รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 397 โกหกต่อไปเรื่อย ๆ
สองสามีภรรยารีบออกจากบ้านไป มุ่งหน้าไปที่สถานีตำรวจ
ไม่นาน พวกเขาก็ได้เจอกับชวนชม
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์คว้าตัวชวนชมมากอดไว้ แล้วร้องไห้เสียใจมาก “ยัยเด็กนี่ ทำแม่ตกใจหมดเลย หนูรู้ไหม พอได้ยินว่าหนูโดนจับตัวมาสถานีตำรวจ แม่เป็นห่วงมากแค่ไหน?”
เธอร้องไห้ไปด้วย แล้วก็ทุบหลังชวนชมไปด้วย
ชวนชมรู้สึกถึงความตื่นเต้นและเป็นห่วงของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ที่มาจากใจจริง แล้วยกมือขึ้นมา โอบกอดคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์เอาไว้ แล้วพูดอย่างรู้สึกผิดขึ้นว่า “ขอโทษนะคะแม่”
นี่คือความรักแบบที่ไร้ขอบเขตที่แม่มีต่อลูกสาวใช่ไหม?
ในที่สุดเธอก็ได้สัมผัสถึง ช่างสวยงาม ช่างอุ่นใจ ทำให้คนรู้สึกลุ่มหลงเป็นอย่างมาก!
เพราะฉะนั้นนี่จะมาโทษว่าเธออยากจะเป็นชวนชมตลอดไปไม่ได้หรอก
ถึงแม้ว่าเยี่ยมบุญจะไม่เหมือนคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ที่แสดงออกความรู้สึกออกมาอย่างเปิดเผย แต่ว่าสายตาที่จ้องมองชวนชม ก็เต็มไปด้วยความเป็นห่วงอย่างปิดบังไว้ไม่อยู่ “แกไม่ได้รับบาดเจ็บใช่ไหม?”
ชวนชมรู้ว่าสิ่งที่เขาถามนั้นคือ ตอนที่เธอไปลอบทำร้ายมายมิ้นท์ โดนมายมิ้นท์ย้อนกลับมาทำร้ายหรือเปล่า
ชวนชมส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วพูดอย่างดีใจขึ้นว่า “เปล่าค่ะ”
“งั้นก็ดีแล้ว” เยี่ยมบุญโล่งอกไปที จากนั้นท่าทีก็เคร่งขรึมขึ้นมา “พูดมาเถอะ ตกลงมันเรื่องอะไรกัน ทำไมต้องไปลอบทำร้ายมายมิ้นท์ด้วย? จุดจบของน้องสาวแก แกไม่เห็นเหรอ? แกยังกล้าไปยุ่งกับเธออีก?”
เขายังกะว่าจะไม่ต่อกรกับมายมิ้นท์ชั่วคราวแล้ว เพราะว่าเอสซีกรุ๊ปและตระกูลภักดีพิศุทธิ์เพิ่งจะผ่อนคลายลงมาได้ จะไปมีเรื่องกับมายมิ้นท์คงจะไม่ดีเท่าไหร่
แต่คิดไม่ถึงว่ายัยเด็กชวนชมนี่ สมองจะฟั่นเฟือนไปได้
ต่อกรไปแล้วก็ช่าง แต่ปรากฏว่ายังแพ้อีก แล้วยังโดนมายมิ้นท์ทำให้ต้องเข้ามาอยู่ในนี้อีก
“ขอโทษค่ะพ่อ หนูเองก็ไม่อยากค่ะ แต่เป็นเพราะว่าช่วงนี้เห็นแม่เสียใจเพราะเรื่องน้องมาตลอด เพราะฉะนั้นหนูก็เลยอยากจะทำอะไรเพื่อแม่และเพื่อน้องสักหน่อย” ชวนชมก้มหน้าลง ยิ่งพูดเสียงก็ยิ่งเบา
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์นิ่งอึ้งไป “เพราะฉะนั้นชวนชม หนูทำเพื่อแม่เหรอ……”
ชวนชมตอบอืมไปคำหนึ่งเสียงเบาราวกับเสียงยุงบิน
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ซาบซึ้งจนกอดเธอขึ้นมาอีกครั้ง “ชวนชม……”
“พอแล้ว พอแล้ว เลิกร้องไห้ได้แล้ว!” เยี่ยมบุญโดนเสียงร้องไห้ของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ทำให้ตกใจจนเวียนหัว แล้วก็รีบพูดห้ามปรามเธอขึ้นมา
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์สูดจมูกฟึดฟัด แล้วก็หยุดร้องไปทันที
เยี่ยมบุญหันสายตาไปที่ตัวชวนชมอีกครั้ง “ฉันรู้ว่าแกทำเพื่อแม่แก แต่แกก็วู่วามเกินไปแล้ว”
“หนูรู้ค่ะ ขอโทษค่ะพ่อ” แววตาของชวนชมมีแววรู้สึกผิดกะพริบขึ้น
เยี่ยมบุญถอนหายใจคำหนึ่ง “ช่างเถอะ ในเมื่อทำไปแล้ว ตอนนี้มาพูดเรื่องพวกนี้ก็เปล่าประโยชน์แล้ว แกบอกฉันมาก่อน อาการบาดเจ็บของมายมิ้นท์เป็นยังไงบ้าง ฉันจะดูซิว่าจะช่วยแกออกมาได้ยังไง”
“อาการบาดเจ็บของคุณมายมิ้นท์ไม่ได้รุนแรงมากค่ะ เพียงแต่แค่บาดเจ็บที่ศีรษะเท่านั้น” ชวนชมตอบกลับไป
เธอรู้ ว่าพ่อแม่จะต้องช่วยเธอแน่นอน
เพราะฉะนั้น หลังจากที่เธอยอมรับว่าทำร้ายมายมิ้นท์แล้ว ก็ไม่แสดงออกถึงความลนลาน
เพราะเธอรู้ว่า ตัวเองเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูลภักดีพิศุทธิ์แล้ว
สำหรับเรื่องที่คุณมายมิ้นท์กับคุณทามทอยอยากจะเปิดโปงเธอว่าไม่ใช่ชวนชมตัวจริงนั้น……
พอนึกถึงอาวุธลับของตัวเอง มุมปากของชวนชมก็ค่อย ๆ คลี่ออกมาจนเกิดเป็นมุมขึ้นมา
“แค่หัวบาดเจ็บ ดูท่าน่าจะไม่รุนแรง ยังไม่เป็นคดีอาญา ถึงจะลงโทษ อย่างมากสุดก็แค่กักขังไม่กี่วันเท่านั้น” เยี่ยมบุญหรี่ตาแล้ววิเคราะห์ไป
ดวงตาของชวนชมสว่างขึ้นเล็กน้อย แล้วก็รีบถามขึ้นว่า “พ่อคะ ความหมายของพ่อคือ หนูไม่ต้องติดคุกแล้วเหรอคะ?”
“แน่นอนอยู่แล้ว พ่อของหนูพูดแล้ว ยังไม่ถือเป็นคดีอาญา ก็ไม่ต้องติดคุกหรอก” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ไม่อยากให้ลูกสาวตัวเองต้องติดคุก จึงรีบพูดขึ้นมา
ชวนชมตื่นเต้นจนกำมือเข้าด้วยกัน
ดีจังเลย!
ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่าพ่อกับแม่จะต้องประกันตัวเธอออกไปแน่ ๆ
แต่ก็คิดไม่ถึงว่า เธอจะไม่ต้องติดคุกตั้งแต่แรกเลย
“พวกเธอสองคนแม่ลูกคุยกันไปก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะไปถามเรื่องประกันตัวกับทางตำรวจสักหน่อย” เยี่ยมบุญพูดคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ขึ้นมา
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์พยักหน้าให้เล็กน้อย “รีบไปรีบกลับนะคะ”
เยี่ยมบุญตอบรับเบา ๆ ไปคำหนึ่ง แล้วก็ออกจากห้องสอบสวนไปเลย
พอสิบกว่านาทีให้หลัง เขาก็กลับมา สีหน้าดูย่ำแย่เล็กน้อย
พอคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์กับชวนชมเห็นเข้า ในใจก็รู้สึกไม่สบายขึ้นมา
“ที่รัก เป็นยังไงบ้างคะ? สามารถประกันตัวได้ไหมคะ?” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ถามขึ้นอย่างเป็นห่วง
ชวนชมเองก็จดจ้องไปที่เยี่ยมบุญ
เยี่ยมบุญนวดขมับเล็กน้อย “ได้มีก็ได้อยู่ แต่ต้องไปให้คุณมายมิ้นท์เซ็นหนังสือยอมความก่อน ไม่งั้น ก็จะต้องโดนกักขัง”
“งั้นพวกเราก็ไปหามายมิ้นท์กัน” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์รีบพูดขึ้นมาทันที
ชวนชมรีบขัดขวางขึ้นมาทันที “ไม่ได้นะคะ!”
สองสามีภรรยาเยี่ยมบุญหันมองไปที่เธอทั้งคู่ “ชวนชม ทำไมถึงไม่ได้ล่ะ?”
ชวนชมหรี่เปลือกตาลง ไม่กล้าที่จะให้พวกเขามองเห็นดวงตาของเธอ เพราะกลัวว่าจะเปิดเผยปฏิกิริยาไป
ตอนนี้เธอจะให้พ่อกับแม่ไปหามายมิ้นท์ไม่ได้
ถ้าเกิดมายมิ้นท์พูดเรื่องไฝแดงกับพ่อแม่ขึ้นมาก็ยุ่งแล้ว
“เพราะว่าคุณมายมิ้นท์ไม่มีทางรับปากหรอกค่ะ คุณมายมิ้นท์เกลียดตระกูลภักดีพิศุทธิ์ของเราซะขนาดนั้น เธอไม่มีทางที่จะยอมเซ็นหนังสือยอมความหรอกค่ะ แถมเธออาจจะยังเหยียดหยามพ่อกับแม่ด้วย หนูไม่อยากให้เธอมาเหยียดหยามพ่อกับแม่ค่ะ เพราะฉะนั้นพ่อคะแม่คะ พวกคุณอย่าไปหาเธอเลยนะคะ หนูยอมที่จะโดนกักตัวไว้ค่ะ ในเมื่ออยู่ไม่นานเดี๋ยวหนูก็ออกได้แล้ว” ชวนชมจ้องมองไปที่สองสามีภรรยาเยี่ยมบุญ แล้วยิ้มแล้วค่อย ๆ พูดขึ้นมา มีท่าทางแบบว่าคิดแทนพวกเขาแล้ว
ใจของสองสามีภรรยาเยี่ยมบุญรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที
ว่าแล้ว ยังไงก็ลูกแท้ ๆ ของพวกเขาดีที่สุดชวนชม
ถ้าเกิดวินาทีนี้เปลี่ยนไปเป็นส้มเปรี้ยว จะต้องไม่มีทางทำแบบนี้แน่ จะต้องให้พวกเขารีบไปให้มายมิ้นท์เพื่อเซ็นหนังสือยอมความแน่ ๆ
“ชวนชม แกยอมถูกกักตัวไว้จริง ๆ เหรอ?” เยี่ยมบุญจ้องมองไปที่ชวนชม แล้วถามขึ้นมาอย่างจริงจังรอบหนึ่ง
ชวนชมพยักหน้าให้อย่างจริงจัง “จริงค่ะ เพราะฉะนั้นพ่อกับแม่ อย่าไปหาเธอนะคะ ไม่แน่คุณมายมิ้นท์อาจจะรอให้พวกคุณไปหาเธออยู่แล้ว จากนั้นก็จะได้เหยียดหยามพวกคุณชุดหนึ่ง พวกคุณจะตกกับไม่ได้เด็ดขาดนะคะ จะให้เธอสมหวังไม่ได้เด็ดขาด”
“เยี่ยมบุญ ชวนชมพูดได้มีเหตุผล” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วก็พูดขึ้นมา
เยี่ยมบุญเองก็ยอมรับว่าพอมีเหตุผลอยู่บ้าง สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมาทีหนึ่ง “ช่างเถอะ ชวนชมแกวางใจได้เลยนะ พ่อจะต้องให้ตำรวจกักตัวแกไว้น้อยลงหน่อยแน่นอน”
“โอเคค่ะ ขอบคุณค่ะพ่อ” ชวนชมยิ้มอย่างดีใจขึ้นมา
ถึงแม้ว่าเรื่องโดนกักตัวจะไม่ใช่เรื่องดีอะไร
แต่เพื่ออนาคต เธอยอมที่จะอดทนสักหน่อย
สองสามีภรรยาเยี่ยมบุญออกไปเจรจากับตำรวจแล้ว
ผ่านไปไม่นาน มายมิ้นท์ก็ได้รับโทรศัพท์จากทางตำรวจ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการโดนลงโทษของชวนชม
“ได้ ฉันรู้แล้ว ขอบคุณที่มาแจ้งค่ะ” มายมิ้นท์พยักหน้าตอบกลับให้ตำรวจไปเล็กน้อยแล้ว ก็วางสายไป
ทามทอยเห็นปฏิกิริยาของเธอเคร่งขรึมเล็กน้อย ก็เปิดปากถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
“ผลการลงโทษของเจินเจิน ทางตำรวจได้ตัดสินใจออกมาแล้ว จะกักตัวไว้สิบห้าวันค่ะ” มายมิ้นท์ตอบขึ้นมา
“กักตัวไว้แค่สิบห้าวันเองเหรอ ผลการลงโทษนี้มันเบาไปหน่อยนะ” ชาหวานกัดแอปเปิลไป แล้วขมวดคิ้วและพูดขึ้น
มายมิ้นท์เม้มริมฝีปากไว้
เธอก็เป็นเพราะรู้สึกว่ามันเบาเกินไป เพราะฉะนั้นก็เลยไม่ค่อยดีใจมากนัก
ถึงแม้ว่าเธอจะเคยถามทนายแล้ว และรู้ว่าถึงแม้เจินเจินจะทำร้ายเธอแล้ว แต่ก็เป็นว่าเพราะเป็นแค่การบาดเจ็บระดับเบา เพราะฉะนั้นจึงไม่สามารถทำให้เป็นเงื่อนไขของการติดคุกได้ แค่จะโดนกักตัวไว้ยี่สิบวันขึ้นไปเท่านั้น
แต่ผลปรากฏว่า คิดไม่ถึงเลยแค่กักตัวไว้สิบห้าวันเท่านั้น
“มันเบาไปหน่อยจริง ๆ หรือไม่เดี๋ยวผมไปเจรจากับทางตำรวจสักหน่อย?” ทามทอยหรี่ตาพูดขึ้น
มายมิ้นท์ส่ายหน้าเล็กน้อย “ช่างเถอะ ถ้าคุณไปเจรจากับทางตำรวจ ก็ไม่เท่ากับว่าคุณไปทิ้งจุดอ่อนไว้ให้ศัตรูทางการเมืองของบ้านคุณเหรอ? เอาตามนี้แหละ ในเมื่อสำหรับเจินเจินแล้ว การลงโทษที่รุนแรงที่สุด ไม่ใช่การโดนกักขัง แต่คือการโดนแย่งทุกสิ่งที่มีอยู่ในวันนี้ไป”
ทามทอยยิ้มขึ้นมาเลย “พูดมาก็ถูก งั้นพวกเราจะไปพูดกับตระกูลภักดีพิศุทธิ์ให้ชัดเจนเมื่อไหร่กันดี?”
“ตอนนี้ก็ได้ แต่พวกเราไม่สามารถที่จะไปพูดได้ด้วยตัวเอง ไม่งั้นเรื่องที่เจินเจินเป็นหนอนบ่อนไส้ที่เราส่งไปอยู่ในบ้านตระกูลภักดีพิศุทธิ์ ก็จะโดนตระกูลภักดีพิศุทธิ์รู้เรื่องเข้า แล้วถ้าเกิดตระกูลภักดีพิศุทธิ์เปิดเผยออกไป ชื่อเสียงของพวกเราสองคนก็จะได้รับผลกระทบ คุณเองก็จะทำให้ตระกูลชุติเกษมซวยไปด้วย ส่วนฉันก็จะทำให้เอสซีกรุ๊ปเดือดร้อนไปด้วยเหมือนกัน” มายมิ้นท์ใบหน้าเคร่งขรึม แล้วก็พูดเสียงขรึมขึ้นมา
จะต้องรู้ไว้ว่าในโลกธุรกิจนั้น คนประเภทไหนที่น่ารังเกียจที่สุด ซึ่งก็คือนอกจากคนที่หน้าไหว้หลังหลอกแล้ว ก็คือหนอนบ่อนไส้ที่คนอื่นส่งมานั่นเอง
ถ้าทำให้คนในวงการรู้เข้า ว่าเธอกับทามทอยเป็นคนส่งหนอนบ่อนไส้ไป งั้นคนในวงการนี้ ก็จะสงสัยว่าในบริษัทของพวกเขา จะมีหนอนบ่อนไส้เข้ามาอยู่ด้วยหรือเปล่า จากนั้นก็จะกีดกันพวกเขาออกไป
ซึ่งสำหรับพวกเขาแล้ว นี่เป็นการจู่โจมที่ถึงตายเลยก็ว่าได้