รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 283 ราเม็งเป็นคนอันตรายมาก
“ไม่จำเป็นแล้วค!” มายมิ้นท์ขมวดคิ้ว และเอามือไว้หลัง ปฏิเสธเขาโดยตรง
มือของเปปเปอร์แข็งทื่ออยู่อย่างงั้น และหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็กำหมัดแน่นแล้วเก็บมือ ในใจรู้สึกผิดหวังมาก
“พี่ ขอโทษครับ……” ราเม็งก้มหัวและกล่าวขอโทษอีกครั้ง รู้สึกโทษตัวเองและละอายใจอย่างยิ่ง
เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเธอจริงๆ
เขาแค่ไม่สามารถระงับความโกรธในใจได้ ดังนั้นจึงทำลงไปโดยไม่รู้ตัว
มายมิ้นท์มองไปที่ชายหนุ่มที่อ่อนโยนมาโดยตลอด ตอนนี้เหมือนกับสุนัขใหญ่ที่ทำผิดไป และทำให้เธอใจอ่อนลง
เธอเอื้อมมือไปแตะผมของเขาและยิ้มอย่างอ่อนโยน “โอเคจะ พี่ไม่ได้โทษนายหรอก”
“จริงเหรอครับ?” ราเม็งเงยหน้าขึ้นและมองเธอด้วยดวงตาที่สว่าง
มายมิ้นท์อืมไปคำหนึ่ง “จริงจ๊ะ!”
ราเม็งละทิ้งความหวาดระแวงภายในและยิ้มขึ้นอีกครั้ง
เปปเปอร์ที่อยู่ข้าง ๆ เห็นฉากนี้ ก็รู้สึกว่าบาดตามาก
แน่นอนอยู่แล้วว่า สิ่งที่เขาสนใจมากกว่านั้น ก็คือราเม็ง
คนคนนี้ เซ้นต์ของเขาบอกว่า มันอันตรายมาก!
“มายมิ้นท์ ไปกับผมก่อน ผมมีเรื่องสำคัญจะบอกคุณจริงๆ” เปปเปอร์ขมวดคิ้วและพูดอย่างจริงจัง
เมื่อมายมิ้นท์เห็นเขาทำหน้าจริงจังอย่างนี้ ดังนั้นเธอคิดว่าเขามีเรื่องสำคัญอะไรจริงๆ และเธอก็พยักหน้าตอบตกลง “โอเค!”
“พี่ครับ?” อารมณ์ของราเม็งพึ่งดีขึ้น ตอนนี้กลับเศร้าขึ้น
มายมิ้นท์ตบหลังมือของเขา “เดี๋ยวพี่ก็กลับมาแล้ว”
พูดจบ เธอก็เดินตรงไปที่มุมที่เปปเปอร์ชี้ไปเมื่อกี้นั้น
เปปเปอร์ก็ไม่มองราเม็ง และก้าวขาที่ยาวของเขาเดินตามไปด้วย
ราเม็งจ้องดูทั้งสองคนที่อยู่ตรงมุม ดวงตาของเขาแดงไปทั้งคู่ และกำหมัดทั้งสองของเขาแน่นๆ เนื่องจากใช้แรงมากเกินไป มือของเขาก็สั่นเล็กน้อยและเส้นเลือดที่หลังมือก็โผล่ออกมา
เขาอยาก อยากจะฆ่าเปปเปอร์ทิ้งจริงๆ!
จากนั้นก็ฆ่าทามทอยกับลาเต้ทิ้ง ฆ่าทุกคนที่คิดจะแย่งพี่มายมิ้นท์ไปจากเขา
หลังจากฆ่าคนเหล่านี้ทิ้งไปหมด เขาก็พาพี่มายมิ้นท์ไปต่างประเทศและขังเธอไว้ในกรงที่เขาสร้างขึ้นมาเพื่อเธอ และให้เธอไม่สามารถไปจากเขาทั้งชีวิต และมีเขาอยู่ในใจคนเดี๋ยวเท่านั้น!
ตรงมุม มายมิ้นท์หันมาและเงยหน้ามองเปปเปอร์ “ประธานเปปเปร์ คุณต้องการจะบอกอะไรกับฉัน”
“ฉันอยากบอกคุณว่า ไปให้ห่างจากราเม็ง!” เปปเปอร์พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ห้ะ?” มายมิ้นท์ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลืมตากว้างอย่างไม่น่าเชื่อ “คุณให้ฉันมาที่นี่และบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะบอก แต่สุดท้ายกลับบอกฉันว่า ให้ฉันอยู่ห่างจากราเม็ง? คุณบ้าเหรอ?”
เธอเชอะอย่างโกรธ และหันหลังกำลังจะเดินจากไป
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาต้องเรียกเธอมาที่นี่ บอกว่าไม่อยากให้ราเม็งได้ยิน ที่แท้คิดอย่างนี้อยู่นี่เอง!
“เดี๋ยวก่อน!” เปปเปอร์เอื้อมมือออกไปดึงเธอไว้
“ปล่อยฉัน!” มายมิ้นท์สะบัดมือ
เปปเปอร์ดึงมือเธอไว้แน่นๆ “มายมิ้นท์ ผมจริงจังนะ ราเม็งเป็นคนอันตรายมาก ถ้าคุณเข้าหากับเขามากเกินไป มีวันหนึ่งเขาต้องทำร้ายคุณแน่”
มายมิ้นท์หัวเราะอย่างโมโห “ทำร้าย? เปปเปอร์ คำพูดแบบนี้คุณไม่รู้สึกตลกเหรอ?เขาเป็นน้องชายของฉัน ฉันรู้จักเขาดี เขาเป็นคนอ่อนโยนและใจดี และเขาก็จะไม่ทำร้ายฉันเหมือนที่คุณพูดหรอกนะ คนที่ทำร้ายฉันจริง มันคือคุณไม่ใช่เหรอ?”
เธอมองเขาอย่างเย้ยหยัน
เมื่อเผชิญหน้ากับการจ้องมองของเธอ หัวใจของเปปเปอร์เหมือนถูกมีดแทง และไม่สามารถจะแก้ตัวให้ได้
ใช่ คนที่ทำร้ายเธอจริงๆ คือเขา
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ตั้งใจ แต่มันก็ยังเป็นเขาที่ทำร้ายเธอลงไป และเขาก็ไม่สามารถที่จะไม่ยอมรับมันได้
เมื่อเห็นว่าเปปเปอร์ไม่ได้พูดอีกต่อไป มายมิ้นท์ก็สะบัดมือของเขาออกและพูดเตือนเขาว่า: “ต่อไปอย่างมาบอกกับฉันอีกว่าราเม็งหรือเต้จะมาทำร้ายฉันอีก ไม่อย่างงั้นละก็ ฉันจะไม่จบไม่สิ้นกับคุณแน่!”
เมื่อพูดเสร็จ เธอมองเขาอย่างเย็นชาและเดินไปหาราเม็ง
เปปเปอร์ยกมือขึ้นมาวางไว้ที่หัวใจ รู้สึกว่าที่นั่นมันเจ็บปวดเหลือเกิน
เขายังคงจำความเฉยเมยของเขาที่มีต่อเธอได้ในช่วงหกปีที่ผ่านมา และจดจำมันได้อย่างชัดเจน
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยรู้สึกอะไร แต่ตอนนี้เขาค่อยรู้ว่า ที่แท้การถูกคนอื่นมองข้ามนั้น มันอึดอัดและเจ็บปวดมากขนาดนี้นี่เอง
“พี่ครับ” เมื่อราเม็งเห็นมายมิ้นท์กลับมาด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดี เขาก็รีบระงับอารมณ์ของเขา และถามด้วยความเป็นห่วง “เขาบอกอะไรกับพี่เหรอครับ”
มายมิ้นท์มองดูเขา กะพิบตา จากนั้นเธอก็ส่ายหัว “ไม่มีอะไร เรากลับกันเถอะ”
คำพูดที่เขาพูดให้เธอเมื่อกี้นั้น เธอจะพูดให้ราเม็งฟังได้ไง มันจะทำให้ราเม็งเสียใจมากขึ้นเอง
ราเม็งเห็นว่ามายมิ้นท์ไม่อยากบอกเขา ดวงตาของเขาก็มืดลง และกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็วและอืมไปหนึ่งตำ “โอเคครับ เรากลับกันเถอะครับ”
ทั้งสองคนต่างก็ไม่มีใครหันไปมองเปปเปอร์เลย และเดินตรงไปที่ทางออกของห้องรับแขกสถานีตำรวจ
เมื่อกำลังจะเดินไปถึง ทันใดนั้นประตูสำนักงานก็เปิดออก และเยี่ยมบุญก็เดินออกมาจากด้านใน ข้างๆยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งตามมาด้วย
เขากำลังพูดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยสีหน้าที่เครียด : “ต้องจับไอ้สารเลวหกคนนั้นมาให้ได้นะครับ!”
“ไม่ต้องห่วงครับประธานเยี่ยมบุญ นี่เป็นหน้าที่ของเราอยู่แล้ว” ตำรวจพยักหน้า
สีหน้าของเยี่ยมบุญจึงค่อยดีขึ้นมาหน่อย
ทันใดนั้น เขารู้สึกได้ว่ามีคนกำลังมองเขาอยู่ หันหัวมองไป เห็นว่าเป็นมายมิ้นท์ ทำเสียงเชอะ ไม่กล่าวทักทาย และออกจากสถานีตำรวจ
มายมิ้นท์ก็ไม่มีความคิดเห็นใด ๆ กับการจากไปของเขา แต่ค่อนข้างสนใจไอ้สารเลวทั้งหกคนที่เขาพูดนั้น
“คุณตำรวจค่ะ” มายมิ้นท์เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เพิ่งพูดกับเยี่ยมบุญเมื่อกี้
เจ้าหน้าที่ตำรวจก็หยุดเดิน “คุณมายมิ้นท์มีเรื่องอะไรเหรอครับ”
มายมิ้นท์เป็นหนึ่งในผู้เสียภาษีรายใหญ่ในเมืองเดอะซี เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องรู้จักอยู่แล้ว
มายมิ้นท์ยิ้มให้เขา “ไม่ทราบว่าที่ประธานเยี่ยมบุญพูดว่าเมื่อกี้ว่า ไอ้สารเลวหกคนนั้นมันหมายถึงอะไรเหรอคะ”
เมื่อราเม็งได้ยินคำถามของเธอ เขาก็เงยหน้าลงอย่างไร้ร่องรอย ปิดบังสีหน้าในดวงตาของเขา
ทั้งมายมิ้นท์และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของเขา
เจ้าหน้าที่ตำรวจตอบว่า:“คืออย่างงี้ครับ ประธานเยี่ยมบุญมาที่นี่เพื่อที่จะมาให้ทางเจ้าหน้าที่ตวจสอบกล้องวงจรของคุณส้มเปรี้ยวที่เกิดอุบัติเหตุในคืนนั้น และตามหาผู้ต้องหาทั้งหกคนที่ล่วงละเมิดทางเพศคุณส้มเปรี้ยวครับ”
“หกคน?” มายมิ้นท์ตกตะลึงกับตัวเลขนี้
เธอคิดเสมอว่ามีเพียงคนคนเดียวที่ล่วงละเมิดทางเพศส้มเปรี้ยว
คิดไม่ถึงว่าการันต์จะจ้างคนตั้งหกคน ดูเหมือนว่าเขาจะเกลียดส้มเปรี้ยวมากกว่าที่เธอคิดอีก!
ตอนแรกมายมิ้นท์ไว้วางใจการันต์แล้ว ตอนนี้ไม่ไว้วางใจยิ่งกว่าเดิม แถมยังไม่ไว้วางใจหนักกว่าเดิมอีก
ส้มเปรี้ยวแกล้งปลอมตัวเป็นเธอ การันต์จึงเกลียดส้มเปรี้ยว และอยากจัดการส้มเปรี้ยว มันก็ไม่ได้ผิดอะไรหรอก เพราะเขาถูกส้มเปรี้ยวหลอกลวง ดังนั้นเขาถึงได้โกรธมาก
ความใจดีที่การันต์มีต่อส้มเปรี้ยวก่อนหน้านี้ มันก็ดีมากจริง แต่ก็เป็นเพราะส้มเปรี้ยวไม่ใช่ผู้มีพระคุณของเขาอีกต่อไป เขาจึงทำเธอจนเกือบตาย การกระทำแบบนี้ ช่างทำให้คนน่ากลัวจริงๆ
เธอถึงกับคิดว่า ถ้าวันหนึ่งเธอใช้บุญคุณที่เธอมีต่อเขาจนหมดสิ้นไปแล้ว การันต์จะปฏิบัติกับเธอแบบนี้หรือไม่?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ มายมิ้นท์ก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น
เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ คิดว่าเธอตกใจกับตัวเลขนี้ และพยักหน้าเล็กน้อย “ใช่ครับ หกคน คุณมายมิ้นท์โปรดอย่าพูดออกไปนะครับ มันจะสร้างปัญหาให้กับการสอบสวนของเราได้ง่ายครับ”
“โอเคค่ะ” มายมิ้นกระตุกมุมปากของเธอและตอบตกลง
หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้ว
มายมิ้นท์ก็ยืนอยู่จุดนั้นเหม่อลอยไปครู่หนึ่ง จนกระทั่งราเม็งเรียกเธอ เธอจึงค่อยระงับความกระวนกระวายใจของเธอได้หน่อย ฝืนยิ้ม และออกจากสถานีตำรวจไปกับเขา
และในคืนนั้น สถานีตำรวจก็โทรมา บอกว่าผลการตัดสินของขนมผิงและเอสได้ออกมาแล้ว เร็วจนมายมิ้นท์ตกตะลึงไปอยู่ครู่หนึ่ง
สถานีตำรวจทำงานเร็วและมีประสิทธิภาพแบบนี้ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ไม่ได้คิดเยอะ มายมิ้นท์ก็รีบสอบถามว่าผลการตัดสินของขนมผิงและเอสนั้นเป็นไงบ้าง และถูกตัดสินจำคุกนานแค่ไหน
ไม่นานมายมิ้นท์ก็ได้คำตอบในไม่ช้า
เอสไม่ใช่ผู้บงการ เขาเป็นผู้สมคบคิด แต่ก็ถูกกักขังตัวไว้สิบวัน
ส่วนขนมผิงเป็นผู้บงการ ถูกกักขังตัวไว้ยี่สิบวันและชดใช้ค่าทำขวัญให้เธอเป็นจำนวนเงินสองแสนหยวน
ตัวเลขนี้ทำให้มายมิ้นท์รู้สึกตกตะลึงอย่างยิ่ง
ระหว่างทางกลับตอนบ่าย เธอโทรไปสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของขนมผิง ทนายความบอกกับเธอว่า แม้ว่าขนมผิงจะก่ออาชญากรรมการข่มขู่ แต่เรื่องยังไม่ได้หนักขนาดนั้น มากที่สุดก็แค่กักขังตัวสิบวัน และค่าทำขวัญห้าหมื่อนหยวน
แต่ตอนนี้ ขนมผิงกลับถูกกักขังตัวไว้เป็นเวลาบี่สิบวัน และค่าทำขวัญก็เพิ่มขึ้นหลายเท่า เห็นได้ชัดเลยว่ามันมีปัญหา!