รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 305 เปิดโปงหลักฐาน
การันต์เบิกตากว้างขึ้นในทันใด ดวงตาของเขาเป็นประกายอยู่แวบหนึ่ง จากนั้นก็เปิดลิ้นชักหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา
เมื่อหน้าจอสว่าง ก็ปรากฏเบอร์ไม่ได้รับสายหลายครั้ง ทั้งจากมายมิ้นท์ ราเม็งและส้มเปรี้ยว
เขาเมินเฉยต่อสายที่ไม่ได้รับของส้มเปรี้ยวไป แต่รีบโทรศัพท์กลับไปหามายมิ้นท์ทันที
พอดีกับที่มายมิ้นท์ยังไม่หลับ เธอกำลังรอเวลาโทรศัพท์ไปหาการันต์อยู่
เธอตั้งใจว่าตอนห้าทุ่มครึ่งจะโทรกลับไปอีกครั้ง เนื่องจากในตอนนั้นคาดว่าการผ่าตัดคงจะเสร็จแล้ว
คิดไม่ถึงว่าเมื่อเวลาสี่ทุ่มครึ่ง การันต์ก็ได้โทรกลับมาด้วยตนเอง
เมื่อมายมิ้นท์เห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอมือถือว่าการันต์ สีหน้าของเธอก็ดูดีอกดีใจแล้วรีบรับสายขึ้น “ผ่าตัดเสร็จแล้วเหรอคะ?”
“ครับ เพิ่งจะเสร็จ” การันต์พยักหน้า น้ำเสียงของเขาดูแหบแห้งเล็กน้อยและมีร่องรอยของความเหนื่อยล้า “มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?”
มายมิ้นท์ฟังออกว่าเขารู้สึกเหนื่อย เธอเองก็รู้สึกเกรงใจเขาที่ดึกดื่นป่านนี้แล้วยังรบกวนเขาอีก
แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อหาหลักฐานมาลบล้างข้อกล่าวหาให้ตนบริสุทธิ์ เธอจึงจำเป็นที่จะต้องรบกวนเขา
“ก็มีธุระนิดหน่อยค่ะ คุณรอสักครู่นะ ฉันจะเปลี่ยนโทรศัพท์โทรไปหาคุณ” เมื่อพูดจบเธอก็วางสายลง จากนั้นใช้โทรศัพท์เครื่องที่ซินดี้ช่วยไปซื้อซิมมาใหม่โดยไม่ได้ระบุตัวตนของเจ้าของเบอร์โทรกลับไปหาเขา
ลาเต้บอกว่าโทรศัพท์มือถือของเธออาจจะถูกตำรวจดักฟัง เพื่อต้องการตามหาตัวราเม็ง ดังนั้นเธอจะต้องระมัดระวังสักหน่อย
การันต์เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย “ทำไมต้องเปลี่ยนเบอร์โทรด้วย?”
“ฉันมีเหตุผลบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ แต่นี่ไม่สำคัญ ที่สำคัญก็คือ……” มายมิ้นท์สุดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนกลางวันออกมา
เมื่อการันต์ฟังจบ เขาก็บีบโทรศัพท์มือถือเอาไว้แน่น ใบหน้าของเขาดูมืดมนน่ากลัว
“ส้มเปรี้ยว กล้าดียังไงทำแบบนี้!”
ดูเหมือนว่าเธอไม่อยากจะมีชีวิตอยู่แล้วสินะ!
“ผมเข้าใจแล้ว อีกเดี๋ยวผมจะโพสต์หลักฐานลงไปบนอินเทอร์เน็ตเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของคุณ คุณจะไม่เป็นอะไรแน่ เชื่อผม!” การันต์ขยับแว่นตาของเขา กรอบแว่นสะท้อนกับไฟเป็นประกายแล้วพูดออกมาอย่างจริงจัง
มายมิ้นท์พยักหน้า “ค่ะ ฉันเชื่อคุณ!”
เพราะตอนนี้มีเพียงเขาที่มีหลักฐานอยู่ในมือ
ดังนั้นเธอจึงจำเป็นต้องเชื่อเขา
“แต่ว่าอย่าใช้บัญชีของคุณในการโพสต์นะคะ เพราะตำรวจอาจจะสงสัยว่าคุณกำลังจัดการกับส้มเปรี้ยวอยู่” มายมิ้นท์ครุ่นคิดแล้วเอ่ยเตือน
จะให้พูดอย่างไรดี แม้เธอจะรู้ว่าการันต์ไม่ใช่คนดีอะไร แต่ก็ไม่อยากจะให้การรันต์เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย
เนื่องจากในครั้งนี้ การันต์ลงมือจัดการกับส้มเปรี้ยวเพื่อเธอ ทุกคนมีความเห็นแก่ตัว ที่จริงเธอเองก็ยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่คนดีอะไรนักหนา แต่จากเหตุผลเหล่านี้เธอก็หวังว่าการันต์จะไม่เกิดเรื่องอันใดขึ้น
เมื่อได้ยินคำเตือนจากมายมิ้นท์ การันต์ก็เผยอริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงของเขาตอบรับด้วยความอ่อนโยนว่า “ผมรู้แล้วครับ เดี๋ยวผมจะหาแอคเคาท์สำรองประกาศออกไป”
เป็นจริงดังนั้น นี่แหละนางฟ้าของเขา เป็นนางฟ้าที่คอยคิดแทนเขาอยู่เสมอ
ตั้งแต่เล็ก เขาเป็นคนเย็นชาไร้ซึ่งความเห็นอกเห็นใจในสิ่งต่างๆ ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของเขาจึงมองเขาเป็นเหมือนดั่งสัตว์ประหลาด ผู้ใหญ่และเด็กๆ คนอื่นก็พากันรังเกียจเขา แม้กระทั่งต้องการรังแกเขา จึงได้ผลักเขาลงไปในสระน้ำ ในตอนนั้นผู้ใหญ่หลายๆ คนก็เห็นสถานการณ์แต่กลับไม่มีใครต้องการช่วยเขาเลยสักคน มีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้นที่เอื้อมมือลงไปแล้วดึงเขาขึ้นมา
นับจากวินาทีนั้น เขาก็ให้สัญญากับตัวเองว่าเขาจะปกป้องความปลอดภัยของเธอไปตลอดชีวิต ให้พวกคนที่มองเขาเป็นตัวประหลาดได้เห็นว่า ต่อให้เขาไม่มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น มีนิสัยเลือดเย็นเป็นธรรมชาติ แต่เขาก็มีความรู้สึกต่อคนอื่นเป็นเช่นกัน
เพียงแต่ตัวเขาเองก็รู้ดีว่า ความรู้สึกที่มีให้กับมายมิ้นท์นั้นไม่ใช่แบบครอบครัว ไม่ใช่มิตรภาพและไม่ใช่ความรัก มันเป็นความรู้สึกที่ไม่อาจบอกออกมาได้ แต่สักวันหนึ่งเขาคงจะรู้ว่าความรู้สึกนี้คืออะไร
อีกฝ่ายหนึ่งของโทรศัพท์ เมื่อมายมิ้นท์ได้ยินว่าการันต์จะใช้แอคเคาท์สำรองในการเผยแพร่หลักฐานออกไป เธอก็ตอบรับว่า “อืม” แล้ววางสายลง
การันต์มองไปที่โทรศัพท์อยู่ครู่หนึ่งแล้วโทรกลับไปหาราเม็ง
ราเม็งรับสายขึ้นอย่างรวดเร็ว “ในที่สุดก็ปรากฏตัวเสียทีนะ”
“ก่อนหน้านี้อยู่ในห้องผ่าตัด” การันต์ถอดแว่นออกและเอามือลูบสันจมูก
“ผมรู้ ไม่อย่างนั้นคงไปหาคุณที่โรงพยาบาลตั้งนานแล้ว ตอนนี้คุณโทรกลับมาหาผมคาดว่าคงจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับพี่สาวผมแล้วใช่ไหม?” ราเม็งหรี่ตาถาม
การันต์พยักหน้า “ใช่ ก็เลยโทรหาคุณเพราะต้องการจะให้คุณเผยแพร่คลิปสองคลิปออกไปหน่อย”
“เข้าใจแล้ว คุณส่งมาให้ผมเดี๋ยวผมจะจัดการเอง” ราเม็งพยักหน้า
เขากำลังรอสิ่งนี้อยู่
“รอแป๊บ” การันต์รีบตัดสายแล้วเปิดคอมพิวเตอร์ตรงหน้าออก จากนั้นเข้าไปที่โฟลเดอร์ลับแล้วส่งคลิปสองคลิปที่มีอยู่ในนั้นไปให้ราเม็ง
จากนั้นเขาก็ครุ่นคิดแล้วส่งสำเนาไปให้มายมิ้นท์ด้วย
ตอนนั้นมายมิ้นท์กำลังเล่นอินเทอร์เน็ตอยู่เพื่อรอให้การันต์ส่งหลักฐานมา และจู่ๆ เมื่อเห็นอีเมลที่ส่งมาจากการันต์เธอก็คลิกเข้าไปดูด้วยความอยากรู้
ด้านในเนื้อหาอีเมลมีคลิปวิดีโออยู่สองคลิป เธอขมวดคิ้วด้วยความสงสัยแล้วกดเข้าไปดูวิดีโอแรกที่ตั้งชื่อเอาไว้ว่าหนึ่ง
ในคลิปวิดีโอนั้น ปรากฏร่างของส้มเปรี้ยวที่สวมชุดเดรสสีแดงยาว อยู่ในตรอกมืดและแคบแห่งหนึ่ง
จู่ๆ เธอก็หยุดลงกลางซอยหันซ้ายแลขวาดูเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่าง แต่ดูเหมือนว่าเธอหาไม่พบในสิ่งที่ต้องการเห็น จึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาใครสักคน พูดด้วยน้ำเสียงดูโมโหว่า “นี่ ไหนบอกว่าจะมารับฉันที่กลางซอยไง คุณอยู่ไหน?”
ในคลิปวิดีโอนั้นไม่ได้ยินในสิ่งที่อีกฝ่ายหนึ่งตอบกลับส้มเปรี้ยวมา แต่ดูจากสีหน้าอันสงบนิ่งของส้มเปรี้ยว ก็เดาได้ว่าคำพูดที่อีกฝ่ายหนึ่งพูดออกมานั้นเป็นที่พอพอใจของเธอมาก
ส้มเปรี้ยววางโทรศัพท์มือถือลงเอามือขึ้นกอดอก จากนั้นยิ้มขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “รอดูเถอะมายมิ้นท์ นับจากวันนี้เป็นต้นไป แกทำเรื่องน่าขยะแขยงกับพวกนักเลงข้างถนนหกคนนั่น คลิปนี้จะถูกเผยแพร่ออกไปทั่วโลก ฉันจะทำให้แกไม่อาจลืมตาอ้าปากได้อีกเลยในชีวิตนี้ นี่คือจุดจบของคนที่ต่อต้านฉัน!”
น้ำเสียงของเธอดูโหดร้ายมาก หลังจากที่พูดจบก็มีผู้ชายคนหนึ่งปรากฏตัวในคลิปวิดีโอ แต่ผู้ชายคนนั้นถูกเบลอ จึงทำให้มองไม่ชัด มองไปแล้วรูปร่างสูงใหญ่ เขาเดินตรงไปที่ส้มเปรี้ยว มือทั้งสองข้างไขว้หลังกันไว้และถือกระสอบเดินตรงเข้าไป
ผู้ชายคนนั้นเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าส้มเปรี้ยว จากนั้นส้มเปรี้ยวก็พูดบางอย่างออกมาเพียงแค่หนึ่งคำ ก่อนที่ชายหนุ่มจะยกเลิกสันมือขึ้นทุบส้มเปรี้ยวจนหมดสติไปแล้วจับเธอใส่กระสอบ
วิดีโอจบลงอย่างกะทันหัน
มายมิ้นท์หรี่ตาลงและเข้าใจว่านี่คือขั้นตอนระหว่างที่ส้มเปรี้ยวถูกลักพาตัวไป
และจากวิดีโอนี้ ส้มเปรี้ยวได้เปิดเผยถึงสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งก็แก่สาธารณชนก็คือ เดิมทีชายทั้งหกคนนั้นควรจะกระทำอนาจารกับมายมิ้นท์ ไม่ใช่ส้มเปรี้ยวตัวเธอเอง
อีกทั้งส้มเปรี้ยวก็รู้เรื่องนี้ดี
ริมฝีปากของมายมิ้นท์เผยอยิ้มขึ้นอย่างเยาะเย้ย ก่อนจะเปิดคลิปวิดีโอที่สองออก
หลังจากที่คลิปวิดีโอถูกเปิดออก ด้านในได้เปลี่ยนฉากไปแล้ว มันเป็นห้องเล็กห้องหนึ่งที่ทรุดโทรมมาก และส้มเปรี้ยวถูกรายล้อมไปด้วยชายหกคน
ในคลิปวิดีโอ สีหน้าของส้มเปรี้ยวดูหวาดกลัวยิ่งนัก ทั้งน้ำตาน้ำมูกนองหน้า เธอกรีดร้องไห้ชายทั้งหกคนปล่อยเธอไป ก่อนจะบอกว่าพวกเขาทั้งหกคนจำคนผิดแล้ว เธอไม่ใช่มายมิ้นท์ แต่เธอเป็นคนที่จ้างวานพวกเขาทั้งหกคนไปรังแกมายมิ้นท์ต่างหาก!
ทว่าชายทั้งหกคนนั้นไม่สนใจเธอ กลับเข้ามาฉีกเสื้อผ้าของเธอออกเป็นชิ้นๆ
และคลิปวิดีโอก็จบลงเพียงเท่านั้น
คลิปวิดีโอที่สองนี้สั้นกว่าวิดีโอแรกมาก แต่มีข้อมูลสำคัญมากมาย
เนื่องจากในคลิปวิดีโอนี้ส้มเปรี้ยวได้เปิดเผยออกมาว่าตนเป็นผู้บงการเรื่องนี้อยู่ข้างหลัง
มองดูแล้วทั้งสองคลิปนี้คงจะเป็นหลักฐานที่การันต์ตั้งใจจะเผยแพร่ออกไปเพื่อชี้แจง ให้มายมิ้นท์หลุดพ้นจากข้อกล่าวหา มายมิ้นท์คิดเช่นนี้
หากว่าคลิปวิดีโอทั้งสองนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ข้อกล่าวหาอันสกปรกก็จะถูกชะล้างไปจากร่างกายเธอ แล้วส่งคืนกลับไปให้ส้มเปรี้ยว
ประกอบกับคลิปวิดีโอทั้งสองนี้ สามารถตัดสินคดีความผิดให้แก่ส้มเปรี้ยวได้ รวมถึงการกล่าวหาเท็จของส้มเปรี้ยวด้วย
มายมิ้นท์เอามือขึ้นสางผม อารมณ์ของเธอดีมาก ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาส่งข้อความกลับไปให้การว่า “ขอบคุณค่ะ ฉันเห็นแล้ว”
การันต์ตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า “ตอนนี้คุณสามารถโพสต์คำชี้แจงบนโซเชียลได้แล้ว เมื่อสักครู่ผมได้ตรวจสอบดูพบว่าชาวเน็ตและสื่อมีเดียต่างๆ รวมถึงหน่วยงาน พวกเขากำลังรอหลักฐานจากคุณอยู่”
มายมิ้นท์ยิ้มแล้วพิมพ์กลับไปว่า “ฉันเข้าใจแล้ว”
เนื่องจากเมื่อตอนกลางวันเธอพูดเอาไว้ว่าจะแสดงหลักฐานให้เห็นในคืนนี้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเธอ ดังนั้นทุกคนจึงรอหลักฐานจากเธอเป็นเรื่องปกติ