รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 303 เวรกรรมตามสนองชาวเน็ต
“เชิญประธานมายมิ้นท์กำชับมาได้เลยค่ะ” เลขาซินดี้มองมาที่เธอ
มายมิ้นท์ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย “กล้องวงจรปิดที่โรงจอดรถ ส่งไปที่สถานีตำรวจแล้วหรือยัง?”
เลขาซินดี้พยักหน้า “แม้ว่ารถติดอาจจะล่าช้าไปสักหน่อย แต่ก็ได้ส่งไปแล้วค่ะ”
มายมิ้นท์ตอบรับเบาๆ “โอเคดีแล้ว คุณไปทำธุระต่อเถอะ”
“ค่ะ” เลขาซินดี้ยิ้มตอบรับ ก่อนจะเดินตรงไปที่ประตู
เธอเพิ่งจะเดินไปถึงปากประตู ยังไม่ทันจะเอื้อมมือไปเปิดก็ปรากฏว่าประตูถูกผลักเข้ามาจากคนที่อยู่ข้างนอก
ลาเต้เดินเข้ามาข้างในอย่างเร่งรีบและชนเข้ากับเลขาซินดี้อย่างจัง
“ว้าย!” เลขาซินดี้เสียศูนย์ เท้าที่สวมรองเท้าส้นสูงของเธอสวมถอยออกไปแทบจะล้มลง
ยังดีที่ลาเต้สายตาว่องไว เขาจึงได้เอื้อมมือไปคว้าแขนของเธอเอาไว้ทันและดึงเธอกลับมา
“ขอโทษครับ ขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ คุณเป็นอะไรไหม?” ลาเต้เอ่ยขอโทษด้วยความรู้สึกผิด
เลขาซินดี้เหลือบไปเห็นมือที่เขากุมแขนของเธอเอาไว้ แววตาเกิดเป็นความสุขเล็กน้อยและจางหายไปอย่างรวดเร็ว เธอส่ายหน้าแล้วตอบว่า “ฉันไม่เป็นอะไรค่ะประธานลาเต้”
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วครับ” ลาเต้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนจะปล่อยเธอแล้วเดินไปทางมายมิ้นท์
เลขาซินดี้มองตามหลังเขาไป ดวงตาของเธอหรี่ลงครู่หนึ่ง ก่อนจะก้มศีรษะแล้วก้าวขาออกไป
วินาทีที่ประตูถูกปิดลง เลขาซินดี้ยังได้ยินเสียงของลาเต้พูดดังขึ้นว่า “ที่รัก ผมมาแล้ว!”
“มาก็มาสิคะ จะรีบร้อนทำไมกัน แล้วยังไปชนซินดี้อีก”
ลาเต้หัวเราะแหะ “ก็ผมอยากจะมาพบหน้าคุณเร็วๆ นี่ครับ”
ก่อนหน้านั้นในโทรศัพท์ เขาบอกว่าจะไปหาเธอที่สถานีตำรวจ แต่ว่ามีธุระต้องไปจัดการทำให้เสียเวลา ดังนั้นเขาจึงไม่ทันที่จะเดินทางไปสถานีตำรวจ จึงได้ขับรถมาที่นี่โดยตรง”
“มีเรื่องอะไรเหรอคะ?” มายมิ้นท์ชี้ไปที่ฝั่งตรงข้าม เป็นความหมายให้ลาเต้นั่งลง
ลาเต้ดึงเก้าอี้ออกมานั่ง “เรื่องดีครับ คุณลองเดาดูซิว่าตอนนี้ในโลกอินเทอร์เน็ตเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก?”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ มายมิ้นท์ก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน “หรือว่าส้มเปรี้ยวพูดอะไรออกมาอีกคะ? เธอทำให้ความวุ่นวายแย่ลงไปอีกอย่างงั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่ครับ!” ลาเต้รีบโบกไม้โบกมือ “ผมบอกแล้วไงว่าเป็นเรื่องดี จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับส้มเปรี้ยวก่อเรื่องอะไรขึ้นอีกได้ยังไงล่ะ!”
มายมิ้นท์รู้สึกเริ่มสนใจขึ้นมาเล็กน้อย เธอยืดหลังตรงแล้วถามว่า “เหรอคะ แล้วเรื่องอะไรกัน?”
ลาเต้ยักคิ้วใส่เธอแล้วยิ้มแหะๆ “พวกชาวเน็ตที่ก่อนหน้านี้ออกมาด่าคุณ อีกทั้งพวกแฟนคลับที่อยู่ฝ่ายเดียวกันกับส้มเปรี้ยว พวกที่ใส่ร้ายป้ายสีโยนความผิดมาให้คุณ ตอนนี้พวกเขาได้รับผลกรรมที่ก่อไว้ทางอินเทอร์เน็ตแล้ว!”
“อะไรนะคะ?” ดวงตาของมายมิ้นท์เบิกกว้าง “ได้รับผลกรรม ได้รับผลกรรมยังไงคะ?”
ลาเต้กำมือ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “พวกชาวเน็ตเหล่านั้นถูกใครบางคนแฮกข้อมูลและเปิดเผยข้อมูลตัวตนของทุกคนออกมา แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เรื่องอันน่าอายที่พวกเขาเคยทำไว้ก็ถูกเปิดโปงมาเช่นกัน ตอนนี้คนทั่วโลกล้วนรู้หมดแล้ว คาดว่าในอนาคตคงไม่มีหน้าจะไปพบใครอีกเลยล่ะ!”
“เหรอคะ?” ดวงตาของมายมิ้นท์หรี่ลง “แล้วพวกบัญชีการตลาดกับสื่อมีเดียล่ะคะ?”
“พวกเขาน่ะเหรอ” ลาเต้ยิ้มเยาะออกมาอย่างขบขัน “พวกเขาก็คล้ายๆ กัน พวกบัญชีการตลาดและสื่อเหล่านั้นล้วนเป็นพวกแสวงหากำไร เพียงแค่ให้เงินพวกเขา พวกเขาก็ไม่สนใจหรอกว่าข่าวที่ให้เผยแพร่ออกไปนั้นเป็นจริงหรือไม่ ไม่สนใจว่ามีเงื่อนงำอะไรหรือเปล่า เพียงแค่สามารถดึงดูดความสนใจจากผู้คนได้ก็พอ เอาเป็นว่าพวกเขาดูดเลือดของคนอื่นมามากมาย และฆ่าผู้บริสุทธิ์ทางอ้อม ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาทำอย่างไร้มนุษยธรรมทุกเรื่องได้ถูกเปิดเผยออกมาบนโลกอินเทอร์เน็ตแล้ว และทางตำรวจไอทีก็ได้เริ่มทำการสอบสวนอย่างละเอียด”
ต้องยอมรับว่าในครั้งนี้ ราเม็งเจ้าหมอนั่นทำได้ดีทีเดียว เขาได้ฉีกหน้ากากของบรรดาชาวเน็ตเหล่านั้นออก เผยให้เห็นความมืดมนที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังแล้วเปิดโปงต่อหน้าสาธารณชน ทำให้โลกทางอินเทอร์เน็ตยุ่งเหยิงไปหมด
ด้วยเหตุนี้เอง ตำรวจไอทีคงจะพยายามจับกุมราเม็งแน่ แต่ความสามารถและทักษะของราเม็งนั้นสูงมาก เขาไม่ปล่อยให้ตำรวจจับได้หรอก
หลังจากที่มายมิ้นท์ฟังคำพูดของลาเต้จบ ในใจของเธอก็รู้สึกได้ถึงบางอย่าง ริมฝีปากแดงเรื่อเม้มเข้าหากัน “คุณรู้ได้ยังไงว่าพวกชาวเน็ตและบัญชีการตลาดเหล่านั้น มุ่งเป้ามาที่ฉันตั้งแต่แรก คุณก็รู้นี่ว่าในวงการบันเทิงมีคนมากมายทรุดตัวลง……”
“บนอินเทอร์เน็ตมีเขียนเอาไว้” ลาเต้นั่งตัวตรงแล้วพูดต่อว่า “ข้อมูลของคนพวกนี้ตรวจสอบพบว่าเคยด่าทอคุณมาก่อน”
“เหรอคะ ให้ฉันดูหน่อยได้ไหม?” มายมิ้นท์ขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วเปิดดูคอมพิวเตอร์
เป็นไปตามที่ลาเต้พูด ตอนนี้ในโลกอินเทอร์เน็ตช่างวุ่นวาย ชาวเน็ตและบัญชีการตลาดจำนวนมากถูกเปิดเผยข้อมูลจริงออกมา อีกทั้งสิ่งเลวร้ายที่พวกเขาทำมาตั้งแต่เล็ก นับแต่เรื่องเล็กไปถึงเรื่องใหญ่
สำหรับพวกชาวเน็ตยังไม่เท่าไร พวกเขาทำความผิดเพียงเล็กน้อยอย่างเช่น แอบดูผู้หญิงอาบน้ำ หรือขโมยไก่ของเพื่อนบ้าน หรือก่อความรุนแรงในโรงเรียนเป็นต้น
ซึ่งเรื่องเหล่านี้ พวกเขาไม่จำเป็นต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย เพียงแค่รู้สึกอับอายขายหน้า ในอนาคตเมื่อพวกเขาไปพบกับใครเขาก็คงจะถูกหัวเราะเยาะ จากนี้ ทุกครั้งที่เดินทางออกจากบ้านคงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
แต่พวกบัญชีการตลาดและสื่อมีเดียค่อนข้างที่จะหนัก พวกการเลี่ยงภาษีเหล่านั้นนับว่าเป็นเรื่องเล็ก ส่วนเรื่องใหญ่ก็เพียงพอที่จะจับกุมพวกเขาเข้าคุกได้
แต่สิ่งเหล่านี้มายมิ้นท์ไม่ได้สนใจเท่าไร เธอสนใจเพียงว่าคนที่เปิดโปงเรื่องนี้ออกมาเป็นใคร?
เธอนึกไปถึงคำพูดของเปปเปอร์ก่อนหน้านั้น อีกทั้งคำพูดของราเม็ง
แววตาของมายมิ้นท์กะพริบเป็นประกาย เป็นพวกเขาสองคนหรือ?
พวกเขาทั้งสองคนล้วนเคยพูดมาก่อนว่าจะไม่ปล่อยพวกชาวเน็ตและบัญชีทางการรวมไปถึงสื่อมีเดียเหล่านี้ ด้วยเหตุนี้เอง ความเป็นไปได้ที่จะเป็นพวกเขาทั้งสองจึงค่อนข้างสูง
เพียงแต่ไม่รู้ว่า ระหว่างพวกเขาทั้งสองใครเป็นคนทำกันแน่?
ณ บริษัทนวบดินทร์
เมื่อเปปเปอร์จัดแจงเอกสารเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ได้เรียกผู้ช่วยเหมันต์เข้ามา “ก่อนหน้านี้ที่ผมให้คุณไปจัดการเรื่องรายชื่อของชาวเน็ต คุณจัดการเสร็จหรือยัง?”
“เรียบร้อยแล้วครับ แต่ว่าประธานเปปเปอร์ ดูเหมือนพวกเราจะไม่ต้องลงมือเองแล้ว มีใครบางคนเข้ามาจัดการกับชาวเน็ต บัญชีทางการและสื่อมีเดียเหล่านั้นก่อนเราแล้ว” ผู้ช่วยเหมันต์ยืนอยู่ตรงข้ามกับโต๊ะทำงานของเปปเปอร์แล้วตอบกลับ
สีหน้าของเปปเปอร์เปลี่ยนไปเล็กน้อย “มีคนลงมือก่อนอย่างงั้นเหรอ ใคร?”
“ผมเองยังไม่ทราบครับ” ผู้ช่วยเหมันต์ส่ายหน้าก่อนจะตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจังว่า “แต่คนคนนั้นสามารถตรวจสอบคนหลายแสนคนได้อย่างชัดเจนในระยะเวลาสั้นๆ แสดงถึงความสามารถการแฮกระดับสูงของเขา นับแต่ในอดีตมีแฮกเกอร์เพียงคนเดียวที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดซึ่งพวกเรารู้จัก และคอยปกป้องคุณมายมิ้นท์อยู่”
“ชายเจ้าเล่ห์!” เปปเปอร์พูดออกมา
ผู้ช่วยเหมันต์พยักหน้า “ใช่ครับ ผมคิดว่าในครั้งนี้แฮกเกอร์ที่ลงมือทำน่าจะเป็นชายเจ้าเล่ห์”
เปปเปอร์เม้มริมฝีปากอันเรียวบาง เขาพูดอะไรไม่ออก นิ้วมืออันเรียวยาวเคาะลงบนโต๊ะเบาๆ ทำให้มองไม่ออกว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่
เขากำลังคิดว่าชายเจ้าเล่ห์เป็นใครกันแน่? ทำไมมักจะเอาแต่หลบซ่อนอยู่ในความมืดไม่กล้าปรากฏตัว และเขาเกี่ยวข้องอะไรกับมายมิ้นท์?
เปปเปอร์ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างรู้สึกอึดอัดใจ
แต่สิ่งที่เขาไม่พอใจที่สุดนั่นก็คือ ชายเจ้าเล่ห์ลงมือรวดเร็วจริงๆ เขาตัดหน้าตนและจัดการกับชาวเน็ตเหล่านั้นไปก่อน
“ประธานเปปเปอร์ครับ” ผู้ช่วยเหมันต์เอ่ยปากเรียกเปปเปอร์
ดวงตาของเปปเปอร์กะพริบเบาๆ ก่อนจะรวบรวมสติกลับคืนมา “มีอะไรเหรอ?”
“โทรศัพท์ดังครับ คุณมายมิ้นท์โทรมา” ผู้ช่วยเหมันต์ชี้ไปที่โทรศัพท์มือถือของเขา
เปปเปอร์ก้มหน้าลงมองและพบว่าเป็นสายจากมายมิ้นท์จริงๆ แต่เมื่อสักครู่นี้เนื่องจากเขากำลังจัดการกับเอกสารอยู่จึงได้ปิดเสียงโทรศัพท์ไป ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ไม่ได้ยิน
เปปเปอร์ขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมารับสายพูดว่า “สวัสดีครับมายมิ้นท์”
ผู้ช่วยเหมันต์ได้ยินเสียงที่เขาเรียกมายมิ้นท์ด้วยความอ่อนโยนเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตามอง
มีความรักและวิเศษมากหรือไง!
อืม คงวิเศษมากจริงๆ เขาเกิดมาได้สามสิบปีแล้ว แต่ไม่เคยมีใครมาให้ชอบเลยด้วยซ้ำ น่าอนาถจริงๆ ……
ผู้ช่วยเหมันต์ได้แต่ถอนหายใจออกมาแล้วยิ้มอย่างขมขื่น
อีกฝ่ายหนึ่งของโทรศัพท์ มายมิ้นท์จ้องมองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วพูดว่า “ประธานเปปเปอร์คะ เรื่องในอินเทอร์เน็ตนั่นคุณเป็นคนทำเหรอ?”
เปปเปอร์ได้ยินประโยคนี้ก็เข้าใจได้ทันทีว่าเธอหมายถึงอะไร เข้าส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วก้มหน้าลง “ไม่ใช่ผม”
ดูเหมือนว่าชายเจ้าเล่ห์จะยังไม่บอกเธอ
การที่ชายเจ้าเล่ห์ทำเรื่องมากมายให้กับมายมิ้นท์ขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าเขามีความคิดอย่างว่ากับมายมิ้นท์ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ที่จริงแล้วชายเจ้าเล่ห์สามารถบอกกับมายมิ้นท์ได้ถึงความเป็นจริง เพื่อแลกมากับความรู้สึกซาบซึ้งใจ ทำให้มายมิ้นท์ประทับใจ แต่ชายเจ้าเล่ห์ไม่ได้ทำอย่างนั้น เพราะอะไรกัน?