รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 349 ฉันมีวิธ
ผู้ชายคนนั้นตอบไปตามความเป็นจริงว่า “เขาโพสต์หาในกลุ่มงานของเรา บอกว่ามีค่าตอบแทนจำนวนสองแสนหยวน หวังจะให้พวกเราคนใดคนหนึ่งไป……”
เขาเหลือบมองไปที่มายมิ้นท์ก่อนจะก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว เขาไม่กล้าพูดสองคำนั้นออกมาตรงๆ จึงทำได้เพียงพูดออกมาอย่างอ้อมความว่า “ให้เราไปรังแกผู้หญิงคนหนึ่ง และถ่ายรูปกับวิดีโอเอาไว้ หลังจากเสร็จเรียบร้อยแล้วให้ส่งวิดีโอกับรูปถ่ายไปให้เธอก็พอ ตอนนั้นในกลุ่มของพวกเรามีแต่คนแย่งกันรับงานนี้ แต่สุดท้ายแล้วผมกลับแย่งมาได้”
สรุปก็คือในตอนนั้นที่เขาแย่งงานมาได้รู้สึกดีใจมาก แต่ตอนนี้กลับรู้สึกเสียใจที่แย่งมันมา
เขาอยากจะตบหน้าตัวเองเหลือเกิน ทำไมตอนนั้นถึงมือไว้แบบนี้
“ถ่ายรูปกับวิดีโอเหรอ คุณถ่ายมันหรือเปล่า?” มายมิ้นท์หน้าถอดสีทันที มือของเธอกุมเอาไว้แน่น
รังสีอำมหิตรอบกายของเปปเปอร์ก็แผ่ซ่านออกมาโจมตีไปทางชายคนนั้นอย่างโหดเหี้ยม
ชายหนุ่มเนื้อตัวสั่นสะท้านแล้วรีบอธิบายขึ้นว่า “ไม่ครับไม่! ผมไม่ได้ถ่ายอะไรไว้เลย คืนนั้นตอนนี้ผมกำลังเดินทางไปคลับเฮาส์ ระหว่างทางบังเอิญเจอกับลูกค้าสาวที่ใช้บริการผม ผมถูกคนที่ลูกค้าพามาต่อยเข้าอย่างจัง ก่อนจะนำร่างของผมไปทิ้งที่ชานเมือง พวกเขาเอาโทรศัพท์มือถือและทุกอย่างของผมไปด้วย ในวันนั้นผมอยู่ที่ชานเมืองถึงหนึ่งคืนจนกระทั่งเช้า จึงมีคนใจดีพาผมส่งกลับมาในเมือง จากนั้นผมก็รีบไปที่คลับเฮาส์ แต่ตอนที่ผมไปถึงนั่นคุณถูกคนอื่น……”
ประโยคข้างหลังเขาไม่ได้พูดออกมา แต่ความหมายนั้นทุกคนก็รู้ดี
มายมิ้นท์หันหน้าไปเล็กน้อยแล้วมองไปทางเปปเปอร์ที่ทำท่าทางหยิ่งผยอง
เปปเปอร์หลบสายตาเธออย่างรู้เท่าทัน
มายมิ้นท์ก็ไม่ได้ตามจิกเขาอยู่เช่นนั้น ในไม่ช้าเธอก็หันหน้ามาจับจองที่ผู้ชายคนนี้ “ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าสิ่งที่คุณพูดเป็นเรื่องจริง”
“คุณลองไปตรวจสอบดูก็ได้ บริเวณที่ผมถูกลูกค้าคนนั้นพาไปมีกล้องวงจรปิดอยู่ และมีผู้หวังดีจำทะเบียนรถเอาไว้ให้ผมด้วย ผมบอกกับพวกคุณก็ได้ จากนั้นพวกคุณไปหาเขาคนนั้น น่าจะตรวจสอบเส้นทางการเดินรถ ของพวกเขาได้ เช่นนั้นคุณก็จะรู้ว่าสิ่งที่ผมพูดมาเป็นความจริงหรือเปล่า” ชายหนุ่มรีบตอบออกมาเพราะกลัวว่าเธอจะไม่เชื่อ
แต่ที่จริงมายมิ้นท์เชื่อตั้งแต่แรกแล้ว ท่าทางของเธอไม่ได้ดูตึงเครียดเหมือนตอนแรก
เพราะว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้ถ่ายรูปกับวิดีโอของเธอเอาไว้ ดังนั้นเธอจึงไม่รู้สึกกังวลใจว่าภาพของตัวเองจะถูกเผยแพร่ออกไป
จะว่าไปแล้วเธอต้องขอบคุณลูกค้าของเขาคนนั้นมากๆ
“แล้วหลังจากที่คุณเข้าไปในห้องฉัน คุณทำอะไรฉันหรือเปล่า” มายมิ้นท์กัดฟันถามออกมา นี่คือสิ่งที่เธอกังวลที่สุด
“เปล่าครับ เปล่าเลย!” ผู้ชายคนนั้นส่ายหน้าแล้วยกนิ้วขึ้นสามนิ้ว “ผมไม่ได้ทำอะไร ผมสาบานได้ ตอนนั้นผมถูกทิ้งไว้ที่ชานเมืองถึงคืนหนึ่งหนาวจะตาย ตอนเช้าผมเหนื่อยมากเมื่อเข้าไปถึงห้องของคุณก็หลับทันที จะไปทำอะไรคุณได้ ตอนที่ผมตื่นขึ้นมาคุณก็ไม่อยู่ในห้องนั้นแล้ว อีกอย่างผมไม่มีมือถือ ถ่ายรูปของคุณไว้ไม่ได้หรอก แต่ผมทำหน้าที่ไม่สำเร็จจึงกลัวว่าเงินสองแสนนั้นจะถูกตามกลับคืนไป เลยได้ลาออกจากงานและเดินทางออกไปจากเมืองเดอะซีทันทีที่ตื่นขึ้น”
เดิมทีเขาคิดว่าเมื่อตนเองเดินทางออกไปจากเมืองเดอะซีแล้วจะไม่มีเรื่องราวต้องกังวล
คิดไม่ถึงว่าเขายังถูกคนจับตัวกลับมาอีก เพียงแต่คนที่จับตัวเขามานั้นไม่ใช่คนที่มอบหมายหน้าที่ให้เขา แต่กลับเป็นเหยื่อต่างหาก
เมื่อมองไปยังร่างกายอันสั่นงันงกและใบหน้าที่หวาดกลัวของชายหนุ่ม มายมิ้นท์ก็หันหลังกลับไปพูดกับเปปเปอร์ว่า “ฉันไม่มีอะไรจะถามแล้ว ดูเหมือนคนคนนี้จะไม่ได้มีประโยชน์อะไรมาก เขาเพียงแค่ทำให้ฉันรู้ว่าคืนนั้นเกิดเรื่องอะไรบ้าง แต่คงไม่สามารถทำให้ส้มเปรี้ยวต้องเข้าคุกได้ คนที่จะทำให้เธอเข้าคุกได้น่าจะเป็นบริกรคนนั้น”
เปปเปอร์พยักหน้า “ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เหมันตร์”
ผู้ช่วยเหมันตร์เดินตรงเข้ามา “ประธานเปปเปอร์ครับ มีอะไรให้รับใช้”
“ช่วยพาผู้ชายคนนี้ไปที่ธนาคารแล้วพิมพ์หลักฐานที่ได้รับเงินสองแสนนั้นออกมา อ้อ แล้วก็อย่าลืมจัดการกับข้อมูลที่ติดต่อบริกรคนนั้นเพื่อใช้เป็นหลักฐานมัดตัวบริกร” เปปเปอร์มองไปที่ชายหนุ่มแล้วพูดขึ้น
ผู้ชายคนนั้นไม่สามารถทำให้ส้มเปรี้ยวต้องเข้าคุกได้จริง แต่เขาสามารถทำให้ตนควบคุมบริกรคนนั้นได้
ส่วนบริกรคนนั้นเพื่อเป็นการปกป้องตนเอง เขาคงจะโยนความผิดมาที่ส้มเปรี้ยว เมื่อถึงเวลานั้นส้มเปรี้ยวก็คงจะถูกจับเข้าคุก สมเหตุสมผลเหมือนกัน
“ได้ครับประธานเปปเปอร์” ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้าตอบรับ
เปปเปอร์พูดขึ้นอีกครั้งว่า “หลังจากจัดการเรื่องพวกนี้เสร็จแล้ว ช่วยพาคนคนนี้ไปหาบริกรคนนั้น ผมเชื่อว่าเขาก็คงยังไม่ถูกจัดการ จะได้เปิดโปงทั้งสองคนพร้อมกัน”
“ครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์ตอบรับ จากนั้นส่งสัญญาณไปให้บอดี้การ์ดเป็นความหมายว่าให้บอดี้การ์ดพาตัวคนคนนี้ออกไป
รอจนกระทั่งทั้งสามคนจากไปแล้ว เปปเปอร์จึงได้หันมามองมายมิ้นท์แล้วเอ่ยถามว่า “ผู้ชายคนนั้นคุณตั้งใจจะจัดการอย่างไร?”
มายมิ้นท์เม้มริมฝีปากแต่ไม่ได้ตอบอะไรออกมา
เรื่องนี้เธอก็กำลังคิดอยู่เหมือนกัน
แม้ว่าผู้ชายคนนี้จะได้รับหน้าที่มอบหมายให้มารังแกเธอ แต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรกับเธอจริงๆ ดังนั้นหากจะดำเนินการตามกฎหมายกับชายคนนี้ก็คงยาก
หากว่าจะให้ปล่อยเขาไปง่ายๆ เธอก็ไม่ยอมแน่
เมื่อเห็นท่าทางอันสับสนงุนงงของมายมิ้นท์ เปปเปอร์จึงได้หรี่ตาลงมอง “ถ้าคุณไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ผมจะจัดการเอง”
“ค่ะ” มายมิ้นท์กะพริบตามองเขาอย่างประหลาดใจ “คุณตั้งใจจะทำยังไง?”
“อีกสองวันคุณก็รู้” เปปเปอร์ไม่ได้บอกออกมาอย่างชัดเจน
ส่วนมายมิ้นท์ก็ไม่ใช่คนที่จะต้องเค้นถามจนกว่าจะได้คำตอบที่พึงพอใจ ในเมื่อเขาพูดแบบนี้เจอเธอเองก็ไม่ได้สนใจจะถามอีกต่อไป
เพราะตัวเธอเองก็อยากจะจัดการให้บทเรียนกับผู้ชายคนนั้น แต่ไม่รู้จะจัดการอย่างไร ด้วยเหตุนี้การให้คนอื่นจัดการแทนจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด
หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง ผู้ช่วยเหมันตร์ก็โทรศัพท์กลับมาบอกกับเปปเปอร์ว่าได้จัดการพิมพ์สลิปธนาคารนั้นไว้แล้ว และบันทึกสนทนาก็จัดระเบียบเรียบร้อย ด้านของบริกรนั้นได้พูดเรื่องราวบางอย่างออกมาที่ก่อนหน้านี้เขายังไม่รู้
เพียงแต่คำพูดเหล่านั้นทำให้หัวใจของมายมิ้นท์และเปปเปอร์มืดมนลง
เนื่องจากสิ่งที่บริกรพูดออกมา ไม่เพียงพอที่จะส่งส้มเปรี้ยวเข้าคุกได้
ส้มเปรี้ยวติดต่อกับบริกรคนนี้ไม่ใช่ผ่านโทรศัพท์และไม่ใช่ผ่านวีแชทหรืออุปกรณ์อื่นๆ เธอติดต่อกับเขาเป็นการส่วนตัว นั่นหมายความว่าไม่มีบันทึกและแชทใดทั้งสิ้น
ส่วนบริกรคนนั้นเวลาทำงานเขาจะไม่พกโทรศัพท์มือถือ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะบันทึกเสียงหรืออะไรก็ตาม สิ่งที่มีเพียงอย่างเดียวก็คือประวัติการโอนเงินของส้มเปรี้ยวให้แก่บริกรคนนั้นจำนวนสามแสนหยวน และสองแสนหยวนนั้นบริกรได้โอนไปให้ชายหนุ่มคนนี้
แต่บันทึกการโอนเงินไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้ ส้มเปรี้ยวอาจจะปฏิเสธได้ว่าหล่อนโอนเงินมากมายขนาดนี้ให้กับบริกรเพียงไม่ใช่ว่าต้องการจะให้ไปจัดการใคร หรือบางทีหล่อนอาจจะกลับมาใส่ร้ายบริกรว่าต้องการจะทำให้หล่อนเสียชื่อเสียงจึงทำเช่นนี้เพื่อใส่ร้าย
บอกได้ว่าทุกครั้งที่ส้มเปรี้ยวทำเรื่องไม่ดีเหล่านี้ ทุกคนรู้ว่าเป็นฝีมือเธอแต่ไม่มีใครหาหลักฐานที่เพียงพอมัดตัวเธอได้เลย
แต่นี่ก็พิสูจน์ให้เห็นได้ว่าส้มเปรี้ยวสามารถเอาตัวรอดออกไปได้ทุกครั้ง เป็นไปได้ว่าเธอทำเรื่องที่ผิดกฎหมายเหล่านี้มากมาย เพียงแต่ว่ายังไม่เคยถูกเปิดโปงเท่านั้น
เมื่อเห็นว่ามายมิ้นท์ก้มหน้าแล้วดูครุ่นคิดบางอย่าง เปปเปอร์จึงขยับเขยื้อนพูดว่า “ดูเหมือนบริกรคนนั้นก็จะไม่มีหลักฐานอะไรที่ชัดเจน ถ้าอย่างนั้น…….”
“ฉันมีวิธี” จู่ๆ มายมิ้นท์ก็พูดขึ้นขัดจังหวะเขา
เปปเปอร์เลิกคิ้วถาม “วิธีอะไร?”
เดิมทีเขาต้องการจะพูดว่า ในเมื่อบริกรคนนั้นใช้ไม่ได้ผล เขาจะทำหลักฐานที่ชัดเจนขึ้นมา เอาให้ส้มเปรี้ยวไม่อาจปฏิเสธได้
คิดไม่ถึงว่าเธอจะมีวิธี
มายมิ้นท์กำมือของเธอแน่นแล้วพูดว่า “เพียงแค่ส้มเปรี้ยวยอมรับว่าตัวเธอเองติดต่อกับบริกรคนนี้ และให้บริกรคนนี้วางยาฉัน จากนั้นจัดหาคนมาย่ำยีฉันก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอคะ?”
“แต่ว่าเธอจะไปยอมรับได้ยังไงกัน?” เปปเปอร์มองไปที่เธอ
มายมิ้นท์สะบัดผมของตนเอง “ฉันมีวิธีของฉันก็แล้วกัน เอาเป็นว่าฉันทำได้ แต่เรื่องนี้จะรอช้าไม่ได้ ฉันจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้”
เมื่อพูดจบเธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วเดินตรงออกไปทันที
เดิมทีเปปเปอร์ต้องการจะให้เธออยู่ต่ออีกสักหน่อย แต่ว่าการที่เขาเรียกเธอมาครั้งนี้ก็เพราะผู้ชายคนนั้นจับได้แล้ว
ตอนนี้เมื่อผู้ชายคนนั้นถูกนำตัวไปจากที่นี่กับบริกร เธอเองจะอยู่ต่อไปเพื่ออะไร
ต่อให้เขาอยากให้เธออยู่อีกนานเท่าไรเธอก็คงไม่ยอม
มายมิ้นท์ไม่สนใจว่าการที่เธอเดินทางออกมาอย่างนี้เปปเปอร์คิดอะไรอยู่ในใจ เธอรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรไปหาชวนชม
ในไม่ช้าน้ำเสียงของชวนชมก็ดังขึ้นว่า “คุณมายมิ้นท์ โทรหาฉันมีอะไรเหรอคะ?”