รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 378 ความลับของไฝแดง
เพราะฉะนั้นถึงเธอจะมองไม่เห็น แต่เธอก็หัน‘สายตา’ไปที่ใบหน้าของลำดวนได้อย่างแม่นยำ
ตอนนี้ลำดวนเหนื่อยล้าเป็นอย่างมากแล้ว ทั้งปวดหัวทั้งเวียนหัว จนแทบจะระเบิดอยู่แล้ว
เธอฟุบหน้าอยู่บนโต๊ะสอบสวน พยายามลืมตามองไปที่คนทั้งสี่ที่อยู่ตรงหน้า
ผู้ชายสามคนนั้นเธอไม่รู้จัก แต่เธอรู้จักผู้หญิงคนที่นั่งอยู่บนรถเข็น และกำลังถามเธอว่าใช่ลำดวนหรือเปล่า
ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ เธอเคยเห็นมาก่อน ในรูปถ่ายที่คนคนนั้นเคยให้เธอมา
ลำดวนตอบเหมือนหายใจไม่ทัน “ฉันรู้ว่าคุณมาทำไม แต่ว่าพวกคุณตายใจไปเถอะ ฉันไม่มีทางบอกหรอก”
ถ้าพูดออกมา คนคนนั้นก็จะไม่ช่วยลูกชายของเธอแล้ว
ลูกชายของเธอ เป็นญาติเพียงคนเดียวของเธอ เธอไม่อยากให้ลูกชายไม่ได้รับการรักษาเพราะว่าไม่มีเงิน เพราะฉะนั้นเธอจำเป็นที่จะต้องช่วยลูกของเธอ
ถึงแม้ลูกชายของเธอ จะไม่รู้เลยว่ายังมีแม่อย่างเธอคนนี้อยู่บนโลกด้วย
พอมายมิ้นท์ได้ยินคำพูดของลำดวน คิ้วเรียวก็ขมวดกันเป็นปมขึ้นมา
เธอยังไม่ได้ถามเลย คนคนนี้ก็พูดว่าไม่มีทางบอก ความรู้แบบนี้ มันทำให้คนไม่ชอบใจจริง ๆ
มายมิ้นท์บีบที่พักแขนรถเข็นเล็กน้อย พยายามข่มไฟโกรธในใจลงไปได้เล็กน้อย ถึงเปิดปากพูดขึ้นมาใหม่ว่า “คุณแน่ใจเหรอว่าคุณจะไม่พูด? คุณจะต้องรู้ไว้นะ ว่าแค่คุณพูดออกมา โทษของคุณก็จะเบาบางลง ถ้าคุณไม่พูด โทษก็จะยิ่งหนักเข้าไปอีกนะ”
“ฉันรู้ค่ะ ไม่เป็นไร ในเมื่อไม่ว่ายังไง ฉันก็ไม่มีทางพูดอยู่แล้ว” ลำดวนพูดไปหมดแล้วก็หัวเราะขึ้นมา รอยยิ้มทั้งขมขื่นทั้งเหนื่อยล้า
ไฟโกรธที่มายมิ้นท์เพิ่งข่มลงไปเมื่อกี้ คราวนี้ก็พุ่งขึ้นมาอีกแล้ว และที่หัวก็เริ่มรู้สึกไม่สบายขึ้นมาแล้ว
เปปเปอร์รู้สึกถึงความผิดปกติของเธอก่อน แล้วก็เอามือไปวางลงที่ไหล่ของเธอแล้วบีบเบา ๆ และพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยขึ้นว่า “เอาล่ะ คุณอย่าเพิ่งโมโหไป หายใจเข้าลึก ๆ ปรับอารมณ์สักหน่อยนะ”
มายมิ้นท์เองก็รู้ถ้าตัวเองไม่สงบสติอารมณ์ลงมาจะเกิดผลอะไร แล้วก็ไม่สนใจแล้วว่าเขาจะแตะต้องตัวเธออยู่ จึงหลับตาลงและทำตามที่เขาให้สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ
ลาเต้จ้องมองมือของเปปเปอร์ที่วางอยู่บนไหล่มายมิ้นท์ “นี่ ไอ้เปปเปอร์ รีบเอามือสกปรกๆ ของคุณออกไปจากไหล่ยาหยีเลยนะ นี่คุณแอบแต๊ะอั๋งเหรอ”
พูดแล้ว เขาก็รุดหน้าเข้ามาจะลงมือเอง จะดึงมือเปปเปอร์ออกเอง
แต่ว่าเปปเปอร์ก็ไม่ให้โอกาสเขาด้วยซ้ำ ในตอนที่เขากำลังยื่นมือมานั้น เปปเปอร์ก็ดึงมือออกเลย
แล้วลาเต้ก็คว้าได้แต่อากาศ จนเกือบจะล้มลงไปเลย
ผู้ช่วยเหมันตร์รีบรับตัวเขาไว้ แล้วยิ้มเล็กน้อยและถามขึ้นว่า “คุณลาเต้ ไม่เป็นอะไรนะครับ?”
“ผมจะเป็นไรหรือไม่เป็นไรต้องให้คุณมาสนด้วยเหรอ?” ลาเต้ทำเสียงหึขึ้นมาคำหนึ่ง แล้วผลักผู้ช่วยเหมันตร์ออกแล้วกลับไปยืนอยู่ข้างมายมิ้นท์
ผู้ช่วยเหมันตร์จ้องมองเขา แล้วก็ส่ายหน้าอย่างไม่สนใจ
คุณลาเต้คนนี้นี่เหมือนกับเด็กเอาแต่ใจคนหนึ่งจริง ๆ เจอใครก็กัดไปทั่ว
เปปเปอร์ไม่ได้สนใจว่าระหว่างผู้ช่วยเหมันตร์กับลาเต้จะเกิดอะไรขึ้นมา เขาหรี่ลงจ้องมองไปที่ลำดวน “คุณแน่ใจนะว่าคุณจะไม่พูด?”
แล้วลำดวนก็ฟุบหน้าลงไปเลย ไม่ออกเสียง ท่าทีแสดงออกอย่างชัดเจนอยู่ตรงนี้แล้ว ว่าไม่พูด
มุมปากของเปปเปอร์คลี่ออกมาอย่างเยือกเย็น “คุณจะไม่พูดก็ได้ งั้นคนในครอบครัวคุณก็จะ…….”
“คุณอยากจะทำอะไร?” ลำดวนไม่มีทางที่จะสงบเยือกเย็นได้อีกแล้ว จึงรีบเงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าที่ธรรมดานั้นเต็มไปด้วยความตื่นกลัว
แม้แต่มายมิ้นท์กับลาเต้ก็จ้องมองเปปเปอร์อย่างตกใจเป็นอย่างมาก
ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็คิดไม่ถึง ว่าเปปเปอร์จะใช้คนในครอบครัวลำดวนมาข่มขู่ลำดวนได้
ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยถูกต้องตามหลักศีลธรรมซะเท่าไหร่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าวิธีนี้ได้ผลดีที่สุดแล้ว
ที่สำคัญก็เห็นท่าทางของลำดวน เหมือนกับว่าจะเริ่มกลัวขึ้นมาแล้ว
“ผมอยากจะทำอะไร ในใจคุณก็มีคำตอบอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? ทางที่ดีคุณก็พูดออกมาดี ๆ ดีกว่า พูดทุกอย่างออกมา ถ้าคุณไม่ยอมพูด ผมก็จะเอาคนในครอบครัวคุณมาเชือดไก่ให้ลิงดู” ดวงตาของเปปเปอร์หรี่ลง น้ำเสียงเย็นยะเยือกเหมือนกับถ้ำน้ำแข็ง ไม่มีเยื่อใยเลยสักนิด
ลำดวนตัวสั่นขึ้นมาทีหนึ่ง จ้องมองเขาเหมือนกับจ้องมองปีศาจอยู่
เปปเปอร์พึงพอใจต่อสายตาของเธอมาก แล้วก็หรี่ตาที่เย็นชาลงแล้วถามขึ้นมา “พูดมาเถอะ ทำไมต้องมาลอบทำร้ายมายมิ้นท์ด้วย”
ปากของลำดวนอ้าออกเล็กน้อย ผ่านไปนานถึงได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้งประโยคหนึ่ง “เพราะว่า……การมีตัวตนของเธอ เป็นภัยคุกคามต่อคนคนหนึ่ง”
“พูดไปเรื่อย!” ลาเต้ระเบิดขึ้นมาทันที แล้วตบลงไปที่โต๊ะทีหนึ่ง “เป็นภัยคุกคามต่อคนคนหนึ่งเหรอ? เป็นภัยคุกคามต่อใครกัน? คนเราทุกคนล้วนแตกต่างกัน แล้วยาหยีก็ไม่ได้เป็นภูตผีปีศาจอะไรสักหน่อย คุณบอกผมมา เธอจะไปเป็นภัยคุกคามต่อใครได้!”
เปปเปอร์กับมายมิ้นท์เองก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจต่อคำพูดประโยคนี้ของลำดวนเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะมายมิ้นท์ ในใจกลับเกิดคลื่นยักษ์ที่ทำให้คนหวาดกลัวขึ้นมาแล้ว
ว่าแล้ว การันต์ทายได้ไม่ผิดเลย ไฝแดงที่ข้อมือเธอ เป็นภัยคุกคามต่อคนอื่นจริง ๆ ด้วย
“ฉันพูดไม่ได้” ลำดวนส่ายหน้าขึ้น ตอบกลับคำถามของลาเต้ไป
หัวคิ้วของเปปเปอร์ขมวดกันอย่างไม่พอใจขึ้นมา ในตอนที่กำลังจะพูดนั้น จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา
เขาเอาออกมามองดูทีหนึ่ง พอเห็นชื่อที่แสดงอยู่ ดวงตาก็ขรึมลงเล็กน้อย จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นไปมองมายมิ้นท์ “เดี๋ยวผมออกไปรับโทรศัพท์สักครู่นะ”
มายมิ้นท์พยักหน้าให้
แล้วผู้ช่วยเหมันตร์ก็เข็นเปปเปอร์ออกไป
ลาเต้ปิดประตูห้องสอบสวนลง พอกลับมาแล้ว ก็จ้องลำดวนอย่างโกรธจัด “คุณพูดไม่ได้? คุณลืมคำพูดของเปปเปอร์เมื่อกี้ไปแล้วเหรอ? สารภาพมาซะดี ๆ ถ้าไม่สารภาพมาดี ๆ ก็ระวังคนในครอบครัวคุณให้ดี ๆ ละกัน!”
ตัวของลำดวนสั่นเทาทีหนึ่ง แล้วก็ตอบกลับมาอย่างอ่อนแอว่า “ขอโทษค่ะ ฉันพูดไม่ได้จริง ๆ ฉันสามารถบอกเรื่องที่พวกคุณอยากจะรู้บางอย่างได้ แต่ว่าคนคนนี้ ฉันเปิดเผยไม่ได้จริง ๆ ขอร้องพวกคุณล่ะ ได้โปรดอย่าถามฉันเรื่องนี้อีกเลย”
น้ำตาของเธอหลั่งไหลออกมาไม่หยุด
ถึงแม้ว่าคุณผู้ชายที่เหมือนปีศาจคนนั้นจะใช้คนในครอบครัวเธอมาข่มขู่เธอ แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้เธอซัดทอดคนคนนั้นออกมาได้
ลูกชายของเธอ ยังรอการผ่าตัดอยู่เลย
และอีกอย่าง เธอก็กำลังพนันอยู่ พนันว่าคนพวกนี้จะสามารถสืบหาลูกชายของเธอออกมาได้หรือเปล่า เพราะว่าลูกชายของเธอ ตั้งแต่เกิดมาก็โดนขโมยไปแล้ว และเมื่อไม่นานมานี้ถึงเพิ่งจะหาพบ และก็ไม่ได้ไปทำความรู้จักกับลูกชายของเธอด้วย เพราะว่าไม่กล้า
ตอนนี้เธอตัวคนเดียว ไม่มีใครรู้ ว่าเธอยังมีลูกชายอีกคน
เพราะฉะนั้นคนพวกนี้ มีโอกาสครึ่งหนึ่งที่จะหาลูกชายของเธอไม่เจอ ซึ่งแน่นอนว่าการข่มขู่นั้น ก็จะไม่เกิดผลอะไรต่อเธอ
แต่ถ้าเธอบอกคนพวกนี้ไปตรง ๆ ว่าคนคนนั้นเป็นใคร งั้นลูกชายของเธอก็ต้องจบเห่แล้วจริง ๆ เพราะฉะนั้นเธอจะพูดไม่ได้เด็ดขาด
เพราะถ้าพูดแล้ว ลูกชายของเธอก็จะไม่มีทางรอดแล้ว ถ้าไม่พูด ลูกชายของเธอยังมีโอกาสรอดได้ครึ่งหนึ่ง ขอเป็นมนุษย์คนหนึ่งก็รู้ว่าควรจะเลือกยังไง
“อย่าถามเรื่องนี้กับคุณเหรอ?” ลาเต้โกรธจนขำแล้ว และคว้าคอเสื้อของลำดวนมาจับไว้ แล้วหิ้วตัวหล่อนขึ้นมา “นี่มันคำตอบอะไรของคุณ ห๋า?”
ลำดวนหลับตาลง แล้วร้องไห้ฮือ ๆ ไป
มายมิ้นท์บีบจมูกเล็กน้อย รู้สึกเหนื่อยล้าขึ้นมาบ้าง “เอาล่ะเต้ ปล่อยหล่อนลงเถอะ”
“ยาหยี……” ลาเต้รู้สึกไม่ค่อยอยากจะทำซะเท่าไหร่
มายมิ้นท์พูดขึ้นมาอีกครั้ง “ปล่อยหล่อนลง ที่นี่เป็นสถานีตำรวจ นายอยากจะโดนพวกตำรวจมาจับกุมตัวไปเหรอ?”
“……” ลาเต้ไม่พูดอะไรแล้ว แล้วก็ทิ้งตัวหล่อนกลับลงไปบนเก้าอี้
มายมิ้นท์จ้องมองลำดวนที่นั่งทิ้งตัวอยู่บนเก้าอี้ ราวกับวิญญาณได้หลุดออกจากร่างไปแล้ว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้นว่า “ได้ ฉันจะไม่ถามคุณว่าคนคนนั้นเป็นใคร ตอนนี้ฉันจะถามคุณ ที่คุณมาลอบทำร้ายฉัน เป็นเพราะว่าคนคนนั้นสั่งคุณมา หรือเป็นความคิดของคุณเอง?”
“เป็นความคิดของฉันเอง” ลำดวนตบหน้าอกของตัวเองไม่หยุด “ฉันเป็นคนลงมือกับคุณเอง ฉันพบเห็นไฝแดงที่ข้อมือคุณโดยบังเอิญ แล้วรู้ว่าการมีตัวตนของคุณ จะเป็นภัยคุกคามต่อคนคนนั้น แล้วคนคนนั้นก็เป็นคนที่สำคัญที่สุดต่อฉัน เพราะฉะนั้นฉันก็เลยตัดสินใจมาลงมือกับคุณ”
“ใช่เหรอ?” มายมิ้นท์เม้มเรียวปากแดงไว้ จากนั้นก็กวักมือให้ลาเต้
ลาเต้โน้มตัวลงมา “ทำไมเหรอ ยาหยี?”
“นายช่วยฉันดูหน่อย ว่าหล่อนพูดโกหกหรือเปล่า” มายมิ้นท์กำชับขึ้นด้วยน้ำเสียงต่ำ
ลาเต้พยักหน้าให้ทีหนึ่ง จากนั้นก็จ้องมองไปที่ลำดวน
พอมองไปครู่หนึ่ง ลาเต้ก็ตอบกลับขึ้นมาว่า “เหมือนว่าจะพูดจริงนะ ผมดูท่าทางหล่อน ไม่เหมือนพูดโกหกนะ”
มายมิ้นท์บีบฝ่ามือไปเล็กน้อย
ถ้าอย่างงั้น ทุกอย่างนี้ ลำดวนก็เป็นคนวางแผนเองทั้งหมด เบื้องหลังไม่มีคนอื่นมามีส่วนร่วมด้วยแล้วเหรอ?
“คำถามสุดท้าย” มายมิ้นท์สูดหายใจเข้าลึก ๆ ครั้งหนึ่ง “ตกลงไฝแดงที่ข้อมือฉัน มันมีความลับอะไรกันแน่? ทำไมถึงได้เป็นภัยคุกคามต่อคนที่สำคัญที่สุดของคุณด้วย? แล้วก็เป็นภัยคุกคามแบบไหนกัน!”