รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 307 ส้มเปรี้ยวถูกจับ
“หมายความว่ายังไง?” ส้มเปรี้ยวตกตะลึง หัวใจเธอเต้นผิดจังหวะ ความรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยทวีคูณเพิ่มขึ้น
ชวนชมหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ที่คุณนายภักดีพิศุทธิ์เพิ่งซื้อให้เธอส่ายไปมาแล้วพูดว่า “ก่อนที่ฉันจะเข้ามา ฉันเห็นแฮกเกอร์ที่ช่วยคุณมายมิ้นท์ เผยแพร่คลิปวิดีโอที่แกใส่ร้ายคุณมายมิ้นท์ออกมา มีอยู่สองคลิปนะ คลิปน่าสนใจมากทีเดียว ในคลิปแกเป็นคนยอมรับด้วยตนเองเลยนะว่าผู้หญิงคนที่ต้องการให้ชายหกคนนั้นรังแกจริงๆ แล้วเป็นมายมิ้นท์”
“อะไรนะ?!” สีหน้าของส้มเปรี้ยวเปลี่ยนไปทันที มือและเท้าของเธอเย็นชา
“เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน!” เธอเข้ามาแย่งโทรศัพท์ของชวนชมไป
ชวนชมก็ไม่ได้ขัดขืน แต่มองไปยังเธอด้วยแววตากึ่งยิ้ม ส้มเปรี้ยวกำโทรศัพท์ไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้างของเธอ จากนั้นดูคลิปวิดีโอที่ชวนชมพูดถึง
เมื่อเธอเห็นเนื้อหาในคลิปวิดีโอทั้งสอง สมองของเธอก็มึนงงราวกับถูกสายฟ้าฟาด ตอนนี้เธอทำอะไรไม่ถูก สมองช่างว่างเปล่า
“มัน……มันเป็นอย่างนี้ไปได้ยังไง?” ส้มเปรี้ยวปล่อยมือออกจนทำให้โทรศัพท์มือถือตกลงไปบนผ้าห่มดัง “ตุ๊บ!”
ร่างกายของเธอตอนนี้ไม่รับรู้ถึงความรู้สึก ใบหน้าเฉื่อยช้า ดวงตาเหม่อลอยออกไปที่พื้น ในสมองมีเพียงความคิดเดียวนั่นก็คือ เธอถูกเปิดโปงแล้ว เธอจบแน่!
เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นของส้มเปรี้ยว ชวนชมก็หัวเราะเยาะเย้ยออกมาอย่างสาแก่ใจ “ดูสิ ฉันบอกแล้วไงว่าแกไม่มีโอกาสนั้นแล้ว ตอนนี้ทุกคนบนโลกก็รู้ว่าไม่ใช่คุณมายมิ้นท์ต้องจัดการให้ชายหกคนนั้นมารุมโทรมแก กลับเป็นตัวแกเองต่างหาก ที่สั่งให้ชายหกคนนั้นรุมโทรมคุณมายมิ้นท์ เอ๋ ถ้าบวกกับข้อหาที่แกใส่ร้ายคุณมายมิ้นท์ในวันนี้ สองข้อหารวมกัน แกน่าจะอยู่ในคุกหลายปีทีเดียวนะ!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ดูเหมือนเธอจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เธอใช้นิ้วแหย่เข้าไปในใบหูแล้วพูดว่า “อ้อจริงสิ ตอนนี้ชาวเน็ตจำนวนมากล้วนติดแฮชแท็กไปที่สถานีตำรวจ ต้องการให้ทางตำรวจมาจับตัวแก อีกทั้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ตอบกลับแล้วว่ากำลังเดินทางมาที่นี่ หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือแก่กำลังจะถูกจับแล้ว ฉันคำนวณดูเวลาน่าจะใกล้ถึงแล้วล่ะ!”
เมื่อสิ้นเสียงของชวนชม ประตูห้องคนป่วยก็ถูกเปิดออก
คนที่เขามาเป็นคนแรกคือสองสามีภรรยาตระกูลภักดีพิศุทธิ์
สีหน้าของเยี่ยมบุญดูไม่ดีนะ คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ก็เอาแต่ร้องไห้ทำท่าทางโศกเศร้า
ส่วนข้างหลังพวกเขาคือเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบที่ยืนถือกุญแจมือเดินตรงเข้ามาที่เตียงผู้ป่วย
ชวนชมสลัดท่าทางอันเก่งอาจเมื่อครู่ทิ้งไป เธอชี้ไปที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วหันมามองดูส้มเปรี้ยวทำท่าทางงงงวย “พ่อคะ แม่คะ นี่มัน……”
“ชวนชมมานี่” คุณนายภักดีพิศุทธิ์กวักมือเรียก
ชวนชมตอบรับแล้วมองไปทางส้มเปรี้ยว ก่อนจะเดินออกไปสองสามก้าวแล้วหันกลับมามองดู
รอบเตียงมีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มที่เดินทางมาสอบปากคำในวันนั้น
ตำรวจหนุ่มถือกุญแจมือแล้วพูดกับส้มเปรี้ยวด้วยใบหน้าอันไร้ความรู้สึกว่า “เชิญคุณส้มเปรี้ยวไปกับพวกเราที่โรงพักหน่อยครับ”
ส้มเปรี้ยวได้สติกลับคืนมาจากท่าทางเหม่อลอย เธอมองไปที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเหล่านั้นและกุญแจมือสีเงินแวววาว เธอเริ่มตื่นตระหนกและส่ายหน้า “ไม่นะ ฉันไม่ไป ฉันไม่ไป!”
“เรื่องนี้คุณไม่อาจตัดสินใจได้ด้วยตนเอง” ตำรวจหนุ่มพูดจบก็ใส่กุญแจมือเธอ
กุญแจมืออันเย็นเฉียบสัมผัสไปที่ผิวของส้มเปรี้ยว มันหนาวเย็นเสียจนเปรี้ยวต้องสั่นสะท้าน จิตใจของเธอตื่นตระหนกมากจนแทบหายใจไม่ออก
เธอพยายามดิ้นรนและหันกลับไปมองที่สองสามีภรรยา ร้องไห้ตะโกนออกมาว่า “พ่อคะแม่คะ ช่วยหนูด้วย!”
เยี่ยมบุญหันหน้าหนีไม่สบตากับเธอ
ช่วยเหรอ?
ตอนนี้หลักฐานมัดตัวแน่ชัดแล้วเขาจะช่วยได้ยังไง ถ้าเขายังก้าวออกมาอีกก็เท่ากับขัดขวางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และต้องถูกจับไปด้วยเช่นกัน
ตอนนี้สถานการณ์ของเอสซีกรุ๊ปกดดันเขาเสียจนแทบหมดแรง หากเขาถูกจับตัวไปตอนนี้อีกก็คงจะแย่
ตอนนี้เขาควรที่จะคิดหาวิธีทำอย่างไรจะสามารถรักษาเสถียรภาพของตลาดหุ้นเอสซีกรุ๊ปได้ หลังจากที่ข่าวการจับกุมตัวของส้มเปรี้ยวเผยแพร่ออกไป
เมื่อเห็นท่าทางของเยี่ยมบุญที่ปฏิบัติต่อเธอดังนี้ หัวใจของส้มเปรี้ยวหยุดนิ่งเย็นชา เธอจึงหันไปขอความช่วยเหลือจากคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ไม่กล้าสบตากับส้มเปรี้ยว เธอเองก็ร้องไห้และหันศีรษะหนี
แม้แต่เยี่ยมบุญยังไม่อาจช่วยได้ แล้วเธอที่เป็นเพียงแม่บ้านจะช่วยอะไรได้อีก?
เมื่อเห็นว่าสองสามีภรรยาไม่ช่วยเธอ หัวใจของส้มเปรี้ยวก็เย็นชาขึ้นทันใด และเกิดความขุ่นเคืองมหาศาล
สองสามีภรรยานี้บอกว่ารักเธอเหรอ ไหนบอกว่าเธอเป็นลูกสาวคนเดียวของพวกเขา จะรักและปกป้องเธอไปตลอดชีวิตไง?
แต่ตอนนี้เมื่อชวนชมกลับมาพวกเขาก็ลืมสัญญาที่เคยให้ไว้ก่อนหน้านี้ไปจนสิ้น อีกทั้งต้องการจะทอดทิ้งเธอ เพราะอะไรกัน?
เมื่อเห็นสีหน้าอันไม่พอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของส้มเปรี้ยว ชวนชมที่อยู่ในอ้อมกอดของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ก็เผยอริมฝีปากขึ้น
เอาสิ เกลียดให้มากกว่านี้!
ยิ่งส้มเปรี้ยวเกลียดพ่อแม่มากเท่าไหร่ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับพ่อเเม่ก็จะจางลงมากเท่านั้น รอให้ส้มเปรี้ยวทำลายความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับแม่จนหมดสิ้นแล้ว
เธอก็จะเป็นลูกคนเดียวของพ่อแม่
ส้มเปรี้ยวถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจพาตัวไป
แต่เนื่องจากสภาพร่างกายเธอยังไม่แข็งแรงเท่าไรนัก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงให้เธอนั่งรถเข็นแล้วเข็นเธอไป
ด้านนอกโรงพยาบาลมีนักข่าวมากมายเดินทางมารอก่อนหน้านี้ บังเอิญถ่ายภาพที่ส้มเปรี้ยวถูกตำรวจพาตัวออกมาได้ จากนั้นก็เผยแพร่ไปในโลกอินเทอร์เน็ต ทุกคนโห่ร้องด้วยความยินดี
เนื่องจากก่อนที่คลิปวิดีโอสองคลิปนั้นจะถูกเผยแพร่ออกไป พวกเขาทุกคนอยู่ฝ่ายส้มเปรี้ยว รู้สึกว่าส้มเปรี้ยวน่าสงสาร และมายมิ้นท์ช่างโหดร้ายเหลือเกิน
แต่หลังจากที่ได้ดูวิดีโอทั้งสองคลิปนั้นแล้วพวกเขาจึงได้เข้าใจว่า มายมิ้นท์จะจัดการเธอที่ไหนกัน เป็นตัวเธอต่างหากที่จะจัดการกับมายมิ้นท์ แต่แผนการล้มเหลวกลับกลายเป็นว่า ชายทั้งหกคนนั้นคิดว่าเธอเป็นมายมิ้นท์และลงมือรุมโทรมเธอ
เธอต้องการจะจัดการคนอื่น แต่ผลกรรมกลับสนองมาที่ตัวเธอเอง ท้ายที่สุดแล้วเธอก็ยังไม่ยอมแพ้และใส่ร้ายว่าเป็นฝีมือของมายมิ้นท์
สรุปแล้วก็คือ บรรดาชาวเน็ตที่ได้ดูคลิปวิดีโอทั้งสองนั้น ในตอนแรกที่พวกเขาเคยเห็นอกเห็นใจส่งเปรี้ยว แต่บัดนี้กลับกลายเป็นว่าเกลียดชังเธอยิ่งนัก
แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้เกลียดชังส้มเปรี้ยวที่พยายามใส่ร้ายและจัดการกับมายมิ้นท์ แต่พวกเขาเกลียดที่ส้มเปรี้ยวกล้าใช้พวกเขาเป็นอาวุธเพื่อทำร้ายมายมิ้นท์ จะได้วัดบรรลุวัตถุประสงค์ของเธอเอง!
ในเวลาไม่นาน โลกของอินเทอร์เน็ตก็เต็มไปด้วยคำด่าทอส้มเปรี้ยว
ส้มเปรี้ยวไม่มีแฮกเกอร์คอยช่วยเหลืออยู่ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กลัวว่าจะถูกแฮกข้อมูล ทุกคนไร้ความปรานีกว่าที่ด่ามายมิ้นท์เสียอีก
เอสซีกรุ๊ปประสบกับความปั่นป่วนของตลาดหุ้นอย่างรุนแรง เยี่ยมบุญรีบเดินทางไปกลางดึกเพื่อจัดประชุมผู้ถือหุ้น
ณ คอนโดพราวฟ้า มายมิ้นท์มองดูคำขอโทษที่คอมเม้นต์เข้ามาในโพสต์ของเธอมากมาย ขณะเดียวกัน ฝั่งของส้มเปรี้ยวก็ถูกด่าทออย่างไม่มีทีท่าหยุดหย่อน ใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
หลังจากนั้นเธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือโทรไปหาการันต์ “ส้มเปรี้ยวถูกตำรวจจับตัวไปแล้วนะคะ ฉันคิดว่าต่อไปเธอน่าจะ เชื่อมโยงมาถึงตัวคุณ แล้วคุณ……”
“ผมรู้ว่าคุณจะพูดอะไร วางใจเถอะครับผมไม่เป็นอะไรหรอก” การันต์ขยับแว่นของเขาแล้วพูด
มายมิ้นท์ได้ยินประโยคของเขาดังนั้นก็พยักหน้า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันขอพูดหน่อยนะคะ ขอขอบคุณมากที่ในตอนนั้นคุณถ่ายคลิปวิดีโอทั้งสองคลิปนี้เอาไว้ ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้จะเอาอะไรมาชะล้างกับข้อกล่าวหาคดีอาชญากรรมนี้”
“เรื่องเล็กน้อยน่ะครับ” การันต์ยิ้มแล้วตอบกลับ
หลังจากนั้นทั้งสองก็สนทนากันอยู่สองสามประโยคและวางสายไป
เพียงแต่ว่าเมื่อมายมิ้นท์วางโทรศัพท์ลง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
เธอเงยหน้าขึ้นมองพบว่าเป็นราเม็ง เธอจึงรีบวางสายอย่างรวดเร็วแล้วใช้หมายเลขอื่นโทรกลับไป
“พี่?” ราเม็งเอ่ยทักขึ้นมาอย่างไม่มั่นใจเท่าไรนัก
มายมิ้นท์พยักหน้าตอบว่า “ใช่ ฉันเอง”
“พี่ครับ ทำไม……”
“ปลอดภัยไว้ก่อน ลาเต้น่าจะบอกกับเธอแล้วใช่ไหม?”
ราเม็งนิ่งเงียบไป ก่อนที่จะตอบกลับมาว่า “ใช่ครับ”
“เก่งไม่เบานะ ไปเรียนรู้เทคนิคเก่งกาจแบบนี้มาจากที่ไหนกัน ถ้าคุณไม่ได้เปิดเผยออกมาด้วยตนเอง ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อจริงๆ ว่าชายเจ้าเล่ห์คือคุณ” มายมิ้นท์ขยี้หัวคิวแล้วพูดออกมา
ราเม็งยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วตอบว่า “ขอโทษครับพี่ ผมแค่ไม่อยากทำให้พี่ต้องตกใจเลยปิดบังไว้เป็นความลับ พี่ไม่โกรธใช่ไหม?”
“จะโกรธได้ยังไงล่ะ คุณช่วยฉันไว้นะ ฉันจะไปโกรธคุณทำไม แต่ว่าราเม็งบอกกับฉันมาตามตรง ทางตำรวจจะตรวจสอบไปเจอตัวตนคุณไหม?” มายมิ้นท์ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
การแสดงออกของราเม็งก็จริงจังขึ้นมาเช่นกัน “ไม่หรอกครับ ทักษะของผมอยู่ในสามอันดับแรกของโลก ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถจับตัวผมได้หรอก” เมื่อได้ยินดังนั้นมายมิ้นท์ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “อย่างนั้นก็ดีแล้ว ฉันก็วางใจหน่อย อ้อจริงสิ โทรมาหาฉันตอนนี้มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?