รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 388 ไม่ได้อุ้มผิดไป
เปปเปอร์เหลือบมองเขาอย่างเย็นชา บ่งบอกให้เขาหุบปาก
ผู้ช่วยเหมันตร์ยักไหล่ แล้วหุบปาก
เปปเปอร์เห็นพวกมายมิ้นท์เข้าห้องไปแล้ว ก็หันตัวกลับไปที่ลิฟต์อีกครั้ง
เขารู้ว่าเธอพักห้องไหน ก็เพียงพอแล้ว
ต่อไป เขาก็ควรกลับห้องตัวเอง
วันถัดมา
มายมิ้นท์ถูกชาหวานปลุกให้ตื่น อีกสักพักต้องออกไปโรงพยาบาล
ชาหวานเตรียมผ้าขนหนูแปรงสีฟันให้เธอเรียบร้อยตั้งนานแล้ว
เมื่อมายมิ้นท์เข้าห้องน้ำมา ก็สามารถล้างหน้าแปรงฟันได้เลย ไม่ต้องคลำหาของเหล่านี้เอง
ต้องบอกเลยว่า ให้ชาหวานมาเมืองน้ำรุ้งเป็นเพื่อน เธอคิดถูกจริงๆ
ในเวลานี้ ออดประตูก็ดังขึ้น
ชาหวานหันหน้าพูดกับคนในห้องน้ำ “ประธานมายมิ้นท์ มีคนมา ฉันไปเปิดประตูนะคะ”
“ไปเถอะ” มายมิ้นท์บ้วนฟองในปากแล้วตอบ
ชาหวานยกเท้าเดินไปที่ประตู มองตาแมวก่อน เห็นด้านนอกเป็นพนักงานโรงแรม จึงเปิดประตู “มีเรื่องอะไรเหรอคะ?”
“ขอถามหน่อยนะครับใช่คุณมายมิ้นท์ไหม?” พนักงานยิ้มนิดๆ ขณะถาม
ชาหวานส่ายหน้า “ฉันไม่ใช่ค่ะ แต่คุณมายมิ้นท์เป็นเจ้านายฉัน”
“อย่างนี้นี่เอง เมื่อกี้คุณเปปเปอร์สั่งอาหารเช้าให้คุณมายมิ้นท์ รบกวนคุณผู้หญิงรับหน่อยครับ” ขณะที่พูด พนักงานก็เข็นรถอาหารคันหนึ่งมาจากข้างๆ
บนรถอาหารมีอาหารหลายจานวางอยู่ แต่ล้วนปิดฝาไว้ มองไม่เห็นว่าในนั้นมีอาหารเช้าอะไรบ้าง
ชาหวานเลิกคิ้ว “ได้ค่ะ ฉันรู้แล้ว”
พนักงานส่งอาหารให้เธอ แล้วหันตัวเดินจากไป
ชาหวานเข็นรถอาหารเข้าไปในห้อง เห็นมายมิ้นท์ยันกำแพงเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี
ได้ยินเสียงล้อรถเข็น มายมิ้นท์ก็หยุดนิ่งไม่ขยับ “ชาหวาน ใครน่ะ?”
“คนของโรงแรม มาส่งอาหารเช้าค่ะ” ชาหวานเข็นรถอาหารมาด้านหน้าโต๊ะอาหารแล้วตอบกลับ
มายมิ้นท์ประหลาดใจเล็กน้อย “เธอสั่งอาหารเช้าเหรอ ฉันบอกว่าฉันล้างหน้าแปรงฟันเสร็จค่อยออกไปสั่งนะ”
“ฉันไม่ได้สั่งค่ะ นี่อาหารที่เจ้าพ่อผู้อยากจีบภรรยาเป็นคนสั่ง” ชาหวานชี้ไปข้างบน
มายมิ้นท์มองไม่เห็น แต่รู้ทันทีว่าเธอพูดถึงใคร เม้มริมฝีปากแดง “เปปเปอร์สั่ง?”
“ใช่ค่ะ” ชาหวานพยักหน้า จากนั้นก็เปิดฝาพวกนั้นออก เห็นอาหารเช้ามากมายในจาน ก็อดไม่ได้ที่จะร้องว้าวสองที “ไม่เลวเลยนี่ ประธานมายมิ้นท์รีบมากินเร็ว”
“ไม่เอา เธอกินไปเถอะ” มายมิ้นท์ส่ายหน้า
ชาหวานวางจานลงแล้วเดินไปหาเธอ จากนั้นก็ประคองเธอเดินมาที่โต๊ะอาหาร “อย่าเป็นแบบนี้สิคะ อาหารเช้าฟรีๆ กินไปไม่เสียหาย และกฎของโรงแรมก็สั่งแล้วห้ามคืน ฉันกินคนเดียวไม่หมด เสียดายของมากอ่า ฉันรู้ว่าทำไมคุณไม่ยอมรับ เราก็แค่คืนเงินเขาทีหลังก็ได้นี่คะ”
ชาหวานพูด พร้อมยัดช้อนไว้ในมือมายมิ้นท์
มายมิ้นท์โยนช้อนทิ้งก็ไม่ได้ ไม่โยนทิ้งก็ไม่ได้ สุดท้ายก็นั่งลงอย่างประนีประนอม “เดี๋ยวเธอใช้โทรศัพท์ฉัน โอนเงินไปให้เขานะ”
“ได้ค่ะ” ชาหวานพยักหน้าขณะดื่มนม
ทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ทั้งสองก็ออกจากห้องมา ไปโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองน้ำรุ้ง
ยี่สิบหกปีก่อน มายมิ้นท์เกิดที่นี่แหละ
คุณพ่อบอกว่าเขามาคุยธุรกิจที่เมืองน้ำรุ้ง คุณแม่หอบท้องโตใกล้จะคลอดมาเป็นเพื่อนเขา สุดท้ายแม่ก็คลอดเธอที่เมืองน้ำรุ้ง
ครั้งนี้ เธอต้องทำให้ชัดเจนให้ได้ว่าตัวเองตอนคลอด ได้ถูกอุ้มผิดไปหรือไม่
ที่โรงแรม เปปเปอร์รู้ว่ามายมิ้นท์ออกไปแล้ว ใบหน้าก็บูดบึ้งมาก
เขารู้ วันนี้ตอนเช้ายังมีแฟชั่นโชว์อีกงาน
เธอต้องไปดูแฟชั่นโชว์ของราเม็งให้จบถึงจะกลับเมืองเดอะซีแน่ๆ
ผู้ช่วยเหมันตร์เหลือบเห็นเปปเปอร์ที่ขุ่นเคืองใจ ก็ดันแว่นแล้วถามขึ้น “ประธานเปปเปอร์ เราไปไหมครับ?”
“ไม่ไป!” เปปเปอร์ขมวดคิ้วตอบกลับ
ชายกลุ่มหนึ่งเดินบนเวที มีอะไรน่าดู
“นายส่งสองคนไปที่นั่น แอบปกป้องเธอลับๆ อย่าให้เธอโดนใครชนเข้า” เปปเปอร์ขมวดคิ้ว แล้วพูดขึ้นอีกครั้ง
ถึงแม้ข้างกายมายมิ้นท์จะมีชาหวานอยู่ด้วย แต่อย่างไรแล้วก็มีชาหวานคนเดียว บางครั้งก็ไม่สามารถดูแลได้ทุกอย่าง
โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่คนเยอะ ผู้คนเดินมาเดินไปแบบนั้น มายมิ้นท์มองไม่เห็นอีก มันยากที่จะรับประกันว่าจะไม่ชนเข้ากับใคร
“เข้าใจแล้วครับประธานเปปเปอร์” ผู้ช่วยเหมันตร์ตอบรับ
แต่เมื่อคนที่ผู้ช่วยเหมันตร์ส่งไป ตามหาในอาคารแฟชั่นมาหนึ่งรอบแล้ว แต่หาพวกมายมิ้นท์ไม่เจอ เปปเปอร์ถึงได้รู้ว่า มายมิ้นท์ไม่ได้ไปอาคารแฟชั่นเพื่อดูแฟชั่นโชว์ราเม็ง
นี่มันทำให้ในใจเปปเปอร์เริ่มกังวลขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
มายมิ้นท์ไม่ได้ไปอาคารแฟชั่น แล้วเธอไปไหนกันแน่?
ถูกใครบางคนเอาตัวไป หรือไปทำธุระอย่างอื่น?
คำถามมากมายวนเวียนในใจ เปปเปอร์หรี่ตา แล้วสั่งเสียงเข้ม “ไปสืบ สืบดูรถที่มายมิ้นท์นั่งตอนออกไป ฉันอยากรู้ที่อยู่ของเธอ”
ไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน หัวใจของเขาก็ไม่สามารถสงบได้
ผู้ช่วยเหมันตร์ก็รู้ว่าจู่ๆ มายมิ้นท์หายตัวไป เรื่องมันค่อนข้างเคร่งเครียด ไม่กล้ายืดเยื้อ ไปทำตามคำสั่งทันที
และทางด้านโรงพยาบาล มายมิ้นท์ยืนอยู่ด้านนอกห้องเก็บเอกสาร กำลังรอผลลัพธ์ออกมาอย่างตึงเครียด
อย่างไรแล้วมันคือเรื่องราวเมื่อยี่สิบหกปีก่อน ผู้ดูแลจะตรวจสอบข้อมูลที่นานมากขนาดนั้น ก็ต้องใช้เวลา
ชาหวานเห็นสองมือเธอกำเข้าหากัน มีท่าทางร้อนอกร้อนใจ ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากปลอบ “ประธานมายมิ้นท์ ไม่ต้องกังวลนะคะ ฉันเชื่อว่าคุณต้องเป็นลูกสาวของตระกูลกิตติภัคโสภณแน่ๆ”
มายมิ้นท์ยิ้ม “ฉันก็คิดเหมือนกันว่าฉันเป็นลูกสาวของตระกูลกิตติภัคโสภณ ไม่งั้นทำไมพ่อแม่ถึงดีกับฉันขนาดนี้ แค่มันมีบางอย่างแปลกๆ ฉันต้องทำให้แน่ใจแค่นั้น”
เธออยากรู้จริงๆ ก็คือ ทารกที่เต้เห็นสองครั้ง ทำไมไม่ใช่คนเดียวกัน
สัญชาตญาณบอกเธอว่าเรื่องนี้สำคัญมาก
ดังนั้นถ้าเธอไม่ทำให้แน่ใจ เธอก็ทำใจให้สงบยาก
รออีกสักพักหนึ่ง ประตูห้องเก็บเอกสารก็เปิดออก ผู้ดูแลหยิบเอกสารอมเหลืองฉบับหนึ่งออกมาจากด้านใน “คุณมายมิ้นท์ เอกสารที่คุณต้องการตรวจสอบอยู่นี่ เอกสารฉบับนี้คือบันทึกทั้งหมดตอนที่คุณแม่คุณคลอดที่โรงพยาบาลเราในตอนนั้น”
ได้ยินคำพูดนี้ มายมิ้นท์ก็ยืนขึ้นทันที “ขอบคุณค่ะ”
เธอคลำรับเอกสารที่ผู้ดูแลส่งมา
ชาหวานเอ่ยปาก “ประธานมายมิ้นท์ ให้ฉันช่วยคุณดูเถอะค่ะ”
“โอเค งั้นรบกวนเธอด้วยนะ” มายมิ้นท์รีบยื่นเอกสารไป
หลังจากชาหวานรับมา ก็เปิดอย่างระมัดระวัง
ไม่ระวังได้เหรอ? มันยี่สิบหกปีแล้วนะ กระดาษเปราะบางหมดแล้ว ถ้าออกแรงนิดเดียว จะต้องทำลายมันแน่ๆ
ยี่สิบหกปีก่อน คอมพิวเตอร์ไม่เป็นที่นิยม บันทึกทุกอย่างในตอนนั้นโดยปกติจะใช้กระดาษ ดังนั้นถ้าเสียหายในมือ แม้แต่ฉบับสำรองก็ไม่มี
“ชาหวาน ดูหรือยัง?” มายมิ้นท์รีบถาม
ชาหวานพลิกอ่านเบาๆ “กำลังดูค่ะๆ ประธานมายมิ้นท์ไม่ต้องรีบ ในนี้บอกว่าวันที่หก เดือนกรกฎาคมเมื่อยี่สิบหกปีก่อน คุณหญิงเมธินี ซึ่งก็คือคุณแม่คุณ ได้คลอดทารกเพศหญิงน้ำหนักสองกิโลกรัมสามขีดที่โรงพยาบาลแห่งนี้”
“จากนั้นล่ะ? ได้ถูกอุ้มผิดตัวไปไหม?” มายมิ้นท์กำฝ่ามือแล้วถามอีกครั้ง
นี่คือสิ่งที่เธออยากรู้มากที่สุดในตอนนี้
ถ้ามีการอุ้มผิดตัวไปจริงๆ ถ้าอย่างนั้นพ่อแม่ต้องมาที่โรงพยาบาล ให้โรงพยาบาลติดต่อพ่อแม่คู่ที่อุ้มผิดตัวไป ในขณะเดียวกันก็จะมีการบันทึกเหตุการณ์อุ้มทารกผิดตัวไปในเอกสาร
“รอสักครู่ ฉันขอดู” ชาหวานพลิกไปด้านหลังต่อ จากนั้นก็ส่ายหน้า “ไม่มี ในเอกสารไม่มีพูดถึงเรื่องอุ้มทารกผิดคน แต่มีรายงานการตรวจสอบของทารกเยอะมาก อาการของทารกในนี้ไม่ค่อยดี ประธานมายมิ้นท์ ที่แท้ตอนเด็กคุณร่างกายอ่อนแอขี้โรคมากเลยล่ะค่ะ”
มายมิ้นท์เม้มปาก “ฉันไม่รู้ตอนเด็กๆ ฉันร่างกายอ่อนแอขี้โรคหรือเปล่า พ่อแม่ฉันไม่เคยพูดกับฉันเลย แต่นี่มันไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือทำไมไม่มีบันทึกการอุ้มผิดตัวไป?”
ถ้าไม่มีการบันทึกอุ้มผิดตัวไป งั้นก็แสดงว่าเธอไม่เคยถูกอุ้มผิดตัวไป
ถ้าอย่างนั้นทารกที่ไม่มีปานแดงที่เต้เห็นครั้งแรก เป็นใครกัน?