รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 363 ความเห็นแก่ตัวของพิศมัย
“หลานชายของทามทอย ครอบครัวของพวกเขามีธุระนิดหน่อย ก็เลยไหว้วานให้ฉันช่วยดูแลสองวัน”มายมิ้นท์คลึงมือน้อยๆของไมโลพลางพูดขึ้น
พูดได้ว่า มือของเด็กน้อยนั้นน่าบีบ เต็มไปด้วยเนื้อ เนื้อสัมผัสสบายมาก
อดไม่ได้ มายมิ้นท์จึงบีบไปสองที
ทันใดนั้นการันต์เงยคางขึ้นพลางพูดขึ้นว่า“โอเคครับ คุณไปหาเปปเปอร์เถอะ ผมยังต้องไปตรวจคนไข้คนนี้ต่อ ขอตัวก่อนนะครับ”
“อึม คุณไปทำงานเถอะ”มายมิ้นท์พยักหน้า จูงมือไมโลเดินไปยังห้องพักผู้ป่วยที่ตนเคยพักรักษาตัว
ขณะที่เดินมาถึงยังประตูห้องพักผู้ป่วย ประตูห้องพักผู้ป่วยก็เปิดออก
พิศมัยออกมาจากข้างใน เมื่อเห็นมายมิ้นท์ก็ตะลึงงันครู่หนึ่ง จากนั้นสีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้น “ทำไมเป็นคุณล่ะ?”
มายมิ้นท์ก็คิดไม่ถึงว่าจะพบกันอดีตแม่สามี เลิกคิ้วพลางพูดขึ้นว่า:“แล้วทำไมจะเป็นฉันไม่ได้คะ?”
พิศมัย ฮึ อย่างเย็นชา“ที่นี่เป็นห้องพักผู้ป่วยของเปปเปอร์ คุณมาที่นี่ คงไม่ได้ต้องการมาคืนดีกับเปปเปอร์หรอกนะ?”
มายมิ้นท์ยิ้ม“คืนดี?ทำไมฉันต้องคืนดีกับเขาด้วย? เขาเนื้อหอมงั้นเหรอ?แม้ว่าจะใช่ แต่ถ้ามีแม่สามีที่คอยสร้างความวุ่นวายไม่ให้ครอบครัวสงบสุขอย่างคุณ ฉันก็ไม่คืนดีกับเขาหรอก”
“คุณกล้าด่าฉันเหรอ?”พิศมัยโกรธจนตาจ้องเขม็ง
มายมิ้นท์เม้มริมฝีปาก“ฉันไม่ได้ด่าคุณนะคะ ก็แค่พูดออกไปตามความจริง คุณดูสิ พอคุณแต่งงานเข้าตระกูลนวบดินทร์ก็ทำให้ สามีของตนเองถูกลงโทษด้วยกฎของครอบครัว ถ้าคุณไม่ใช่คนที่สร้างความวุ่นวายแล้วจะเป็นอะไร?”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ สีหน้าของพิศมัยก็เปลี่ยนไป จู่ๆก็ก้มลงและจิตใจเริ่มหดหู่
การเปลี่ยนแปลงนี้ ทำให้มายมิ้นท์อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ
เดิมทีเธอคิดว่าการพูดเช่นนี้จะทำให้พิศมัยโมโหเป็นอย่างมาก
แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือ พิศมัยกลับเงียบลง
อีกทั้งท่าทางของพิศมัยก็ดูเหมือนจะเสียใจเป็นอย่างมาก
เสียใจที่สามีของตนถูกลงโทษด้วยกฎของครอบครัว หรือว่าเสียใจที่สามีของตนเสียชีวิต?
คาดว่าน่าจะทั้งสองอย่าง แต่ว่านี้ไม่ใช่สิ่งที่มายมิ้นท์ประหลาดใจที่สุด
สิ่งที่เธอประหลาดใจที่สุดก็คือ ทำไมพิศมัยถึงได้ดีกับเปปเปอร์ขนาดนี้
เพราะถึงยังไงพิศมัยคนนี้ ดูยังไงก็เหมือนกับแม่เลี้ยงใจร้าย แต่หล่อนกับเป็นแม่เลี้ยงที่ดี หากไม่ได้เป็นเพราะท่านย่าเปิดเผยออกมาเธอก็จะไม่สงสัยเลยแม่แต่น้อยว่าเปปเปอร์คือลูกของพิศมัย
เพราะว่าพิศมัยปฏิบัติต่อเปปเปอร์ไม่แตกต่างกับที่ปฏิบัติต่อปีโป้เลย
อย่าว่าแต่พิศมัยเป็นชาวบ้านธรรมดาเลย ต่อให้เป็นคุณหนูที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดี ก็ไม่แน่ว่าจะเลี้ยงลูกของภรรยาเก่าเหมือนลูกของตัวเอง แต่ว่าพิศมัยปฏิบัติต่อเปปเปอร์ราวกับเขาเป็นลูกแท้ๆของตน นี่น่าจะเป็นเพราะสาเหตุอะไรบางอย่าง
แต่ว่าไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ ต่อให้สงสัยเธอก็คงไม่เอ่ยปากถาม
เมื่อคิดถึงจุดนี้ มายมิ้นท์คลึงที่หว่างคิ้วพลางเอ่ยปากถามขึ้นว่า“พอเถอะคุณนายพิศมัย อย่าเสียเวลาอีกเลย ที่ฉันมาที่นี่ก็แค่ต้องการคืนของให้กับเปปเปอร์ รบกวนคุณช่วยแจ้งเขาหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ”
พิศมัยได้สติออกมาจากความโศกเศร้านั้น ก้มศีรษะเหลือบมองถุงที่ประณีตที่อยู่ในมือของมายมิ้นท์ และกลับไปสู่ท่าทีที่แปลกๆทำให้คนคาดเดาไม่ได้พลางพูดขึ้นว่า:“อุ๊ย แพ็กเกจดีขนาดนี้ จะต้องเป็นของขวัญที่มอบให้กับเปปเปอร์แน่ๆ แล้วคุณยังจะมาพูดอีกว่าไม่ได้ต้องการมาคืนดีกับเปปเปอร์”
มายมิ้นท์กลอกตาขาว
ช่างเถอะ พูดจากับคนที่อยู่แต่ในโลกความคิดของตัวเอง พูดอะไรไปก็เปลืองน้ำลายเปล่าๆ
“ถ้างั้นแบบนี้แล้วกัน ฉันไม่เข้าไปแล้ว ของสิ่งนี้คุณก็มอบให้เขาแล้วกันนะคะ”ขณะที่พูด มายมิ้นท์ก็ยัดถุงใส่ที่อกของพิศมัย จากนั้นก็จูงมือไมโลแล้วเดินจากไป
พิศมัยมองดูเงาร่างใหญ่ของคนหนึ่งคนและเงาร่างเล็กของคนหนึ่งคนเดินจากไปพลางเบ้ปาก“เพ้ย!ฉันไม่มีทางให้เปปเปอร์หรอก รอฉันดูเสร็จฉันก็จะโยนมันทิ้ง!”
ยังคิดที่อยากจะมอบของขวัญให้กับเปปเปอร์ หวังที่จะคืนดีกับเปปเปอร์
ไม่มีทางหรอก!
พิศมัยเปิดถุงออกมาอย่างรุนแรง และหยิบกล่องที่อยู่ข้างในออกมา
กล่องก็เป็นเช่นเดียวกับถุงที่ประณีตงดงาม อีกทั้งพิศมัยเหลือบมองครู่เดียวก็รู้ว่า นี่คือกล่องของเครื่องประดับ
นั้นก็หมายความว่า ข้างในต้องเป็นเครื่องประดับแน่ล่ะ?
แววตาของพิศมัยรู้สึกสงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไมมายมิ้นท์ต้องมอบเครื่องประดับให้กับเปปเปอร์ เครื่องประดับเป็นของที่ผู้ชายต้องมอบให้กับผู้หญิงไม่ใช่เหรอ?
ส่วนมากผู้หญิงก็จะมอบนาฬิกา เนกไท เข็มกลัดติดแขนเสื้อ เป็นต้น แต่ว่าของจำพวกนี้ไม่ใช่ว่าจะใช้กล่องใส่เครื่องประดับใส่ได้
“ลึกลับซับซ้อน ฉันอยากจะรู้นักว่าข้างในคืออะไร”พิศมัยพึมพำ มือทั้งสองเปิดกล่องออกมา
จังหว่ะที่เปิดกล่องออกมานั้น แสงสีฟ้านั้นส่องประกายออกมาจนเกือบทำให้หล่อนตาบอด
หลังจากที่หล่อนรู้แล้วว่าข้างในกล่องนั้นคืออะไร ก็ถอนหายใจที่เย็นยะเยือกออกมา รีบปิดฝากล่องลง มองซ้ายมองขวา หัวใจเต้นเร็วเป็นอย่างมาก
ที่แท้เป็นดวงใจสีคราม!
พิศมัยกลืนน้ำลาย ไม่อยากจะเชื่อว่าในมือของตนคือสร้อยคอที่ล้ำค่า
จู่ๆ พิศมัยก็รู้สึกว่ามือขวาของหล่อนหนักมาก
ก็ใช่ จะไม่หนักได้ยังไง?
นั้นคือดวงใจสีครามมูลค่ากว่าร้อยล้าน!
หล่อนรู้จักดวงใจสีคราม เพราะว่าหล่อนเคยเห็นที่เปปเปอร์ สามเดือนก่อนเปปเปอร์ประมูลดวงใจสีครามเส้นนี้มา เพื่อเตรียมมอบให้ส้มเปรี้ยวเป็นของหมั่น
ตอนนั้นหล่อนรู้สึกอิจฉาเป็นอย่างมาก เพราะเปปเปอร์ไม่เคยมอบเครื่องประดับล้ำค่าแบบนี้ให้หล่อนมาก่อน แต่ว่าคิดว่าหากส้มเปรี้ยวแต่งเข้าตระกูลนวบดินทร์แล้ว ก็จะต้องนำดวงใจสีครามกลับมาอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นค่อยถามหาเอาจากส้มเปรี้ยว แน่นอนว่าส้มเปรี้ยวจะต้องมอบให้แม่สามีอย่างหล่อนแน่นอน
สุดท้ายส้มเปรี้ยวยังไม่ทันได้แต่งเข้ามา ดวงใจสีครามก็ถูกมายมิ้นท์แย่งไปเสียแล้ว ตอนนั้นหล่อนโมโหเป็นอย่างมาก โวยวายต้องการไปขอคืนจากมายมิ้นท์ แต่เปปเปอร์ห้ามไว้ เมื่อเวลาผ่านไป หล่อนก็ค่อยๆลืมเรื่องดวงใจสีครามนี้
แต่คิดไม่ถึงเลยว่ามายมิ้นท์จะนำดวงใจสีครามนี้กลับมา อีกทั้งตอนนี้ยังอยู่ในมือของตน
ถ้าตนก็เก็บไว้เองเลยสิ?
เพราะถึงยังไงเปปเปอร์ก็ไม่รู้ว่ามายมิ้นท์เอามาคืนแล้ว
อีกทั้งหากต้องนำดวงใจสีครามที่อยู่ในมือของหล่อนแล้วตอนนี้กลับไป หล่อนไม่ยอมอย่างแน่นอน ดูจากความรู้สึกที่เปปเปอร์มีต่อมายมิ้นท์ในตอนนี้ สร้อยเส้นนี้หากอยู่ในมือของเปปเปอร์ เปปเปอร์ก็จะต้องเก็บไว้ให้มายมิ้นท์ จากนั้นค่อยหาโอกาสคืนให้กับมายมิ้นท์
ดังนั้นหล่อนไม่ยอมคืนให้กับเปปเปอร์อย่างแน่นอน เมื่ออยู่ในมือของหล่อนแล้วก็ต้องเป็นของหล่อน
ขณะที่คิด พิศมัยยัดกล่องใส่กระเป๋าอย่างมีความสุข หันกลับเข้าไปยังห้องพักผู้ป่วย
ตอนนี้เปปเปอร์สามารถลุกขึ้นมาได้แล้ว ไม่เหมือนกับสองวันก่อนที่ต้องนอนอยู่แต่บนเตียง
ในเวลานี้เขากำลังนั่งพิงหัวเตียงผู้ป่วยอยู่ ในมือถือแท็บเล็ต กำลังดูงบการเงินอยู่ พลางหันออกไป“แม่ แม่กลับไปแล้วไม่ใช่เหรอครับ?”
“แม่ลืมหยิบโทรศัพท์”พิศมัยชี้ไปที่โทรศัพท์บนหัวเตียง
เปปเปอร์อึมหนึ่งที
พิศมัยเดินเข้าไปพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“เปปเปอร์ คือ……วันนี้มีใครบอกว่าจะมาหาลูกไหม?”
แม้ว่าเปปเปอร์จะไม่รู้ว่าเมื่อสักครู่นี้มายมิ้นท์ แต่ว่าก็ไม่รู้ว่ามายมิ้นท์ได้ติดต่อกับเปปเปอร์ไว้ก่อนหน้าไหม
เพราะหากเป็นเช่นนั้น ถ้างั้นดวงใจสีคราม……
“ไม่มีครับ แม่ถามทำไมเหรอ?”เปปเปอร์หรี่ตามองไปที่หล่อนด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง ราวกับว่าต้องการที่จะเห็นอะไรในตัวหล่อน
พิศมัยเกรงว่าเขาจะเห็นความผิดปกติของหล่อน จึงรีบลดเปลือกตาลงพลางหัวเราะฮ่า ฮ่า“ไม่มีอะไร ก็แค่คิดว่าลูกนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เพื่อนลูกก็ไม่มาเยี่ยม ก็เลยรู้สึกแปลกใจ ในเมื่อไม่มีก็ช่างเถอะ”
ถ้าอย่างงั้นหล่อนก็วางใจแล้ว
ดูเหมือนว่ามายมิ้นท์จะไม่ได้บอกเขาก่อนที่จะมา ถ้าอย่างนั้นดวงใจสีครามก็เป็นของหล่อนจริงๆแล้วล่ะ
เมื่อคิดเช่นนี้พิศมัยก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาจนไม่สามารถหุบปากได้
เปปเปอร์ยักคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่าหล่อนมีบางอย่างแปลกๆ
แต่ว่าก็ไม่ได้ถามอะไรมาก ก้มหน้าลงแล้วอ่านรายงานของตนต่อ
พิศมัยก็ไม่ได้อยู่ต่อ หยิบโทรศัพท์แล้วจากไป
หล่อนรีบที่จะกลับไปส่องกระจกลองดวงใจสีคราม
ดวงใจสีครามที่สวยขนาดนี้ หล่อนใส่มันจะต้องสวยอย่างแน่นอน
อีกทางด้านหนึ่ง มายมิ้นท์ขับรถพาไมโลมายังเทนเดอร์กรุ๊ป เลขาซินดี้มองไปยังไมโล พลางถามขึ้นอย่างประหลาดใจว่า“ประธานมายมิ้นท์ ลูกสาวของคุณเหรอ?