รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 329 ป่วยทางจิต
ริมฝีปากบางของราเม็งขยับ พูดไม่ออก เห็นชัดว่าคือความหมายนี้
มายมิ้นท์เกาะเก้าอี้นั่งลง “เปปเปอร์บอกฉัน ไม่งั้นฉันก็คงไม่มีทางรู้ ฉันคิดมาตลอดว่า ความสัมพันธ์ของพวกเราคือพี่น้องธรรมดา แต่คิดไม่ถึงว่านายกลับคิดกับฉันเป็น……”
คำพูดในตอนท้ายเธอไม่ได้พูด แต่ความหมายก็ชัดเจนมาก
ราเม็งสีหน้าหดหู่ลง
ที่แท้ก็เปปเปอร์เป็นคนบอก
แต่จะว่าไปแล้ว ให้พี่รู้ความรู้สึกที่แท้จริงของเขาก็ดี มิฉะนั้นเขาก็ยังสับสนอยู่ว่าจะบอกความในใจกับพร่อย่างไร จึงจะไม่ทำให้พี่ตกใจ
“ที่เปปเปอร์พูดถูกต้อง ผมไม่ได้รู้สึกกับพี่แบบพี่น้องจริงๆ แต่เป็นความรักแบบชายหญิง ที่ผมวางยาพี่ ก็เพราะผมรับไม่ได้ที่พี่ตั้งท้องลูกของผู้ชายคนอื่น แต่ว่า!”
ราเม็งมองเธอ “แต่ว่าอย่างที่ผมบอกเมื่อครู่ ไม่อยากให้พี่ถูกมองด้วยสายตาแปลกประหลาดจากคนภายนอกก็จริง มายมิ้นท์ ผมรู้ว่าผมไม่ควรวางยาคุณ แต่ผมก็ไม่ได้คิดจะทำร้ายคุณ ยานั้นจะมีอันตรายกับเด็กในท้องคุณเท่านั้น ไม่มีอันตรายกับคุณ”
วินาทีนี้ เขาไม่ได้เรียกเธอว่าพี่อีกแล้ว ในที่สุดก็เรียกชื่อของเธอ ออกมาตรงๆอย่างที่อยากเรียกที่สุดมาตลอด
มายมิ้นท์!
“คุณคิดว่าคุณไม่ได้ทำร้ายฉันจริงๆเหรอ” มายมิ้นท์หัวเราะเยาะสมเพชตัวเอง “ไม่ คุณทำร้ายฉัน คุณทำร้ายจิตใจฉัน”
เธอชี้ไปที่หัวใจของตัวเอง “คุณวางยาฉัน สำหรับฉันแล้ว ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเอาลูกในท้องฉันออกไปธรรมดา สำหรับฉันแล้วเป็นการทรยศหักอย่างหนึ่งคุณรู้มั้ย นอกจากคุณตาแล้ว คนที่ฉันเชื่อใจมากที่สุดก็คือคุณกับลาเต้ แต่ผลเป็นอย่างไรล่ะ คุณวางยาฉัน หากต่อไปฉันทำเรื่องอะไรที่คุณรับไม่ได้ คุณก็คงจะทำกับฉันแบบนี้ใช่หรือเปล่า”
ราเม็งมีแววตาสงสัย ไม่ได้พูดอะไร
มายมิ้นท์เห็นอย่างนั้น ในใจก็รวดร้าว
ดูท่าทาง เขาจะทำอย่างนั้นจริงๆ
ราเม็งเองก็เข้าใจว่าปฏิกิริยาโต้ตอบของตนเองเผยให้เห็นปัญหา ทำให้มายมิ้นท์กลัวแล้ว สีหน้าเปลี่ยนไปทันที รีบพูดว่า “พี่ ผม……”
“เอาละราเม็ง อย่าพูดเลย นายออกไปก่อนเถอะ ฉันอยากอยู่เงียบๆคนเดียว” มายมิ้นท์หันหน้าไป ไม่มองเขาอีก
ราเม็งเห็นเธอห่างเหินเย็นชากับตนเองแบบนี้ ในใจก็ตระหนก แสดงอารมณ์ดุร้ายออกมา
แต่ไม่นาน เขาก็ปรับจิตใจอารมณ์ได้แล้ว ก็มีสีหน้าท่าทางกลับมาเป็นปกติ หลุบเปลือกตาลงตอบว่า “ได้”
เขาหมุนตัวไป ก้มหน้าเดินไปทางประตู ทำให้มองเห็นไม่ชัดว่ามีสีหน้าอย่างไร
เปิดประตูแล้ว ราเม็งเกือบจะชนเข้ากับคนที่ด้านนอกประตู
โชคดีที่คนด้านนอกมีปฏิกิริยารวดเร็วว่องไว ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง
ราเม็งมองคนด้านนอกอย่างเยือกเย็น จากนั้นเดินผ่านคนคนนั้นไป
การันต์มองแผ่นหลังเขา ขมวดคิ้ว มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มขี้เล่น แล้วเดินเขาไปในห้องผู้ป่วย
“คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคนที่วางยา จะเป็นเขาได้” การันต์พูดพลางพิงผนังข้างประตู
ขนตามายมิ้นท์กระเพื่อม “คุณได้ยินแล้วเหรอ”
“พอได้ยินอยู่บ้าง” การันต์เชิดหน้า
มายมิ้นท์ยิ้มเจื่อน “ใช่ คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคนที่วางยาพิษ จะเป็นราเม็ง”
เพราะว่ารับเด็กในท้องเธอไม่ได้ ดังนั้นจึงวางยาเธอ แม้ว่ายาพิษจะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต ไม่ได้มีอันตรายกับเธอมากมายนัก
แต่ความโหดร้ายอย่างนี้ของราเม็ง ก็ทำให้เธอตกใจมากแล้ว
จู่ๆเธอก็รู้สึกว่า เธอไม่ได้รู้จักราเม็งดีจริงๆ
ก็ใช่ ครั้งสุดท้ายที่เธอไปเจอราเม็งที่อำเภอแสงดาวคือเมื่อสิบปีก่อน ตอนนั้นราเม็งเพิ่งอายุสิบห้า อายุเท่ากับปีโป้
ต่างคนต่างก็เติบโตกันหมดแล้ว ต่างก็เปลี่ยนแปลงกันไป ไม่มีใครไม่เปลี่ยน เปปเปอร์ก็ด้วย เธอเอง ราเม็งก็เช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้น เธอกับราเม็งแยกจากกันมาสิบปี ภายในสิบปีนี้ ราเม็งต้องผ่านอะไรมาบ้างเธอก็ไม่รู้ ดังนั้นเธอจะไปเข้าใจราเม็งทุกอย่างได้อย่างไรเพราะเธออวดเก่งเกินไป คิดว่าตัวเองเข้าใจทุกอย่างดี
เห็นท่าทางหดหู่ท้อแท้ของมายมิ้นท์ การันต์ดันแว่น “แม้จะตกใจว่าคนที่วางยาคือราเม็ง แต่หลังจากรู้แล้ว ก็รู้สึกว่าไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมาย”
“หมายความว่าอะไร” มายมิ้นท์เงยหน้ามองเขา
สองมือของการันต์ล้วงเข้าไปในกระเป๋าของเสื้อกาวน์ “คุณไม่รู้เหรอ อาการป่วยทางจิตของราเม็งถือว่าหนักเอาการ เขาแทบจะมีความวิปริตและครอบครองอย่างบ้าอำนาจ ต่อสิ่งของหรือบุคคลที่ตนเองชอบ ดังนั้นที่เขาทำกับคุณแบบนี้ไม่ได้น่าแปลกใจเลย การกระทำนี้ทำโดยเจตนาเพื่อระงับความครอบครองและความปรารถนาของตนเอง ”
ได้ยินประโยคนี้ มายมิ้นท์ก็ตกตะลึง หลายวินาทีจึงพูดออกมาได้ “คุณพูดว่าอะไร ราเม็งป่วยทางจิตเหรอ”
“ดูท่าคุณจะไม่รู้จริงๆสินะ” การันต์ยักไหล่
มายมิ้นท์กลืนน้ำลาย ส่ายหน้า “ฉันไม่รู้ ฉันดูไม่ออกเลยว่าราเม็งมีปัญหาทางจิต……”
“นั่นเพราะเขาปกปิดเอาไว้อย่างดี ทุกอย่างของเขาที่คุณเห็น ก็เป็นแค่การแสดงของเขาเท่านั้น จงใจให้คุณเห็นเขาแบบนั้น ตัวตนที่แท้จริงของเขา มืดหม่นทั้งยังป่วย” การันต์พูด
หัวใจมายมิ้นท์เต้นเร็วรัว เห็นได้ชัดว่าข่าวที่เขานำมาบอกนี้ ทำให้เธอไม่อาจสงบจิตใจลงได้
เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลย ว่าราเม็งที่ตนเองมองเห็น กลับไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของราเม็ง
เสียดายที่ตัวเองเป็นห่วงเป็นใยราเม็ง
“ใช่แล้ว!” จู่ๆก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ร่างมายมิ้นท์เกร็งขึ้นมา มองการันต์ “เมื่อกี้คุณพูดว่า ราเม็งวางยาฉัน แต่เขาก็มีการยับยั้งชั่งใจอยู่ ความหมายก็คือ ถ้าราเม็งไม่ระงับความบ้าอำนาจชอบควบคุมคนอื่นของเขา เขาก็อาจจะไม่ได้แค่วางยาพิษฉัน แต่อาจจะทำเรื่องที่ร้ายแรงยิ่งกว่านี้เหรอคะ”
“ก็อาจจะใช่ แต่จะมีความร้ายแรงมากแค่ไหน คุณสามารถไปค้นหาได้เรื่องที่คนป่วยพวกนั้นทำออกมา ต้องทำให้คุณได้เปิดโลกแน่” แว่นการันต์สะท้อนแสงในขณะที่เขาพูด
มายมิ้นท์ไปค้นหาจริงๆ มองเห็นคนในโลกโซเชียลพูดกันว่าคนที่ป่วยจะทำพฤติกรรมที่สุดโต่งแต่ละอย่าง ก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น
“ราเม็งเขา……สภาพจิตใจของเขาหนักหนาสาหัสมากขนาดนี้เลยเหรอคะ” มายมิ้นท์สูดอากาศเย็นเยือก
ในที่สุดการันต์ก็ไม่ได้มีท่าทีเพิกเฉย เปลี่ยนมาเป็นจริงจังขึ้นมา “วางใจเถอะ ผมจะไม่ให้ราเม็งมาทำร้ายคุณอีก อย่างไรอาการป่วยก็เทียบกับจิตวิปริตไม่ได้”
“ฮะ?” การันต์ยิ้มให้มายมิ้นท์ “ไม่มีอะไร”
ปกติเขาก็ไม่มีความสงสารเห็นใจใครอยู่แล้ว และก็ไม่มีความหวาดกลัว ดังนั้นจึงถูกคนอื่นมองด้วยสายตาเหมือนสัตว์ประหลาดที่วิปริต
แต่ความเป็นจริง เขาเป็นคนวิปริตจริงๆ ตัวเขาเองก็รู้ ว่าเขาคลั่งไคล้กลิ่นคาวเลือด ชีวิตมนุษย์ไร้ค่าสำหรับเขา เขาสามารถทำสิ่งชั่วร้ายจนคนหวาดกลัว เพื่อบรรลุจุดประสงค์บางอย่างได้
แต่ราเม็งไม่ได้ อาการป่วยแม้จะทำให้เขามีพฤติกรรมที่คล้ายกับคนวิปริต แต่คนป่วยก็มีจุดอ่อน จุดอ่อนก็คือพวกเขายึดติดกับวัตถุ แต่ไม่ได้วิปริต ดังนั้นราเม็งไม่มีวันชนะเขา
มายมิ้นท์ไม่รู้ว่าในใจของการันต์กำลังคิดอะไรอยู่ กัดริมฝีปากหลังจากลังเลอยู่นานก็ถามว่า “คุณหมอการันต์ อาการกัป่วยทางจิตของราเม็งแบบนี้ จะรักษาให้หายได้มั้ยคะ”
เขาเองก็เป็นจิตแพทย์ ทางด้านนี้ ต้องมีคำตอบที่เหมาะสมแน่นอน
การันต์พยักหน้า “มีแน่นอน แต่ตัวเขาเองต้องเต็มใจยอมรับการรักษาถึงจะได้ ถ้าบีบบังคับให้เขารับการรักษา มีแต่จะทำให้ได้ผลตรงกันข้ามกับที่คาดหวัง ทำให้อาการเขารุนแรงมากยิ่งขึ้น”
“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ฉันจะพยายามเกลี้ยกล่อมเขาค่ะ” มายมิ้นท์นวดขมับ
การันต์ยักไหล่ “งั้นคุณก็สู้ๆนะครับ เอาละ ผมจะตรวจอาการคุณหน่อย”
มายมิ้นท์ตอบรับ กลับไปนอนลงบนเตียง
อีกด้าน ที่บริษัทตระกูลนวบดินทร์
หลังจากเปปเปอร์จัดการเรื่องงานเสร็จแล้วก็ออกมาจากห้องประชุม หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาอยากดูว่ามายมิ้นท์โทรมาหรือไม่
ก่อนหน้าที่เขาจะไปได้บอกเธอแล้ว ถ้ามีความต้องการอะไร โทรมาหาเขาได้
ตอนนี้เธออยู่ที่โรงพยาบาล ต้องมีจุดที่ไม่สะดวกแน่นอน อาจจะติดต่อเขาก็เป็นได้นะ
ยังมีความหวังเช่นนี้อยู่ เปปเปอร์เปิดโทรศัพท์มือถือดู
หลังจากเปิดแล้ว ข้อความจากวีแชทเด้งออกมา คือมายมิ้นท์
รูม่านตาที่ลึกล้ำของเปปเปอร์ค่อยๆสว่างวาบขึ้นมาในชั่วพริบตา อารมณ์ขุ่นเคืองเพราะปัญหาของบริษัท ก็เปลี่ยนเป็นดีขึ้นมาทันที
เขารีบกดข้อความของมายมิ้นท์ ดูว่าเธอส่งอะไรมา
หลังจากที่เห็นว่าสิ่งที่เธอส่งมาคือสลิปเงินค่าอาหารที่เธอโอนให้เขา สีหน้าก็บูดบึ้งลง อารมณ์ที่เพิ่งจะดีอยู่เมื่อครู่ จมลงสู่ก้นเหวทันที