รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 311 การคาดเดาของเปปเปอร
มายมิ้นท์ยิ้ม“ฉันอยากจะบอกว่า ตอนนี้เอสซีกรุ๊ปมีหนี้สินมากมาย หากไม่ได้เป็นเพราะมีทรัพย์สินค้ำประกันไว้ ก็คงล้มละลายมาตั้งนานแล้ว แต่ว่าหากแม้ว่าจะยังไม่ล้มละลาย ก็เหมือนอยู่ในภาวะล้มละลายเช่นกัน เหมือนกับเทนเดอร์กรุ๊ปเมื่อสามเดือนก่อน ซึ่งอาจจะพูดได้ว่า ตอนนี้เอสซีกรุ๊ปไม่มีเงินลงทุนหมุนเวียนเลยแม้แต่น้อย เพื่อที่จะให้เอสซีกรุ๊ปยังคงดำเนินการในเบื้องต้นได้ ประธานเยี่ยมบุญน่าจะยืมเงินไปทั่ว ดังนั้นจะยอมให้คุณออกเงินจำนวนสิบล้านหยวนเพื่อช่วยเหลือส้มเปรี้ยวได้ยังไง?”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ จู่ๆคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ก็ถึงกับพูดไม่ออก
ไม่มีใครรู้ดีกว่าหล่อนที่นอนอยู่ข้างกายคนนี้ หลายวันมานี้ เยี่ยมบุญขอยืมเงินคนอื่นอย่างยากลำบากขนาดไหน
แต่เป็นเพราะว่าเมื่อก่อนจองหองเกินไป ล่วงเกินคนไว้จำนวนไม่น้อย คนที่อยู่ในวงการไม่มีใครอยากจะให้เขายืมเงิน หายืมเงินอยู่นาน ก็ยืมได้มาเพียงสองร้อยล้าน แต่ว่าเงินสองร้อยล้านเมื่อโยนเข้าไปในตลาดหุ้นก็ไม่ได้ยินแม้แต่น้ำกระเซ็น หากต้องการที่จะให้เอสซีกรุ๊ปนั้นเสถียรภาพ ก็ยังคงอีกห่างไกลนัก
ดังนั้นตอนนี้เงินทุกบาทล้วนสำคัญ หากเยี่ยมบุญรู้ว่าหล่อนเอาเงินออกมามากมายขนาดนี้ จะโกรธเคืองอย่างแน่นอน แม้ว่าจะไม่ถึงกลับหย่าร้าง แต่ความรู้สึกที่ดีก็คงจะหมดลง
เมื่อคิดถึงผลที่ตามมานี้ ในใจของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ก็รู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก ร่างกายอดไม่ได้ที่จะสั่น
มายมิ้นท์มองไปยังคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์พลางยิ้ม“ดูเหมือนว่าคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์จะไม่ยอมจ่ายเงินแล้ว”
สีหน้าของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ไม่ค่อยดีนัก“จะต้องทำยังไง คุณถึงจะยอมปล่อยส้มเปรี้ยวไป?”
ก่อนที่จะมา ทางด้านของสถานีตำรวจได้โทรศัพท์มาหาหล่อน บอกหล่อนว่า ส้มเปรี้ยวได้ลงนามสารภาพแล้ว และไม่สามารถพบหน้าได้ ทำได้เพียงรอให้ศาลเปิดพิจารณาคดีจึงจะได้พบหน้า
อีกทั้งตำรวจยังบอกหล่อนว่า ส้มเปรี้ยวคิดร้ายมายมิ้นท์และมีหลักฐานชัดเจนที่มายมิ้นท์ให้ร้ายเธอ อาจจะถูกตัดสินลงโทษ และอาจจะไม่ให้ส้มเปรี้ยวได้มีโอกาสยื่นอุทธรณ์
ดังนั้นหล่อนจึงถามทนายความ ว่ามีทางไหนที่จะสามารถช่วยส้มเปรี้ยวได้ คำตอบของทนายความคือให้มาขอร้องมายมิ้นท์ ขอเพียงแค่มายมิ้นท์เอ่ยปากไม่เอาความส้มเปรี้ยว ส้มเปรี้ยวก็จะไม่เป็นอะไรแล้ว ดังนั้นไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม หล่อนจะต้องทำให้มายมิ้นท์ยอมปล่อยส้มเปรี้ยวไปให้ได้
จากนั้นมายมิ้นท์กลับทำลายกำลังใจของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ สะบัดหัวขึ้นพลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า:“ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ฉันจะไม่ยอมปล่อยหล่อนไปเด็ดขาด ก่อนหน้านี้หล่อนทำร้ายฉันหลายครั้ง ฉันไม่มีหลักฐาน แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน ดังนั้นครั้งนี้ฉันจะทำให้หล่อนต้องติดคุก”
“คุณ……”ดวงตาของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์เบิกกว้าง มือที่สั่นชี้ไปยังมายมิ้นท์“คุณโหดเหี้ยมมาก!”
ชวนชมขยิบตาอย่างแปลกใจ
โหดเหี้ยม?
หล่อนก้มหน้ามองไปยังคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ที่อยู่เบื้องหน้า
แม้ว่าหล่อนชอบแม่ใหม่คนนี้มาก แต่ว่าก็ไม่อาจไม่ยอมรับได้ว่า แม่คนนี้มีตรรกะบางอย่างที่ผิดปกติ
แม้แต่หล่อนที่ไม่ได้เรียนหนังสือยังรู้เลยว่า คนที่คิดทำร้ายมายมิ้นท์คือส้มเปรี้ยว ดังนั้นคนที่โหดเหี้ยมคือส้มเปรี้ยวถึงจะถูก มายมิ้นท์ใช้กฎหมายในการแก้แค้นเท่านั้น จะโหดเหี้ยมได้ยังไง?
แต่ว่าแม่คนนี้ดีกับหล่อนมาก หล่อนจึงไม่ได้พูดประโยคเหล่านี้ออกมา
มายมิ้นท์ราวกับว่าได้ยินคำพูดที่น่าขบขันที่สุดในโลก จึงหัวเราะอย่างเย้ยหยันออกมาสองทีพลางพูดขึ้นว่า“อย่า อย่า อย่า คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์อย่าพูดแบบนี้ หากเทียบกันที่ความโหดเหี้ยม ฉันยังคงห่างชั้นกับลูกสาวของคุณมาก ลูกสาวของคุณสามารถผลักคนตกบันไดได้ วางแผนให้คนตกม้าได้ ใช้งูพิษเพื่อให้กัดคนได้ ทั้งยังต้องการให้คนถูกข่มขืน แม้แต่ให้คนสาดน้ำกรด พฤติกรรมที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ นั้นร้ายกาจกว่ามาก ทำให้คนถึงกับต้องรู้สึกสยอง”
เมื่อฟังมาถึงจุดนี้ ใบหูและสีหน้าของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์แดงก่ำ เสแสร้งพยายามปิดหูปิดตา “คุณ……คุณก็ไม่ได้เป็นอะไรไม่ใช่เหรอ?”
“ดังนั้นฉันไม่ได้เป็นอะไร ฉันมันน่าสมน้ำหน้าควรที่จะไม่ถือสาปล่อยส้มเปรี้ยวไปงั้นเหรอ?”สีหน้าของมายมิ้นท์ขรึมลง
มุมปากของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์กระตุกสองครั้ง แม้ว่าจะไม่ได้พูดอย่างชัดเจน แต่ว่าดูจากท่าทีของหล่อนแล้ว ดูเหมือนว่าก็คงจะเป็นความหมายเช่นนี้
มายมิ้นท์ส่ายศีรษะ รู้ว่าไม่สามารถพูดออกไปได้
เพราะถึงยังไงคุณก็เป็นเพียงคนที่แกล้งหลับปลุกไม่ตื่น
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อหน้าคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ แล้วโทรหาเยี่ยมบุญ“ประธานเยี่ยมบุญ ฉันคือมายมิ้นท์นะคะ”
ดวงตาของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์เบิกกว้างทันที พลางพูดขึ้นเสียงแหลมว่า:“คุณทำอะไรของคุณ?”
มายมิ้นท์ไม่ได้สนใจหล่อน พลางพูดขึ้นกับคู่สายโทรศัพท์ว่า:“ภรรยาของคุณมาที่นี่ บอกจะให้เงินฉันสิบล้านหยวนเพื่อให้ฉันปล่อยส้มเปรี้ยวไป”
“อะไรนะ?”อีกทางด้านหนึ่งของคู่สาย เยี่ยมบุญลุกจากเก้าอี้ทันที ใบหน้าของเขามืดมนและน่ากลัว
สิบล้านหยวน?
หล่อนยังยอมจ่ายอย่างใจกว้างอีกเหรอ!
เมื่อสักครู่นี้เขาเพิ่งจะขอยืมเงินจากธนาคาร แต่กลับถูกธนาคารปฏิเสธ ความโกรธนี้ทำให้ลำคอหายใจติดขัด จิณัฐตาผู้หญิงคนนั้น ยังจะนำเงินสิบล้านหยวนเพื่อช่วยเหลือลูกสาวที่อกตัญญูงั้นเหรอ!
หล่อนไม่รู้เหรอว่าเงินสิบล้านหยวนสำหรับเอสซีกรุ๊ปแล้ว มีความสำคัญขนาดไหน?
เยี่ยมบุญโมโหจนตัวสั่น“มายมิ้นท์ ตอนนี้จิณัฐตาอยู่ที่ไหน?”
จิณัฐตาก็คือชื่อของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์
มายมิ้นท์มองไปยังสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ พลางยิ้มอย่างเรียบเฉย“อยู่ด้านหน้าฉัน คุณคุยกับหล่อนเถอะ”
ขณะที่พูด มายมิ้นท์เปิดลำโพงโทรศัพท์ แล้วยื่นมาด้านหน้าของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์
เสียงคำรามด้วยความโกรธของเยี่ยมบุญดังเข้ามาอย่างเย็นยะเยือก“คุณรีบไสหัวกลับมาเดี๋ยวนี้!”
“ที่รักฉัน……”
เยี่ยมบุญขัดจังหว่ะการพูดของหล่อน“พูดเรื่องอื่นกับผมให้มันน้อยๆหน่อย ภายในเวลาครึ่งชั่วโมงถ้ายังไม่กลับมา อย่าหาว่าผมไม่เกรงใจก็แล้วกัน!”
เมื่อพูดจบ เยี่ยมบุญก็วางสายโทรศัพท์ลง
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ตัวสั่นเล็กน้อย
แม้แต่ชวนชมที่อยู่ด้านหลังหล่อนก็ตกใจ
มายมิ้นท์นำโทรศัพท์กลับมา “คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ ยังจะพูดอะไรต่ออีกไหมคะ?”
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ลุกขึ้น มองเธอด้วยสายตาเคร่งขรึม ท่าทีสูงส่งกลับมาดังเดิม สีหน้าเย็นชาเรียบเฉย
“คุณรอดูเถอะ ฉันจะต้องช่วยส้มเปรี้ยวออกมาให้ได้ ชวนชม พวกเราไปกันเถอะ”
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์จูงมือของชวนชม แล้วก้าวเดินไปที่ประตู
ข่าวที่แม่ลูกทั้งสองมายังเทนเดอร์กรุ๊ป ไม่นานผู้ช่วยเหมันตร์ก็ทราบเรื่อง
ผู้ช่วยเหมันตร์เคาะประตูเข้าไปยังห้องทำงานประธาน “ประธานเปปเปอร์ คนของเทนเดอร์กรุ๊ปรายงานว่า คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์สองแม่ลูกได้ไปพบคุณมายมิ้นท์”
“อะไรนะ?”เปปเปอร์ขมวดคิ้ว“ด้วยเรื่องของส้มเปรี้ยว?”
“ใช่ครับ แต่ว่าน่าจะพูดคุยไม่สำเร็จ สีหน้าของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ไม่ค่อยดีนัก”ผู้ช่วยเหมันตร์พูดขึ้นอย่างเยาะเย้ย
ริมฝีปากของเปปเปอร์ก็เผยมุมโค้งที่เยือกเย็นออกมา “การที่ไปหามายมิ้นท์ ก็บอกได้เพียงว่าหล่อนไปหาคนผิดแล้ว”
มายมิ้นท์เป็นคนที่อยากให้ส้มเปรี้ยวติดคุกมากที่สุด
ดังนั้นการไปพบมายมิ้นท์ เป็นหมากที่คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์เดินได้ห่วยที่สุด
“ใช่แล้ว ก่อนหน้าให้คุณตรวจสอบประวัติของชวนชม ตรวจสอบได้ความว่ายังไงบ้าง?”นิ้วมือของเปปเปอร์เคาะไปที่โต๊ะพลางถามขึ้น
ผู้ช่วยเหมันตร์ขยับแว่นตาครู่หนึ่งพลางถามขึ้นว่า:“ตรวจสอบได้ข้อมูลนิดหน่อยครับ”
“นิดหน่อย?”ริมฝีปากของเปปเปอร์ แสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าไม่พอใจกับคำตอบสักเท่าไหร่
ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้า ตอบกลับอย่างจนปัญญาว่า:“ใช่ครับ ได้ข้อมูลมานิดหน่อย ประวัติของชวนชมก่อนหน้านี้ ถูกลบทิ้งไปหมดแล้ว ผมพยายามเป็นอย่างมากกว่าจะได้มาข้อเล็กน้อยนี้มา เดิมทีชวนชมมีชื่อว่าเจินเจิน มาจากครอบครัวที่เห็นความสำคัญของเพศชายมากกว่าเพศหญิงในชนบท จากนั้นถูกทามทอยรับมาอยู่ที่เมืองเดอะซี”
“ทามทอย?”ดวงตาของเปปเปอร์หดลง
การกลับมาของชวนชมไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับมายมิ้นท์ แต่ยังเกี่ยวข้องกับทามทอยด้วย
ดังนั้นมายมิ้นท์กับทามทอยกำลังทำอะไรกันอยู่?
เมื่อพอที่จะคาดเดาความคิดที่อยู่ในใจของเปปเปอร์ได้ ผู้ช่วยเหมันตร์ก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า“คุณทามทอยกับคุณมายมิ้นท์น่าจะกำลังวางแผนทำอะไรบางอย่างอยู่ เพราะว่าผมยังตรวจสอบพบว่าเจินเจินคนนี้ไม่ใช่ชวนชมตัวจริง คุณทามทอย ใส่ตัวอย่างดีเอ็นเอปลอมไว้ในโรงพยาบาลขนาดใหญ่และหน่วยรับรอง เมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าสองสามีภรรยาเยี่ยมบุญจะพิสูจน์ยังไง เจินเจินก็คือลูกสาวของพวกเขา คุณมายมิ้นท์ก็น่าจะรู้เรื่องนี้ เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่นำสร้อยคอมอบให้กับเจินเจิน”
เปปเปอร์ไม่ได้พูดอะไรออกมา ขมวดคิ้วแน่นพลางครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
ไม่นาน จู่ๆเขาก็คิดขึ้นมาได้ว่าทามทอยกับมายมิ้นท์มีสิ่งที่เหมือนกัน นั้นก็คือเห็นตระกูลภักดีพิศุทธิ์เป็นศัตรูสำคัญ แต่ว่าเป็นเพราะนโยบายของประเทศ พวกเขาจึงไม่สามารถโจมตีเอสซีกรุ๊ปเพื่อให้เอสซีกรุ๊ปล้มละลายได้โดยตรง
เมื่อเป็นเช่นนี้ หากทั้งสองคนต้องการโจมตีเอสซีกรุ๊ป จึงทำได้เพียงคิดหาวิธีอื่น อีกทั้งหนทางที่ดีที่สุดคือการรู้ข้อมูลลับของเอสซีกรุ๊ป แต่ว่าการที่จะล่วงรู้ข้อมูลลับของบริษัทใดบริษัทหนึ่งเป็นเรื่องยากมาก นอกเสียจากว่ามีหนอนบ่อนไส้
ดังนั้นเจินเจินคนนั้น จึงเป็นผู้ที่คอยประสานอยู่ภายในที่มายมิ้นท์และทามทอยจัดไว้ในตระกูลภักดีพิศุทธิ์?