤณถอนใจ
ใบหน้าหล่อเหลาของเปปเปอร์ดำขึ้นมา
คุณหมอตฤณเห็นแล้ว ก็ยิ้มอย่างเกรงใจ “ขอโทษด้วยประธานเปปเปอร์ ควบคุมไม่อยู่ไปชั่วขณะ”
ผิดพลาดไป ผิดพลาดไป
คนเขาถูกนักสะกดจิตปฏิบัติด้วยแบบนี้ ตัวเองยังไปชมนักสะกดจิตคนนั้นอีก นี่ไม่ใช่การโรยเกลือบนบาดแผลของคนอื่นหรอกเหรอ?
ก็สมควรที่คนเขาจะไม่พอใจ
เปปเปอร์เหลือบมองคุณหมอตฤณด้วยสายตาเย็นชาครู่หนึ่ง “เอาเถอะ ผมยังมีคำถามอีกหนึ่งข้อ ในเมื่อคุณไม่สามารถปลดปล่อยการสะกดจิตกับการชี้นำทางจิตบนตัวผมได้ ถ้าอย่างนั้นทำไมเวลาที่ผมอยู่ใกล้มายมิ้นท์ อาการเจ็บในใจของผมถึงหายไปได้?”
“มายมิ้นท์คือใคร?” คุณหมอตฤณไม่ตอบแต่ถามกลับ
สายตาของเปปเปอร์อ่อนโยนลงมา “คนรักของผม”
คุณหมอตฤณเลิกคิ้ว “ไม่ใช่คนรักปลอมหลังถูกสะกดจิต แต่เป็นคนรักจริงๆ?”
“ใช่” เปปเปอร์พยักหน้า
คุณหมอตฤณลูบคางแล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตอบว่า: “น่าจะเป็นปาฏิหาริย์มั้ง การสะกดจิตถึงแม้จะมหัศจรรย์ แต่มันก็ไม่ใช่เวทมนตร์ บางครั้งพลังของความรัก มันทรงพลังมากกว่าที่คนจินตนาการเอาไว้มาก บางทีตอนที่คุณเข้าใกล้คุณมายมิ้นท์คนนั้น ความรักที่คุณมีต่อคุณมายมิ้นท์ ทำให้คุณหลุดพ้นจากการชี้นำทางจิตโดยสัญชาตญาณ ดังนั้นเป็นธรรมดาที่หัวใจจะไม่เจ็บ”
เปปเปอร์ยกคางขึ้นราวกับกำลังคิดอะไรอยู่ “ผมรู้แล้ว ขอบคุณคุณหมอตฤณมากสำหรับคำตอบ”
“ไม่เป็นไร” คุณหมอตฤณโบกมือ
เปปเปอร์บีบไปที่สันจมูก “เหมันตร์ ส่งคุณหมอตฤณออกไป”
“ครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้า ทำท่าทางที่เป็นการเชิญคุณหมอตฤณ
ทั้งสองเพิ่งจะเดินไปถึงหน้าประตู ผู้ช่วยเหมันตร์เห็นคนที่อยู่นอกประตู ส่งเสียงขึ้นมาอย่างแปลกใจ “คุณหมอการันต์ คุณมาอยู่นี่ได้อย่างไร?”
“ได้ยินว่าเจ้านายคุณกลับมาที่โรงพยาบาลอีกแล้ว ก็เลยดูหน่อย” สองมือของการันต์ล้วงอยู่ในกระเป๋าเสื้อกาวน์ ตอบคำถามเรียบๆ สายตากลับหยุดอยู่ที่คุณหมอตฤณที่อยู่ด้านข้างเขา
ในห้องพักผู้ป่วย ได้ยินเสียงของการันต์ เปปเปอร์หรี่ตาลง “เหมันตร์ ให้การันต์เข้ามา”
ผู้ช่วยเหมันตร์ได้ยินแล้ว เอียงกายหลบทางตรงหน้าประตูให้ “คุณหมอการันต์เชิญเข้าไปเถอะ ผมส่งคุณหมอตฤณออกไปก่อน”
การันต์ยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าห้องพักผู้ป่วยไป
เปปเปอร์หรี่ตาจ้องมองดูเขาไม่วางตา “คุณได้ยินหมดแล้ว?”
การันต์ดันแว่นตา “น่าจะเกือบหมดนั่นแหละ ได้ยินว่าความรู้สึกที่คุณมีต่อส้มเปรี้ยว เพราะถูกคนสะกดจิต ยังได้ยินว่าคุณถูกคนคนนั้นชี้นำทางจิต เลยจำต้องเอาอกเอาใจส้มเปรี้ยว พูดตามตรง ผมประหลาดใจมาก”
“ดังนั้นคุณจะบอกส้มเปรี้ยวไหม?” สีหน้าเปปเปอร์เคร่งขรึมขึ้นมา
คนคนนี้ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับส้มเปรี้ยวมาตลอด ในตอนที่เขาไม่รู้ว่าตัวเองถูกสะกดจิต และยังไม่รู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง เขายังเคยไม่ชอบใจอยู่ตลอด
ตอนนี้มาคิดดูแล้ว มันน่าสะอิดสะเอียนมากจริงๆ!
แต่ว่าเขาจะให้คนคนนี้บอกส้มเปรี้ยว เรื่องที่เขาถูกสะกดจิตและได้รับการชี้นำทางจิตไม่ได้ ไม่อย่างนั้นส้มเปรี้ยวอาจจะใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ ทำให้เขาปฏิบัติต่อเธอเหมือนเมื่อก่อนก็ได้
เขาจำเป็นต้องคิดหาวิธีหลุดพ้นจากการถูกสะกดจิตและการชี้นำทางจิตโดยเร็วที่สุด!
การันต์ดูเหมือนจะรู้ว่าในใจเปปเปอร์กำลังคิดอะไรอยู่ เอนตัวพิงบนกำแพงตรงข้ามปลายเตียงผู้ป่วยอย่างเกียจคร้าน “คุณไม่ต้องระวังผมขนาดนี้ก็ได้ ผมไม่บอกส้มเปรี้ยวหรอก ผมก็มีความแค้นกับส้มเปรี้ยวเหมือนกัน”
สีหน้าท่าทางเปปเปอร์ไม่เปลี่ยน เพียงแค่กระตุกมุมปากอย่างเย้ยหยัน “คุณคิดว่าคำพูดของคุณน่าเชื่อถือเหรอ?”
การันต์ยักไหล่ “คุณไม่เชื่อก็แล้วแต่เลย อีกอย่าง คุณคิดว่าส้มเปรี้ยวจะไม่รู้เรื่องที่คุณถูกสะกดจิตจริงๆเหรอ?”
รูม่านตาเปปเปอร์หดตัวลง
การันต์เห็นดังนั้นก็ยิ้มออกมา “นอกจากผมจะเป็นศัลยแพทย์แล้ว ขณะเดียวกันก็ยังเป็นนักประสาทวิทยาและจิตแพทย์พาร์ทไทม์อีกด้วย คุณคิดว่าผมดูไม่ออกจริงๆเหรอ ว่าคนที่คุณรักไม่ใช่ส้มเปรี้ยว แต่เป็นมายมิ้นท์? ไม่ใช่แค่ผมเท่านั้น ความจริงตัวส้มเปรี้ยวเองก็รู้สึกว่าคุณไม่ได้รักเธอ ก่อนหน้านั้นผมยังแปลกใจอยู่ ทำไมถึงมีคนที่โง่ขนาดว่าตกลงคนที่ตัวเองรักคือใครก็ยังไม่รู้ ตอนนี้ผมเพิ่งเข้าใจ ว่าคุณถูกสะกดจิต”
หยุดไปครู่หนึ่ง เขาพูดขึ้นอีกว่า: “ในตอนที่ส้มเปรี้ยวเพิ่งจะฟื้นขึ้นมา ผมเคยถามเธอ ไม่กลัวว่าจู่ๆเปปเปอร์จะรู้ตัว ว่าเขาไม่ได้รักคุณเหรอ? คุณเดาว่าเธอตอบว่าอย่างไร”
การันต์มองดูสีหน้าที่ยิ่งอยู่ก็ยิ่งเย็นชาของเปเปอร์ ก็ไม่รอให้เขาตอบ พูดคำตอบออกมาด้วยตัวเอง “คำตอบของเธอคือ ไม่กลัว เพราะเธอมั่นใจว่าคุณจะไม่รู้ตัวอย่างแน่นอน ตอนนั้นผมยังคิดอยู่เลย เธอมีความมั่นใจอะไร ตอนนี้มาคิดดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะเรื่องที่คุณถูกสะกดจิตอยู่ แต่ว่าผมคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเธอจะรู้จักกับนักสะกดจิต!”
“คุณกับเธอมีความสัมพันธ์ที่ดีมากไม่ใช่เหรอ? คุณไม่รู้?” เปปเปอร์พูดเสียงเย็นชา
การันต์หยิบมีดผ่าตัดออกมาจากกระเป๋าเล่มหนึ่ง หมุนอยู่ตรงปลายนิ้วเหมือนหมุนปากกา “ความสัมพันธ์ของผมกับเธอเพิ่งจะดีขึ้นมาเมื่อแปดปีที่แล้วเอง เรื่องในอดีตของเธอ ผมจะไปรู้ได้อย่างไร”
เปปเปอร์มองต่ำลงไป ก็ไม่รู้ว่าเชื่อหรือว่าไม่เชื่อ
ไม่กี่วินาทีผ่านไป เขาเงยหน้าขึ้นมา “คุณสามารถปลดปล่อยการสะกดจิตและการชี้นำทางจิตของผมได้ไหม?”
“ผมต้องรู้ก่อนว่า นักสะกดจิตคนไหนสะกดจิตคุณถึงจะตอบได้ เพราะวิธีการของนักสะกดจิตแต่ละคนไม่เหมือนกัน ผลีผลามปลดปล่อยการสะกดจิต จะเกิดอันตรายต่อจิตของคุณได้ง่ายมาก” การันต์พูดพร้อมกางมือยักไหล่
“เป็นผู้ชายที่หน้าตาดีมากๆคนหนึ่ง” เปปเปอร์เม้มปากแล้วตอบ
ท่าทางที่กำลังหมุดมีดอยู่ของการันต์หยุดลง “หน้าตาดีมาก……ผมยาว เป็นผู้ชายที่ชอบใส่เสื้อผ้าสีขาวใช่ไหม?”
เปปเปอร์ได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย กัดฟันเค้นออกมาสามคำ “คุณรู้จัก?”
“ศิษย์พี่ผม!” ในที่สุดการันต์ก็หยุดทำสีหน้าท่าทางเกียจคร้านไม่สนใจ แต่เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา
“ศิษย์พี่คุณ?” เปปเปอร์กำหมัดแน่น
การันต์อืมคำหนึ่ง “ถูกต้อง เป็นไปได้อย่างมากที่จะเป็นศิษย์พี่ผม ถ้าหากว่าเขาเป็นคนสะกดจิตคุณจริงๆ ผมปลดปล่อยการสะกดจิตให้ไม่ได้ อย่างมากก็ทำได้แค่ช่วยคุณควบคุมมันไว้สักพัก”
“แม้แต่คุณก็ทำไม่ได้?” ในแววตาเปปเปอร์มีประกายความประหลาดใจเล็กน้อย
การันต์พยักหน้า “ศิษย์พี่ผมเป็นนักสะกดจิตโดยกำเนิด บวกกับเขาเป็นโรคผิดปกติทางอารมณ์ จะไม่ถูกอารมณ์ความรู้สึกภายนอกรบกวน ดังนั้นฝึกฝนวิชาการสะกดจิตจึงทำได้อย่างคล่องมือดั่งใจคิด ตอนที่ผมฝากตัวเป็นศิษย์ เขาก็เป็นนักสะกดจิตชั้นยอดแล้ว ดีดนิ้วเสียงดังครั้งหนึ่ง แค่มองแวบหนึ่งหรือแค่คำพูดหนึ่ง ก็สามารถทำให้อีกฝ่ายถูกสะกดจิตได้แล้ว ไม่ทันได้ระวังตัวด้วยซ้ำ”