รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 304 ราเม็งคือชายเจ้าเล่ห
มายมิ้นท์ไม่รู้ว่าเปปเปอร์คิดอะไรอยู่ เธอเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ “อะไรนะคะ ไม่ใช่คุณเหรอ?”
เปปเปอร์ตอบรับเบาๆ ในลำคอ
มายมิ้นท์กุมโทรศัพท์ไว้ในมือแน่น
ถ้าไม่ใช่เปปเปอร์ก็คงเป็นราเม็ง
แต่ราเม็งมีความสามารถอย่างนี้ได้อย่างไร ในระยะเวลาอันสั้นเขาสามารถตรวจสอบข้อมูลของชาวเน็ต บัญชีการตลาดและสื่อมีเดียต่างๆ ได้อย่างละเอียดเช่นนี้!
เมื่อคิดได้ดังนั้น จู่ๆ มายมิ้นท์ก็นึกถึงคำพูดของเปปเปอร์ที่เคยพูดกับเธอก่อนหน้า
เปปเปอร์บอกว่าราเม็งไม่ธรรมดา ให้คอยระวังไว้เป็นดี
ในตอนนั้นปฏิกิริยาของเธอคือหัวเราะออกมาหึๆ เป็นการเยาะเย้ย แต่ตอนนี้เธอพบว่าเธอผิดไปแล้ว
ราเม็งไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่เธอคิดเอาไว้จริงๆ
“มายมิ้นท์ คุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ?” เมื่อพบว่ามายมิ้นท์ไม่พูดอะไรออกมา เปปเปอร์จึงรู้สึกกังวลเล็กน้อย
มายมิ้นท์ได้สติกลับคืนมา เธอเอามือขึ้นลูบจมูกแล้วตอบว่า “ไม่มีอะไรค่ะ ถ้าไม่ใช่ประธานเปปเปอร์ อย่างนั้นฉันขอวางสายก่อนนะคะ”
เปปเปอร์ขมวดคิ้วเข้าหากัน
ที่จริงเขาอยากจะถามเธออีกสักสองสามประโยค แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะวางสายเร็วแบบนี้
เปปเปอร์เงยหน้าขึ้นมองผู้ช่วยเหมันต์ด้วยสีหน้าไม่พอใจ “คุณยังมีเรื่องอะไรอีกมั้ย?”
“ไม่มีอะไรแล้วครับ ถ้าอย่างนั้นประธานเปปเปอร์ครับ ผมขอตัวก่อน” เลขาเหมันต์ขยับขอบแว่นตาตนเอง
ประธานเปปเปอร์โบกไม้โบกมือเป็นการอนุญาต
ผู้ช่วยเหมันต์หันหลังกลับไป จากนั้นก็กลอกตามองบน
จริงๆ เชียว! หงุดหงิดกับคุณมายมิ้นท์แล้วก็หันมาระบายอารมณ์ใส่เขา เจ้านายแบบนี้ช่างน่าอึดอัดจริง!
หากไม่ได้เห็นแก่หุ้นร้อยละศูนย์จุดไม่เท่าไรนั่น เขาก็คงจะไม่อยู่รับใช้แล้ว!
ณ เทนเดอร์กรุ๊ป
ลาเต้เห็นมายมิ้นท์โยนโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะ แววตาของเขาเป็นประกายและรีบเอ่ยถามว่า “ทำไมเหรอครับ ไม่ใช่ฝีมือเขา?”
มายมิ้นท์ส่ายหน้า “ไม่ใช่ค่ะ เป็นฝีมือของราเม็ง”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ลาเต้ก็กระโดดขึ้นจากเก้าอี้ด้วยความตกใจ “คุณ……คุณรู้ได้ยังไงว่าเป็นเจ้าราเม็ง?”
หรือว่าเปปเปอร์รู้แล้วว่าราเม็งเป็นแฮกเกอร์?
มายมิ้นท์ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องดูตื่นเต้นขนาดนี้ด้วย จึงมองไปทางเขาด้วยความประหลาดใจแล้วตอบว่า “ราเม็งเป็นคนบอกกับฉันเอง เขาบอกว่าเขาจะจัดการกับคนเหล่านั้น เปปเปอร์ก็เคยบอกกับฉันเหมือนกัน แต่ในเมื่อไม่ใช่เปปเปอร์ทำแน่นอนว่าต้องเป็นฝีมือของราเม็งนะสิคะ”
“อ๋อ แบบนี้นี่เอง” ลาเต้ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วนั่งลงดังเดิม
ที่แท้เจ้าราเม็งนั้นเป็นคนเปิดเผยตัวตนเองหรอกหรือ
ว่าแต่ เจ้าหมอนั่นตั้งใจจะไม่ปิดบังที่รักแล้วเหรอ?
มายมิ้นท์ไม่ได้สังเกตแววตาอันผิดปกติไปของลาเต้ เธอดื่มน้ำเข้าไปสองอึกแล้วตอบว่า “แต่ว่าราเม็งทำให้ฉันตกใจมากทีเดียวนะคะ เขาทำเรื่องแบบนี้ได้โดยไม่ได้ป่าวประกาศให้ใครรู้ คุณว่าเขามีความสามารถมากขนาดนี้ไปเรียนกับใครมากัน?” สามารถสืบค้นข้อมูลเบื้องหลังของชาวเน็ตเหล่านั้นออกมาได้จนหมด ความสามารถแบบนี้มันแฮกเกอร์ชัดๆ อีกอย่างราเม็งตรวจสอบข้อมูลของคนได้มากมาย เห็นได้ชัดว่าทักษะแฮกของราเม็งไม่เบาเลย
“เออ……เรื่องนี้ผมจะรู้ได้ยังไง?” ลาเต้รีบยกแก้วน้ำขึ้นดื่มทำท่าทำทางเป็นหิวน้ำ
มายมิ้นท์นวดบริเวณหัวคิ้วแล้วพูดว่า “ฉันพบว่าที่จริงแล้วฉันไม่ได้รู้จักราเม็งเท่าไหร่เลย สิ่งที่อยู่ในความทรงจำของฉัน ยังคงเป็นเขาตอนที่อายุสิบห้า จนกระทั่งตอนนี้ฉันจึงได้ค้นพบว่าเขาเติบโตแล้ว และเปลี่ยนไปจนยากที่จะเข้าถึง”
“อะไรกัน ทุกคนล้วนมีความลับของตนเอง คุณเพียงแค่รู้ว่าเขาจะไม่ทำร้ายคุณก็พอ จะไปสนใจเรื่องอื่นทำไม?” ลาเต้ยักไหล่แล้วตอบอย่างไม่ใส่ใจ
เมื่อถูกเขาโน้มน้าวแบบนี้ มายมิ้นท์ก็รู้สึกว่ามีเหตุมีผล เธอวางแก้วน้ำกลับไปที่เก่าแล้วพูดว่า “ที่คุณพูดมาก็ถูกนะคะ เพียงแค่ราเม็งไม่ทำเรื่องวุ่นวาย ต่อให้เขามีความลับแล้วยังไงล่ะ”
อีกอย่าง ราเม็งทำเรื่องมากมายขนาดนี้ก็เพื่อที่จะแก้แค้นแทนเธอ
จู่ๆ โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
มายมิ้นท์เหลือบตาไปมองและพบว่าเป็นสายจากทางสถานีตำรวจ
“เธอจึงรีบรับสายมัน “สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับคุณมายมิ้นท์ ข่าวเรื่องข้อมูลความจริงของบรรดาชาวเน็ตถูกเปิดโปง คุณรู้เรื่องหรือยังครับ?” เจ้าหน้าที่ตำรวจเอ่ยถาม
มายมิ้นท์พยักหน้า “รู้แล้วค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีคุณน่าจะรู้ว่าแฮกเกอร์คนนี้ทำไปเพื่อคุณใช่ไหม?” ทางตำรวจเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
มายมิ้นท์ยังคงพยักหน้าแล้วตอบว่า “ใช่ค่ะ”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ผมหวังว่าคุณมายมิ้นท์จะบอกข้อมูลความจริงเกี่ยวกับแฮกเกอร์คนนี้ต่อเรา” ในที่สุดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เอ่ยถึงวัตถุประสงค์ในการโทรศัพท์มาในครั้งนี้
มายมิ้นท์มองไปทางลาเต้
ลาเต้เข้าใจในทันทีถึงความหมายเธอ จึงส่ายหน้าเป็นการบอกว่าไม่ให้เธอพูด
ที่จริงแล้วมายมิ้นท์ก็ไม่อยากจะพูดออกไป เธอสูดลมหายใจเข้าจากนั้นพยายามทำให้ตนเองสงบลง พูดด้วยน้ำเสียงที่ดูฟังเป็นธรรมชาติว่า “ขอโทษนะคะคุณตำรวจ แต่ฉันไม่รู้”
“ไม่รู้เหรอครับ?” เจ้าหน้าที่ตำรวจขมวดคิ้วเข้าหากัน
มายมิ้นท์ตอบว่า “ใช่ค่ะ ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร เขาเคยช่วยฉันไว้ถึงสองครั้ง แต่ละครั้งเขาไม่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าฉันเลย สิ่งที่ฉันรู้อย่างเดียวก็คือเขาชอบสวมหน้ากากรูปจิ้งจอก”
ก่อนหน้านี้เธอก็เคยถูกโจมตีทางอินเทอร์เน็ตมาแล้วครั้งหนึ่ง ในครั้งนั้นมีแฮกเกอร์คนหนึ่งเข้ามาช่วยเธอเอาไว้ แม้ว่าเธอจะไม่เคยเห็นหน้าแฮกเกอร์คนนั้น แต่แฮกเกอร์คนนั้นก็ได้ทิ้งสัญลักษณ์รูปจิ้งจอกเอาไว้
หลังจากนั้นต่อมาส้มเปรี้ยวก็ถูกลักพาตัว และคนที่ลักพาตัวส้มเปรี้ยวไปก็คือแฮกเกอร์ผู้ที่สวมหน้ากากรูปจิ้งจอก
ในตอนนั้นคุณบุญเยี่ยมสงสัยว่าเธอเป็นคนไปจ้างวานแฮกเกอร์ ดังนั้นจึงเดินทางมาหาเรื่องเธอด้วยตนเอง
ด้วยเหตุนี้ ตอนนี้เธอมั่นใจแล้วว่าชายเจ้าเล่ห์ก็คือราเม็ง ราเม็งวิดีโอคอลกับคุณบุญเยี่ยม และเขาก็กล้าที่จะสวมหน้ากากจิ้งจอก นั่นหมายความว่าเขามีความเชื่อมั่นในตนเองสูง เชื่อมั่นว่าคนอื่นต่อให้รู้ว่าเขาสวมหน้ากากจิ้งจอก ก็ไม่อาจหาหลักฐานสืบมายังเขาได้ ดังนั้นการที่เธอบอกข้อมูลนี้ไปกับทางตำรวจน่าจะไม่มีปัญหาอะไร
เนื่องจากหากเธอไม่รู้อะไรเลยสักนิดก็คงน่าสงสัย
“หน้ากากจิ้งจอกเหรอครับ?” เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบจดข้อมูลนี้ทันทีและเอ่ยถามว่า “คุณมายมิ้นท์ครับ ยังมีอย่างอื่นอีกหรือไม่?”
“ไม่มีแล้วค่ะ ฉันไม่รู้จักแฮกเกอร์คนนี้จริงๆ คุณส่งคนไปสืบจากคนที่รู้จักฉันก็จะรู้ว่าฉันไม่ได้โกหก” มายมิ้นท์ตอบ
หากว่าในครั้งนี้ราเม็งไม่ได้เป็นคนพูดออกมาเอง เธอก็คงไม่รู้เหรอว่าราเม็งคือชายเจ้าเล่ห์ จากตรงนี้เห็นได้ว่าราเม็งเก็บซ่อนความลับเอาไว้ลึกซึ้งเพียงใด คาดว่าคนที่รู้ว่าเขามีทักษะแฮกเกอร์นี้คงจะน้อยมาก
แม้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่แน่ว่าจะตรวจสอบออกมาพบ
“โอเคครับผมเข้าใจแล้ว พวกเราจะรีบทำการสืบสวน หากว่าคุณมายมิ้นท์คิดอะไรขึ้นได้อีกเกี่ยวกับเงื่อนงำเหล่านี้ล่ะก็รบกวนแจ้งพวกเราให้ทราบด้วย” เจ้าหน้าที่ตำรวจพูด
“ค่ะ” มายมิ้นท์ตอบรับเบาๆ
หลังจบการสนทนาทางโทรศัพท์ เธอก็วางโทรศัพท์มือถือลงแล้วถอนหายใจออกมาเลือกใหญ่ จากนั้นมองไปที่ลาเต้ “เป็นยังไงบ้างคะ ฟังออกไหมว่าฉันกำลังโกหก?”
“ฟังไม่ออกเลย” ลาเต้ยกนิ้วโป้งขึ้น
มายมิ้นท์หัวเราะ “ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วค่ะ”
เพื่อราเม็งแล้ว เธอพยายามโกหกให้แยบยลที่สุด
โชคดีที่ผลลัพธ์ออกมาไม่เลว
“แต่ว่า เราควรจะบอกเรื่องที่ทางตำรวจจะจับกุมเขาให้เขารับรู้” หลังจากพึมพำจบ มายมิ้นท์ก็ตั้งใจจะโทรศัพท์ไปหาราเม็ง
เพราะถึงอย่างไรทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคงไม่ปล่อยให้แฮกเกอร์ที่เก่งกาจขนาดนี้ลอยนวลอยู่ข้างนอก พวกเขาคงจะใช้มาตรการเด็ดขาดในการจับกุม
อาชีพที่ราเม็งชื่นชอบที่สุดก็คือนายแบบ แน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมให้ถูกจับกุมโดยง่ายแน่
“อย่าครับ อย่าโทร” ลาเต้รีบกุมมือมายมิ้นท์ที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือเอาไว้ เขาพูดอย่างจริงจังว่า “แม้ว่าคุณจะพยายามโกหกให้อีกฝ่ายหนึ่งฟังไม่ออกอย่างไร แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคงไม่เชื่อแน่ ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่ใช่คนโง่ บางทีพวกเขาอาจจะทำความร่วมมือกับบริษัทโทรศัพท์ และดักฟังการโทรเข้าโทรออกของคุณ”
“นี่มัน……” เมื่อถูกเขาเตือนขึ้นดังนี้ มายมิ้นท์ก็สูดลมหายใจเข้าลึกและได้สติกลับคืนมา พบว่าตนเองเกือบจะทำร้ายราเม็งเสียแล้ว
“โชคดีจริงนะคะที่คุณคอยเตือนฉันเอาไว้” มายมิ้นท์มองไปทางเขาด้วยอาการซาบซึ้ง
ลาเต้ยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “เรื่องเล็กน้อยครับ การติดต่อกับราเม็งให้ผมจัดการเองดีกว่า ผมจะใช้วิธีอื่นในการบอกเรื่องนี้กับเขา”
“ค่ะ รบกวนด้วยนะคะ” มายมิ้นท์พยักหน้า
หลังจากนั้นลาเต้ก็สนทนากับเธอเป็นเพื่อนอยู่สักพักก่อนจะจากไป
ในไม่ช้า เวลากลางคืนก็มาถึง
ณ โรงพยาบาลนิวเวอร์ ไฟในห้องผ่าตัดสว่างขึ้นและในที่สุดก็ดับลง
การันต์เดินกลับมาที่ห้องตรวจด้วยอาการเหนื่อยล้า
พยาบาลเดินถือข้าวมาให้เขา “คุณหมอการันต์คะ อาหารค่ำค่ะ”
“เอาวางไม่ตรงนั้นก่อนเถอะครับ” การันต์หลับตาลงแล้วตอบเบาๆ
นางพยาบาลจึงวางกล่องข้าวลงแล้วตั้งใจจะเดินจากไป ขณะที่เดินไปถึงปากประตูดูเหมือนเธอจะคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงหันหลังกลับไปพูดว่า “อ้อจริงสิคะคุณหมอการันต์ เมื่อตอนกลางวันที่ดิฉันไปเอาเอกสารที่ห้องทำงานของคุณ ได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือของคุณดังขึ้น เป็นสายจากคนที่ชื่อว่านางฟ้าค่ะ”