รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 292 ถ่ายทอดสด
“ไม่ใช่ คือ……” หัวหน้าแอคหลุมอึกอักลังเลไม่กล้าพูด
ส้มเปรี้ยวใจร้อนมาก “พูดมา ใครกัน!”
“อดีตคู่หมั้นคุณ” หัวหน้าแอคหลุมหลับตากลั้นใจ ตอบกลับเสียงดัง
ส้มเปรี้ยวตกตะลึง
เปปเปอร์เหรอ?
ไม่คิดว่าจะเป็นเขา!
ส้มเปรี้ยวกำโทรศัพท์แน่น ราวกับจะกำโทรศัพท์ให้ระเบิด
ผ่านไปไม่กี่วินาที เธอหายใจเข้าลึกๆ สงบสติอารมณ์ชั่วคราว “แล้วตอนนี้สถานการณ์ในเน็ตเป็นไงบ้าง?”
“ตอนนี้ข่าวเกี่ยวกับมายมิ้นท์ในเน็ตหายไปหมดแล้ว พวกแอคปั่นก่อนหน้านี้ที่ใช้แชร์เป็นระยะๆ ก็ถูกกวาดต้อนให้ลบ ถึงแม้ความเคลื่อนไหวโพสต์เดิมของคุณยังอยู่ แต่ก็ถูกบังคับให้ไม่ขึ้นเทรนด์”
พูดถึงตรงนี้ หัวหน้าแอคหลุมก็ถอนหายใจ
มีเงินมีอำนาจมันดีอย่างที่คิดไว้ สามารถควบคุมทั้งเครือข่ายออนไลน์ได้อย่างสะดวก
มือส้มเปรี้ยวที่กำโทรศัพท์นั้นสั่นเล็กน้อย รู้สึกโกรธแล้ว “ถ้าฉันอยากสร้างกระแสมันใหม่ ต้องใช้เงินเท่าไร?”
“สามสิบล้านขึ้นไป” หลังจากหัวหน้าแอคหลุมคิดไตร่ตรอง ก็ให้คำตอบหนึ่งมา
“สามสิบล้าน!” ส้มเปรี้ยวขึ้นเสียง สีหน้าแย่มาก “ทำไมไม่ไปปล้นเอาล่ะ?”
หัวหน้าแอคหลุมยิ้มขมขื่น “คุณส้มเปรี้ยว ผมไม่ได้หลอกคุณนะ ต้องใช้เงินเยอะมากจริงๆ เพราะประธานเปปเปอร์ใช้เงินสามสิบล้านระงับข่าวพวกนี้ คุณอยากสร้างกระแสข่าวพวกนี้อีกครั้ง ก็ต้องใช้เงินมากกว่า ไม่งั้นก็ไม่มีประโยชน์”
“……” ส้มเปรี้ยวโกรธจนปวดตับ
เธอมีสามสิบล้านที่ไหนกัน?
ถึงแม้ตระกูลภักดีพิศุทธิ์จะรวย แต่เบี้ยเลี้ยงทุกเดือนของเธอมีแค่หนึ่งล้าน และใช้หมดตั้งแต่ต้นเดือน เพราะเธอต้องซื้อกระเป๋าและรองเท้าหรูรุ่นใหม่ทุกเดือน หลังจากใช้เงินเบี้ยเลี้ยงไปหมดแล้ว เธอจึงใช้เงินของเปปเปอร์
แต่ตอนนี้งานหมั้นของเธอกับเปปเปอร์ถูกยกเลิกแล้ว ตอนที่เธอยังไม่ฟื้น เปปเปอร์อายัดบัตรทั้งหมดที่อยู่กับเธอไปหมดแล้ว เธอใช้เงินเขาไม่ได้อีกแล้ว เงินที่ซื้อแอคหลุมและแอคปั่นในครั้งนี้ ล้วนใช้เงินฝาก ซึ่งใช้ไปประมาณสองสามล้านแล้ว
สามสิบล้าน เอาเธอไปขายก็หาไม่ได้!
และเธอก็ไม่กล้าเอ่ยปากขอพ่อ ตอนนี้เอสซีกรุ๊ปสูญเสียการร่วมมือจากบริษัทตระกูลนวบดินทร์ทั้งหมด เงินทุนเริ่มเกิดรอยเลื่อน พ่อไม่มีทางเอาเงินเยอะขนาดนี้ให้เธอมาสร้างกระแสข่าวแน่ๆ
ขณะที่คิด ส้มเปรี้ยวก็กัดปาก สุดท้ายก็นึกได้วิธีหนึ่ง มุมปากยกขึ้นอย่างร้ายกาจ “เอาแบบนี้ นายรีบไปกระจายข่าวว่าฉันจะถ่ายทอดสด บอกว่าฉันเตรียมถ่ายทอดสดเล่าขั้นตอนทั้งหมดอย่างละเอียดว่าฉันโดนมายมิ้นท์เล่นงานยังไง”
หัวหน้าแอคหลุมดวงตาเป็นประกาย “วิธีนี้ยอดเยี่ยมมากครับ ถ้าทำแบบนี้ ไม่ว่าใครอยากระงับก็ไม่กล้าระงับ เพราะถ้าระงับการถ่ายทอดสดของคุณ ก็พิสูจน์ได้ว่ามายมิ้นท์ทำลงไปจริงๆ อย่างไม่ต้องสงสัย ไม่งั้นจะกลัวคุณถ่ายทอดสดทำไมล่ะ คุณส้มเปรี้ยว ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”
“ไปเถอะ” ส้มเปรี้ยวยิ้มมืดมนและเย็นชา
ณ เทนเดอร์กรุ๊ป
มายบัคคันหนึ่งจอดอยู่ไม่ไกล
กระจกรถเบาะหลังเลื่อนลงมา เปปเปอร์ขมวดคิ้วมองนอกประตูใหญ่เทนเดอร์กรุ๊ป นักข่าวกลุ่มนั้นแห่จะเข้าไป
เหล่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเทนเดอร์กรุ๊ปยืนเป็นแถว พยายามขวางกั้นนักข่าวเหล่านั้น
แต่นักข่าวเหล่านั้นบ้าคลั่งเกินไป เหล่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยิ่งห้าม พวกเขาก็ยิ่งเบียดรุนแรงขึ้น
เห็นว่าเหล่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะทนไม่ไหวแล้ว เปปเปอร์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “รีบไปช่วย ไล่นักข่าวพวกนั้นไปให้หมด”
“ครับ” ปลายสายโทรศัพท์มีเสียงหนาดังขึ้น
วินาทีต่อมา เปปเปอร์ก็วางโทรศัพท์ลง รถที่ถูกดัดแปลงพิเศษสองสามคันก็ขับผ่านมายบัคของเขาไป จากนั้นก็จอดหน้าประตูใหญ่เทนเดอร์กรุ๊ป
เปิดประตูรถ คนที่อยู่ในชุดฝึกสีดำสิบกว่าคนลงมาจากรถทั้งหมด
ทุกคนในสิบกว่าคนนี้สูงร้อยแปดสิบกว่า ใบหน้าแข็งแกร่งแต่ไร้อารมณ์ กล้ามเนื้อบนร่างปูดนูนขึ้นมา แค่เห็นก็รู้แล้วว่าห้ามยั่วโมโห
คนพวกนี้คือบอดี้การ์ดมืออาชีพของบริษัทรักษาความปลอดภัยในเครือบริษัทตระกูลนวบดินทร์ ทุกคนผ่านการฝึกที่เข้มงวดและหนักที่สุด แค่ยืนตรงนั้น ออร่าอย่างเดียวก็ล้นหลามแล้ว
นักข่าวกลุ่มนั้นที่เดิมทีโหวกเหวกตะโกนเมื่อเห็นบอดี้การ์ดเหล่านี้ ทั้งหมดก็สงบทันที
พวกนี้เป็นใครกันเนี่ย?
ขณะที่เหล่านักข่าวสงสัยไม่เข้าใจ เหล่าบอดี้การ์ดก็เคลื่อนไหว พวกเขาเดินไปข้างหน้าไม่กี่ก้าว ยื่นฝ่ามือใหญ่ออกไปทางนักข่าวกลุ่มนี้
จากนั้นแต่ละคนก็หิ้วท้ายทอยนักข่าวแต่ละคน เหมือนหิ้วลูกเจี๊ยบ ยัดเหล่านักข่าวพวกนี้เข้าไปในรถทั้งหมด จากนั้นก็ขับออกไป
กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาสั้นๆ สองนาที เมื่อเหล่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเทนเดอร์กรุ๊ปตอบสนอง ตรงหน้าก็ว่างเปล่าไม่เหลือใคร ราวกับทุกอย่างเมื่อครู่นี้เป็นแค่ภาพลวงตา
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เมื่อกี้คนพวกนั้นที่เหมือนมาเฟีย โผล่มาจากไหน?
เปปเปอร์เห็นนักข่าวพวกนั้นถูกไล่ไปหมดแล้ว ก็สตาร์ทรถอีกครั้ง ขับไปที่ประตูใหญ่เทนเดอร์กรุ๊ป
ในห้องทำงานของมายมิ้นท์ มายมิ้นท์กำลังปรึกษากับแผนกซื้อขายหุ้นเรื่องตลาดหลักทรัพย์ ทันใดนั้นประตูห้องทำงานก็มีเสียงเคาะดังขึ้น
เธอเงยหน้ามองไป เห็นเปปเปอร์ ทั้งร่างตกตะลึง “คุณ……ทำไมเป็นคุณ?”
เปปเปอร์ก้าวเท้ายาวเดินเข้ามา เห็นตากลมของเธอประหลาดใจ ในดวงตาก็ฉายรอยยิ้ม “ฉันเอง”
มายมิ้นท์วางหูโทรศัพท์ตั้งโต๊ะ ขมวดคิ้วสวย “คุณขึ้นมาได้ไง?”
“คนในบริษัทคุณ ไม่กล้าหยุดฉัน” เปปเปอร์หยุดอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามโต๊ะทำงานเธอแล้วพูดขึ้น
มุมปากมายมิ้นท์กระตุก
ใช่แล้ว เทนเดอร์กรุ๊ปเทียบกับบริษัทตระกูลนวบดินทร์ไม่ได้ และตอนนี้เทนเดอร์กรุ๊ปยังพึ่งพาการร่วมมือเหล่านั้นจากบริษัทตระกูลนวบดินทร์ถึงจะมั่นคงและพัฒนาได้ถึงตอนนี้ กล่าวได้ว่าบริษัทตระกูลนวบดินทร์คือเงินทุนของเทนเดอร์กรุ๊ป ประกอบกับเปปเปอร์อยู่ในฐานะเสี่ยเลี้ยง พนักงานของเธอไม่กล้าหยุดเขาก็เป็นเรื่องปกติ
คราวก่อนก็แบบนี้ไม่ใช่เหรอ?
มายมิ้นท์ขมวดคิ้ว “เอาล่ะ แต่ตอนคุณขึ้นมา ไม่โดนนักข่าวพวกนั้นหยุดไว้เหรอ?”
ตอนนี้สิ่งที่เธอเป็นห่วงคือ ถ้าเขาโดนนักข่าวเหล่านั้นหยุดเอาไว้ หลังจากนั้นเรื่องที่เขามาเทนเดอร์กรุ๊ปจะไม่ถูกเปิดเผยเหรอ?
เมื่อเวลานั้นมาถึงคนเหล่านั้นบนอินเทอร์เน็ต ก็น่าจะโจมตีเธออีกครั้ง
ดูเหมือนจะดูออกว่ามายมิ้นท์เป็นห่วงอะไร เปปเปอร์ดึงเก้าอี้นั่งลง “ไม่ต้องห่วง นักข่าวพวกนั้นโดนคนของฉันไล่ไปหมดแล้ว”
ระหว่างทางที่เขามา ก็ให้บริษัทรักษาความปลอดภัยส่งบอดี้การ์ดกองร้อยหนึ่งมา เพื่อกำจัดนักข่าวทั้งหมดในเทนเดอร์กรุ๊ป และพวกชาวเน็ตที่มุ่งร้ายกับเธอ
แต่เมื่อครู่นี้เหมือนเขาไม่เห็นพวกชาวเน็ต
“ไล่ไปหมดแล้วเหรอ?” มายมิ้นท์ตกตะลึง จากนั้นก็รีบเดินไปที่หน้าต่างบานใหญ่ ก้มศีรษะมองลงไป
เห็นว่าด้านล่างไม่มีนักข่าวแล้วจริงๆ เธอก็หันตัวเดินกลับมาตำแหน่งเมื่อครู่ มองชายคนนั้นด้วยแววตาซับซ้อน “ขอบคุณ”
“หืม?” เปปเปอร์กำลังคิดอะไรบางอย่าง ได้ยินไม่ค่อยชัด
แต่มายมิ้นท์นึกว่าเขาจงใจแกล้งได้ยินไม่ชัด อยากจะเธอพูดดังขึ้นอีกครั้ง ในใจก็อึดอัดนิดหน่อย
แต่นึกถึงเรื่องไล่นักข่าวพวกนั้น หรือระงับข่าวในอินเทอร์เน็ต เขาเป็นคนช่วยเหลือ เธอก็ไม่มีเหตุผลที่จะโมโหใส่เขา
คิดถึงตรงนี้ มายมิ้นท์ก็หายใจเข้า หลังจากสงบสติอารมณ์แล้ว ก็โค้งคำนับเปปเปอร์ “ฉันบอกว่า ขอบคุณ ขอบคุณที่คุณช่วยฉันไล่นักข่าวพวกนั้น แล้วก็ขอบคุณที่คุณช่วยฉันระงับข่าวพวกนั้น”
เปปเปอร์ไม่ค่อยชอบที่เธอขอบคุณเขาอย่างห่างเหินแบบนี้ ยื่นมือจะดึงเธอขึ้นมา
แต่มายมิ้นท์หลบได้ก่อน ตัวเองยืนตัวตรง
เปปเปอร์ดวงตามืดมน หลังจากถูนิ้วสักพัก วางมือลงมา ยับยั้งความหดหู่ภายในใจแล้ว ก็เผยอริมฝีปากบางตอบกลับ “เป็นสิ่งที่ควรทำ คุณไม่ต้องขอบคุณ”
“ไม่ ไม่มีอะไรที่ควรทำ คุณก็ไม่ได้มีหน้าที่ช่วยฉันทำเรื่องพวกนี้ ดังนั้นฉันควรตอบแทนคุณ” มายมิ้นท์มองเขา แล้วพูดจริงจัง
เปปเปอร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย อยากพูดว่าไม่ต้องการให้เธอตอบแทน นี่คือสิ่งที่เขาเต็มใจทำให้เธอ
แต่เขารู้ ถ้าเขาพูดแบบนี้ เธอต้องไม่ยอมรับแน่
สู้เป็นแบบนี้ดีกว่า อย่างน้อยก็มีความสัมพันธ์แบบมีบุญคุณกับพวกเขา
“โอเค” เปปเปอร์พยักหน้า
มายมิ้นท์เห็นเขาตกลงแล้วก็โล่งอก จากนั้นก็ถามอีกครั้ง “จริงสิประธานเปปเปอร์ คุณมาที่นี่ มีเรื่องอะไรเหรอ?”