รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 40 นี่คุณกำลังยั่วยวนฉันหรือเปล่า
“ลาเต้ นายอย่าทำเกินไปนัก!” เกศวดีพูดอย่างเย็นชา “นายเอาแต่ชนะส้มเปรี้ยว เห็นเราตาบอดหรือไง ถึงจะมองไม่ออกว่านายมุ่งเป้าไปที่เธอ? เธอถอดหมดจนเหลือแต่ชุดชั้นในแล้ว นายจะเอายังไง?”
ลาเต้แบมือ ทำสีหน้าเครื่องหมายคำถาม “ก็ฉันชนะ หล่อนถอดเสื้อผ้าก็ไม่ถูกเหรอ? ทำไมกลายเป็นฉันที่ทำเกินไปล่ะ? เธอถอดแทนหล่อนก็ได้นะ!”
“……” เครื่องทำความร้อนในคลับมากพอ ดังนั้นเกศวดีสวมเสื้อผ้าไม่เยอะ มีแค่ชุดเดรสยาวสายเดี่ยวตัวเดียว
แน่นอนว่าเธอไม่อาจช่วยส้มเปรี้ยวแล้วทำให้ตัวเองอับอายได้
“เอาแค่เท่านี้แล้วกัน ดึกมากแล้ว” เปปเปอร์เดินมา เอาเสื้อคลุมคลุมบนร่างส้มเปรี้ยว
ไม่รอให้ลาเต้เอ่ยปาก เปปเปอร์ก็พูดออกมาเรียบๆ อีกครั้ง “พรุ่งนี้เช้าฉันจะให้ฝ่ายการเงินโอนเข้าบัญชีบริษัทคุณ การซื้อกิจการเอ็นวาย นวบดินทร์กรุ๊ปถอนตัว ฉันจะให้คนช่วยเหลือบริษัทคุณได้เอ็นวายไป”
ลาเต้เห็นสภาพน่าอับอายของส้มเปรี้ยวแล้ว รวมถึงการยอมของเปปเปอร์ แน่นอนว่าเขาก็เอาแต่พอดีพอประมาณ
“มายมิ้นท์เล่นไพ่กับพ่อเธอตอนสิบขวบ พ่อเธอยังเอาชนะเธอไม่ได้เลย อย่าว่าแต่ฉัน” ลาเต้ดับบุหรี่ในที่เขี่ยบุหรี่ ค่อยๆ ลุกขึ้น “พวกคุณคิดทบทวนดูว่าที่เล่นไม่กี่ตากับเธอ พวกคุณชนะ หรือว่าเธอไม่อยากเล่นกับพวกคุณกันแน่”
เมื่อเดินเฉียดไหล่เปปเปอร์ไป ลาเต้ก็เหลือบมองเขา หัวเราะเยาะ “เธอไม่ต้องการคุณจริงๆ แหละ ไม่งั้นส้มเปรี้ยวสิบคนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ”
ได้ยินดังนั้น เปปเปอร์ก็นึกถึงลักษณะสงบนิ่งของมายมิ้นท์ตอนลบรอยสัก ดวงตาก็หนักอึ้งทันที
ที่แท้ผู้หญิงคนนั้นก็เล่นไพ่เป็น
……
มายมิ้นท์กับชาหวานอยู่ที่ห้องส่วนตัวกินของว่างไปนิดหน่อยแล้ว ร้องเพลงไปไม่กี่เพลง ลาเต้ก็กลับมา
ชาหวานรีบเข้าไปถาม เมื่อรู้ว่าส้มเปรี้ยวแพ้จนเกือบเปลือย ในใจเธอก็ไร้กังวลมาก “ถ้าประธานเปปเปอร์ไม่อยู่ คืนนี้เธอคงเดินออกไปจากคลับตัวเปล่า!”
“เห็นด้วย!” ลาเต้ทำเสียงฮึดฮัด “นี่เรียกว่าตาต่อตาฟันต่อฟัน! เธอมารังแกมิ้นท์ของฉันได้ไงล่ะ ฉันก็ต้องรังแกคืนกลับไปสองเท่า!”
“ขอบคุณนะ” มายมิ้นท์ยิ้ม แล้วชนแก้วกับเขา
ลาเต้ก็ไม่ได้ถามมายมิ้นท์ว่าตอนอยู่ในห้องส่วนตัว ทำไมถึงปล่อยให้ส้มเปรี้ยวกับคนอื่นรังแก ยื่นมือออกไปกอดเธอไว้ในอ้อมแขน แล้วพูดแซว “เรานอนเตียงเดียวกันมาตั้งนาน ยังต้องพูดขอบคุณอีกเหรอ?”
“ว้าว!” ชาหวานมองไปทางพวกเขา ทำตาประหลาดใจ “จริงหรือหลอก?”
“ก็ต้องจริง……”
“ทำให้ชื่อเสียงฉันเสื่อมเสียอีก ฉันจะตบนาย!” มายมิ้นท์เตะเขาอย่างแรง อธิบายกับชาหวาน “ตอนเด็กๆ พ่อแม่เขาไม่ค่อยอยู่บ้าน เขาชอบมาตีเนียนกินฟรีดื่มฟรีนอนฟรีที่บ้านฉัน แถมยังไม่ให้เงินด้วย เกินไปไหม?”
ชาหวานรีบทำหน้าตารังเกียจ “อ่อ ที่แท้ลาเต้ก็ไร้ยางอาย”
ผู้คนเอะอะโวยวายกัน ไม่เห็นว่าใต้โต๊ะมีเครื่องดักฟังอันเล็กติดแน่นอยู่หนึ่งอัน บันทึกคำพูดของพวกเขาลงไปโดยไม่พลาดแม้แต่นิดเดียว
ไม่นาน เหล่าเพื่อนๆ ในกลุ่มของลาเต้ก็ทยอยมา ในห้องส่วนตัวขนาดใหญ่เต็มไปด้วยบรรยากาศมีชีวิตชีวาและร่าเริงยินดี
มายมิ้นท์ไม่ชอบความครึกครื้น รวมถึงอารมณ์ไม่ค่อยจะดี เดิมทีนั่งดื่มเหล้าอยู่ที่มุม ต่อมาเห็นพวกลาเต้เล่นเกมและดื่มเหล้ากันอย่างสนุกสนาม จึงเข้าร่วมด้วย
เธอแพ้เกมก็ยังมีความสุข เทไวน์แดงเหล้าขาวใส่ปากทีละแก้ว
สองสามรอบผ่านไป เธอก็จะหมดสติแล้ว
“ฉันจะออกไปสูดอากาศ พวกคุณเล่นกันไปก่อน” มายมิ้นท์ไม่ไหวแล้วจริงๆ จึงบอกลาเต้ ก่อนจะออกจากห้องส่วนตัวไป
เดิมทีแล้วมายมิ้นท์อยากไปตากลมที่ระเบียง ผลสุดท้ายดื่มเหล้ามากเกินไปในห้องส่วนตัว เมื่อออกมาตากลมเย็น ท้องไส้ก็ยิ่งปั่นป่วน
เธอปิดปาก รีบวิ่งที่ห้องน้ำ
หลังจากอาเจียนเสร็จแล้ว ท้องมายมิ้นท์ก็สบายขึ้นมาก รองน้ำเย็นมาสาดใบหน้า เงยหน้าขึ้นอีกครั้งมองตัวเองในกระจก
ทั้งย่ำแย่และน่าสมเพชจริงๆ
หวังว่าการเมาเหล้าในคืนนี้ จะเป็นครั้งสุดท้าย
มายมิ้นท์ออกมาจากห้องน้ำ เดินไปที่ระเบียงดาดฟ้า บริกรคนหนึ่งถือถาดเดินผ่านมาทางนี้พอดี
บริกรเห็นมายมิ้นท์แก้มแดง นึกว่าเมา จึงส่งน้ำแร่ในถาดไปให้ “ลูกค้าครับ คุณดื่มน้ำสักหน่อยแล้วจะดีขึ้น”
“ขอบคุณค่ะ” มายมิ้นท์รับมา บิดเกลียวฝาขวดแล้วดื่มสองสามอึก
โดยไม่ทันระวัง มือใหญ่ข้างหนึ่งก็บีบก้นเธอ ลมหายใจขุ่นพ่นข้างหูเธอ “สาวสวยหุ่นไม่เลว ขายเท่าไร?”
“ปล่อยมือ!” มายมิ้นท์พูดอย่างเย็นชา อยากจะขยี้มือเขาให้แตกละเอียด
แต่เธอเพิ่งจะอ้วกไป ไม่มีเรี่ยวแรง ศีรษะก็วิงเวียนมาก กลับถูกผู้ชายกอดเอาไว้ง่ายๆ แล้วลากไปที่ลิฟต์
“ไม่ต้องเป็นห่วงฉันมีเงิน เธอต้องการเท่าไรก็ได้” ผู้ชายพูดพลางหัวเราะฮ่าๆ
ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ร่างกายมายมิ้นท์ก็อ่อนลงอย่างควบคุมไม่ได้ เธอกัดปลายลิ้นให้ตัวเองตื่น ย่ำส้นสูงลงไปที่รองเท้าหนังของผู้ชายคนนั้นอย่างแรง ฉวยโอกาสตอนเขาคลายมือ ก็วิ่งโซเซขณะยันกำแพงเอาไว้
ผลสุดท้ายเพิ่งวิ่งออกมา ผู้ชายก็ไล่ตามมาอีกครั้ง ดึงผมของเธอ ด้วยความหงุดหงิดมาก “บอกว่าจะให้เงินไง อย่าหน้าไม่อาย……”
ในขณะนี้ มือข้างหนึ่งยื่นมาจากด้านข้าง คว้าข้อมือผู้ชายเอาไว้แล้วบีบอย่างแรง
“อ๊ากกก!” ผู้ชายรู้สึกข้อมือจะถูกบีบจนหัก ร้องออกมาทันทีด้วยความเจ็บ “แกเป็นใครวะ ไม่คิดว่าจะกล้าลงมือกับฉัน”
ผู้ชายสบถด่า เมื่อหันศีรษะกลับไปสบสายตาเย็นชาบูดบึ้งคู่นั้น ก็หวาดกลัวทันที
“ประธาน ประธานเปปเปอร์……”
“ไม่กล้าหรอกครับ” เปปเปอร์เห็นเส้นผมไม่กี่เส้นระหว่างนิ้วเขา ดวงตาก็ยิ่งมืดมน ออกแรงอีกครั้ง ขยี้ผู้ชายคนนั้นให้แหลกทันที
เปปเปอร์ถามขึ้นเรียบๆ “ไม่ทราบว่าประธานวีระมาหาอดีตภรรยาฉันทำไม?”
ประธานวีระเจ็บแต่ไม่กล้าเปล่งเสียง อดกลั้นจนเหงื่อเต็มศีรษะ โน้มตัวขอโทษเปปเปอร์ “ขอโทษครับประธานเปปเปอร์ ผมตาถั่ว นึกว่านั่นเป็นคนของคลับ ไม่รู้ว่าเป็นอดีตภรรยาคุณ……”
เปปเปอร์คลายมือ ตะโกนเรียกบริกรมา แล้วเอ่ยสั่ง “ประธานวีระเมาแล้ว เตรียมรถไปส่งประธานวีระ”
เห็นเปปเปอร์ไม่เอาเรื่องตน ประธานวีระตั้งใจจะโล่งอก ผลสุดท้ายได้ยินเปปเปอร์พูดขึ้นอีกครั้ง “ประธานวีระตาไม่ดี ถึงโรงพยาบาลแล้วนัดจักษุแพทย์ให้กับเขา แล้วให้แพทย์ตรวจเขาอย่างเต็มที่”
ประธานวีระ “……”
หลังจากประธานวีระไปกับบริกรแล้ว เปปเปอร์ก็เหลือบมองมายมิ้นท์ที่ยันกำแพงอยู่ ผมเพ้ายุ่งเหยิง ยืนก็ยืนไม่ไหว คงดื่มเหล้าไปไม่น้อย
สิ่งที่ลาเต้พูดขึ้นก่อนหน้านี้ เปปเปอร์ยังจำได้
เขาก้าวเท้ายาวเดินไปดึงแขนมายมิ้นท์ ดึงเธอขึ้นมา
“มายมิ้นท์ คุณหมายความว่าไง?” มือเขาแรงเยอะมาก บีบแขนของเธอที่ผอมและเปราะบาง น้ำเสียงไม่มีความอ่อนโยนสักนิด “เล่นไพ่เป็น แต่จงใจแพ้?”
“เกี่ยวอะไรกับคุณ?” มายมิ้นท์ประชดกลับ อยากจะสะบัดมือเขาออก แต่วิงเวียนศีรษะ เกือบจะล้มลงไปในอ้อมแขนเปปเปอร์
มายมิ้นท์ฝืนยืนให้ร่างกายมั่นคง เงยหน้าเห็นใบหน้าคลุมเครือหนึ่ง มีแค่ดวงตาคู่นั้นที่ลุ่มลึกเยือกเย็น จ้องมองเธออยู่
“เกี่ยวอะไรกับฉันเหรอ? คุณบอกว่ามันเกี่ยวอะไรกับฉันงั้นเหรอ มายมิ้นท์?”