รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 394 ฝีมือการแสดงของดาราตุ๊กตาทอง
พอเห็นมายมิ้นท์และทามทอย ชวนชมก็รู้สึกผิดและหวาดกลัวขึ้นมาอัตโนมัติ ฝีเท้าก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่งอย่างไม่รู้ตัว แล้วก็รีบก้มหน้าลงไป เพื่อหลบเลี่ยงสายตาของพวกเขาไป
ท่าทางที่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับพวกเขาของเธอมันชัดเจนเกินไป แค่ดูก็รู้แล้วว่าได้ทำเรื่องที่ผิดต่อพวกเขาไป
ทามทอยได้เชื่ออย่างสนิทใจแล้วว่า คนที่ลอบทำร้ายมายมิ้นท์ คือเธอนั่นแหละ
เขาจ้องมองเธออย่างเย็นชา “จะหลบทำไม? เห็นผู้ว่าจ้างอย่างเราสองคน ก็ควรจะกล่าวทักทายกันหน่อยไม่ใช่เหรอ?”
ชวนชมฟังคำพูดที่ไม่มีเยื่อใยสักนิดเลยของเขาไป ในขณะที่ใจก็เจ็บจี๊ด ๆ ขึ้นมา แล้วหัวก็ยิ่งก้มต่ำลงไปอีก
เธอคิดไม่ถึงเลย ว่าตัวเองจะบังเอิญขนาดนี้ มาเจอกับมายมิ้นท์และทามทอยเข้าตรงนี้ในเวลาเดียวกัน
ถ้าหากมีแค่มายมิ้นท์ก็ยังดี เธอยังพอรับมือได้
แต่ว่าพอมาเผชิญหน้ากับทามทอย……
ชวนชมกัดริมฝีปากเอาไว้ ในใจลนลานอย่างพูดไม่ถูก
เธอชอบทามทอย ตอนที่โดนพาตัวมาที่เมืองเดอะซีแล้วได้เจอกันเขาครั้งแรก ก็รู้สึกชอบเขาแล้ว เพราะว่าเธอเติบโตมาขนาดนี้ ยังไม่เคยเห็นผู้ชายที่หล่อเหลาและเพียบพร้อมแบบนี้มาก่อน
แต่เธอก็รู้ ว่าเธอไม่คู่ควรกับเขา เขาเองก็ไม่มีทางมาชอบเธอ เพราะฉะนั้นเธอก็เลยเก็บซ่อนอารมณ์ของตัวเองไว้ในก้นบึ้งหัวใจที่ลึกที่สุด ไม่ให้เขาพบเห็น
ในเมื่อเธอไม่เคยคิดเลยที่จะเป็นแฟนกับเขา แต่เธอก็หวังว่าเขาจะสามารถที่จะจดจำเธอไว้ได้ เพราะฉะนั้นช่วงที่ผ่านมานี้ เธอได้พยายามที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เรียนรู้ความรู้และทักษะต่าง ๆ เพื่อทำให้ตัวเองเปลี่ยนเพียบพร้อมมากกว่านี้ เผื่อว่าวันหนึ่ง ภาพของเธอที่อยู่ในความทรงจำของเขา จะได้เปลี่ยนจากยัยเฉิ่มสกปรกมอมแมมในตอนแรก กลายเป็นหงส์ขาวที่สะดุดตาได้
บางทีพอถึงเวลานั้น เธอก็จะคู่ควรกับเขา และก็จะมีสิทธิ์ที่จะได้เป็นแฟนกับเขาแล้วมั้ง?
แต่ว่าตอนนี้ คุณทามทอยคงจะรู้เรื่องที่เธอไปลอบทำร้ายคุณมายมิ้นท์แล้ว จากท่าทีที่เย็นชาและน้ำเสียงของเขา ก็สามารถดูออกได้ว่า เขารังเกียจเธอแล้ว
และจุดนี้ ก็เป็นสิ่งที่เธอยอมรับได้ยากมากที่สุดจริง ๆ เธอสามารถยอมรับการรังเกียจของใครก็ได้ รวมทั้งของคุณมายมิ้นท์ แต่คนเดียวที่รับไม่ได้ก็คือเขา
คิดแล้ว ดวงตาของชวนชมก็แดงขึ้นมา แล้วก็รีบเงยหน้าขึ้นมามองไปที่ทามทอย “คุณทามทอย ฉัน……”
“พอแล้วทามทอย พวกเราเข้าไปกันเถอะ มีเรื่องอะไร เดี๋ยวค่อยไปคุยกันในสถานีตำรวจ” อยู่ ๆ มายมิ้นท์ก็เปิดปากพูดขึ้น น้ำเสียงเย็นชาและเรียบเฉยมาขัดคำพูดของเธอไปซะก่อน
ทามทอยตอบอืมขึ้นมาคำหนึ่ง แล้วเดินขึ้นมาเข็นรถเข็นของเธอ แล้วพูดกับชาหวานขึ้นว่า “คุณรอพวกเราอยู่ในรถเถอะ”
“ได้” ชาหวานพยักหน้าตอบตกลง
พอดีเลย เธอก็ไม่ค่อยอยากเข้าไปในสถานีตำรวจแบบนี้ด้วย ในเมื่อมือเคยเปื้อนเลือดมาเยอะ ถึงแม้ว่าจะเป็นเลือดของคนที่สมควรตายทั้งนั้น แต่ว่าการเข้าไปในสถานีตำรวจ ก็ยังทำให้เธอรู้สึกหวาดระแวงเล็กน้อย
แล้วทามทอยก็เข็นมายมิ้นท์เข้าไปในสถานีตำรวจ ตลอดทุกการกระทำชวนชมล้วนมองเห็นอยู่ในสายตา
ชวนชมยืนอยู่กับที่ กัดริมฝีปากแล้วก็จ้องมองแผ่นหลังของพวกเขาไป ฝ่ามือค่อย ๆ กำเข้าหากันขึ้นมา
ในรถ ชาหวานจุดบุหรี่สำหรับสุภาพสตรีขึ้นมาม้วนหนึ่ง แล้วดูดอย่างสบายอกสบายใจไปคำหนึ่ง จากนั้นวิเคราะห์ชวนชมที่อยู่ข้างนอกไปอย่างมีอารมณ์ขำเล็กน้อย แล้วก็คลี่มุมปากยิ้มขึ้นมา
ผู้หญิงคนนี้ ชอบทามทอยเหรอ
สนุก น่าสนุกจริง ๆ!
เหมือนกับว่าจะรู้สึกถึงสายตาของชาหวาน ชวนชมหันหน้ากลับมามองทีหนึ่ง ก็สบเข้ากับสายตาคู่ที่เหมือนกับว่ามองทุกอย่างทะลุปรุโปร่งของชาหวาน ในใจก็ลนลานขึ้นมาทีหนึ่ง แล้วก็รีบก้มหน้าลงไป แล้วเดินเข้าไปในสถานีตำรวจ
พอมาถึงห้องสอบสวนคดี ในตอนที่ชวนชมเห็นมายมิ้นท์และทามทอย รวมทั้งลำดวนนั้น ดวงตาก็อดไม่ได้ที่จะมืดมนลงไป
ว่าแล้ว ยัยลำดวนผู้หญิงคนนี้ จะต้องสารภาพเรื่องเธอออกมาแน่
แค่ไม่รู้ว่าตกลงทางตำรวจ สืบหามาถึงตัวเธอได้ยังไง
“ทามทอย!” มายมิ้นท์ดึงชายเสื้อของทามทอยเล็กน้อย
ทามทอยก้มหน้าลงมา “ทำไมเหรอ?”
“ตอนที่เจินเจินเห็นหน้าลำดวน มีปฏิกิริยาอะไรบ้าง?” เธอข่มเสียงต่ำแล้วถามขึ้นมา
ตัวลำดวนนั้น ทางตำรวจได้ส่งคนไปรับมาจากที่การันต์
เพราะว่าลำดวนเป็นแค่คนที่มารับโทษแทน ไม่ได้เป็นคนที่ลงมือจริง ๆ เพราะฉะนั้นเธอจึงได้บอกกล่าวกับการันต์ไป ไม่ให้การันต์เอาตัวลำดวนไปลองยาจริง ๆ เพียงแต่แค่ให้การันต์กักขังลำดวนไว้ชั่วคราวเท่านั้น
แต่ได้ยินมาว่าการันต์เอาตัวลำดวนไปขังไว้ที่ห้องดับจิตของโรงพยาบาล ให้เธอคอยเฝ้าศพ พอเฝ้าติดต่อกันไปหลาย ๆ วัน ลำดวนก็หวาดกลัวแทบแย่แล้ว แล้วก็จิตตกอยู่ตลอดด้วย
“ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย” ทามทอยกวาดตามองชวนชมทีหนึ่งแล้วก็ตอบขึ้นมา
มายมิ้นท์เม้มเรียวปากแดงเล็กน้อย “ดูท่าฝีมือการแสดงของเธอจะดีมากเลยนะ”
ในขณะที่กำลังพูดนั้น ตำรวจนายหนึ่งก็ชี้ไปที่ตำแหน่งสอบปากคำ แล้วพูดกับชวนชมขึ้นว่า “คุณไปนั่งทางโน้นครับ”
ชวนชมเงยหน้าขึ้นไปมอง เป็นที่นั่งข้าง ๆ ลำดวนพอดี
เธอไม่ได้พูดอะไร แล้วเดินไปและก็ไปนั่งลง
ส่วนมายมิ้นท์กับทามทอยนั้น ก็ยืนอยู่ข้าง ๆ พวกตำรวจหลายนาย
ตำรวจที่อยู่หน้าสุดเปิดปากพูดขึ้น “ชวนชม คนที่อยู่ข้าง ๆ คุณ คุณรู้จักไหมครับ?”
ดวงตาของชวนชมสั่นไหวเล็กน้อย จากนั้นก็หันหน้าไปมองลำดวนทีหนึ่ง แล้วก็แกล้งทำเป็นส่ายหน้าด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย “ไม่รู้จักค่ะ ฉันไม่เคยเห็นเขามาก่อนเลยค่ะ”
ลำดวนลืมตาโตขึ้นมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ “คุณพูดโกหก!”
ช่วงหลายวันมานี้ เธอโดนขังไว้ที่โรงพยาบาล และได้รู้ว่าตัวเองโดนสะกดจิต แล้วก็สารภาพทุกอย่างออกไปแล้ว
ในตอนแรก เธอกลัวว่าพอสารภาพทุกอย่างไปแล้ว ลูกชายของตัวเองก็จะไม่มีทางรอดแล้ว แต่ว่าคุณหมอการันต์บอกกับเธอว่า หลายวันมานี้ คนที่ให้เธอมารับโทษแทน ก็ไม่ได้โอนเงินไปให้โรงพยาบาลที่ลูกชายของเธอรักษาตัวอยู่เลย เรื่องนี้ทำให้เธอทั้งโกรธทั้งโมโห
ยังดีที่สุดท้ายคุณหมอการันต์บอกว่า เขาสามารถช่วยเธอยื่นขอกองทุนการกุศล ให้มาช่วยรักษาลูกชายเธอให้ ขอแค่เธอชี้ตัวคนที่ให้เธอมารับโทษแทนออกมา
เพื่อลูกชายแล้ว เธอยินดีที่จะรับปากกับคุณหมอการันต์ แต่ว่าตอนนี้คนที่ให้เธอมารับโทษแทน กลับมาพูดว่าไม่รู้จักเธอ!
“ฉันไม่ได้พูดโกหกค่ะ ฉันไม่รู้จักคุณจริง ๆ” ชวนชมกะพริบตาเล็กน้อย บนใบหน้าเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์
จากนั้น เธอก็มองผ่านมายมิ้นท์และทามทอยไป มองไปทางพวกตำรวจหลายนายที่อยู่ตรงหน้า “คุณตำรวจคะ ฉันไม่รู้จักเธอจริง ๆ ค่ะ”
“พูดไปเรื่อย คุณพูดไปเรื่อย!” ลำดวนคิดไม่ถึงว่าชวนชมจะหน้าไม่อายขนาดนี้ แล้วก็ชี้ไปที่เธออย่างอารมณ์ร้อน แล้วตะคอกขึ้นมาอย่างโกรธจัด “ทั้ง ๆ ที่คุณมาหาฉัน มาบอกว่ารอให้คุณลอบทำร้ายคุณมายมิ้นท์เสร็จแล้ว ให้ฉันมาช่วยรับโทษแทนคุณ แต่ปรากฏว่าตอนนี้คุณกลับมาพูดว่าไม่รู้จักฉัน คุณตำรวจคะ ที่ฉันพูดมาเป็นความจริงทั้งนั้นนะคะ เธอเป็นคนลอบทำร้ายคุณมายมิ้นท์จริง ๆ นะคะ ฉันไม่ได้พูดโกหกนะคะ!”
“คุณบอกว่าฉันลอบทำร้ายคุณมายมิ้นท์เหรอ?” ชวนชมหัวเราะขึ้นมา “งั้นคุณก็พูดมาซิ ทำไมฉันจะต้องไปลอบทำร้ายคุณมายมิ้นท์ด้วย คุณมีหลักฐานที่จะมายืนยันว่าฉันไปลอบทำร้ายคุณมายมิ้นท์ไหมล่ะ?”
“ฉัน……” ลำดวนสะดุดไปทีหนึ่ง แล้วก็พูดเสียงอ่อนขึ้นว่า “ฉันไม่มีหลักฐานจริง ๆ แต่ฉันก็รู้ ว่าคุณเป็นคนลอบทำร้ายคุณมายมิ้นท์ คุณลอบทำร้ายเธอ เพราะว่าคุณรู้สึกว่าเธอจะเป็นภัยคุกคามต่อสถานะของคุณ นี่เป็นสิ่งที่คุณบอกฉันเองกับปากในตอนนั้น”
พอได้ยินคำว่า‘เธอจะเป็นภัยคุกคามต่อสถานะของคุณ’นั้น สีหน้าของชวนชมก็เปลี่ยนไปทันที แล้วสายตาก็มองมาที่มายมิ้นท์อัตโนมัติ
สิ่งที่คิดไม่ถึงก็คือ มายมิ้นท์ได้จ้องมองเธออยู่ตลอด พอเธอหันมา ก็สบเข้ากับสายตาของมายมิ้นท์พอดี
ชวนชมไม่รู้ว่ามายมิ้นท์มองไม่เห็น เธอจ้องมองสายตาที่เยือกเย็นของมายมิ้นท์ ม่านตาก็หดตัวทีหนึ่ง จากนั้นก็รีบรวบรวมสายตากลับไป แล้วเพิ่มเสียงให้สูงขึ้นมาโต้เถียงกับลำดวนต่อไป ราวกับว่าทำแบบนี้แล้วจะบดบังความผิดปกติของตัวเองไปได้
ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามบดบังยังไง แต่ความผิดปกติในเมื่อกี้ของเธอ ก็ยังโดนพวกทามทอยและคนอื่น ๆ มองเห็นแล้ว
มายมิ้นท์หรี่ตาลง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
การโต้เถียงของชวนชมกับลำดวนยังคงดำเนินต่อไป พวกตำรวจฟังไปจนรู้สึกปวดหัว
“พอแล้ว กรุณาอยู่ในความสงบ!” ผู้นำตำรวจตบโต๊ะขึ้นมาอย่างเบื่อหน่าย เพื่อเตือนให้ทั้งสองคนเลิกทะเลาะกันได้แล้ว
ทั้งสองคนสงบเงียบลง
ในเวลานี้เอง อยู่ ๆ มายมิ้นท์ก็พูดขึ้นมาว่า “เจินเจิน ตอนนี้เธอยังจะมาเล่นลิ้นอยู่อีก และที่สำคัญยังเล่นลิ้นอย่างใจเย็นแบบนี้อีกด้วย ช่างทำให้ฉันชื่นชมเธอจริง ๆ”
พอได้ยินคำว่าเจินเจิน ในดวงตาของชวนชมก็มีความโหดร้ายกะพริบผ่านไปเสี้ยวหนึ่ง
เธอไม่ได้ยินคนเรียกชื่อนี้ของเธอมานานแล้ว สำหรับเธอแล้ว ชื่อนี้นอกจากจะเชยมาแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือชื่อนี้คอยตักเตือนเธออยู่ตลอดเวลา ว่าเธอนั้นมีชาติกำเนิดที่ต่ำต้อยมากแค่ไหน
เพราะฉะนั้น เธอพยายามลืมทุกอย่างในอดีตไปให้หมด รวมทั้งชื่อนี้ด้วย แต่ว่าตอนนี้ มายมิ้นท์กลับเอ่ยชื่อนี้ขึ้นมาอีกแล้ว จนทำให้เธอรู้สึกเหมือนได้กลับไปสู่อดีตที่ต่ำทรามนั้นในชั่วพริบตา