รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 400 ผลตรวจดีเอ็นเอของเยี่ยมบุญ
หลังจากที่ผู้ช่วยเหมันตร์ออกไปแล้ว เปปเปอร์ก็หรี่ตาลงแล้วก็ครุ่นคิดขึ้นมา
เรื่องนี้มันพัฒนาขึ้นมา เกินความคาดหมายของเขาจริง ๆ
เป็นใครก็คงจะคิดไม่ถึงหรอก ว่ามายมิ้นท์จะเป็นชวนชมไปได้
และนี่ก็ได้ถูกกำหนดมาแล้ว ว่าอนาคตของมายมิ้นท์จะต้องเจ็บปวด ไม่มีทางที่จะแก้แค้นให้ตระกูลกิตติภัคโสภณได้อย่างสมบูรณ์แบบ แล้วก็ไม่มีทางที่จะมาทำความรู้จักกับสองสามีภรรยาเยี่ยมบุญได้ด้วย
แถมเธอยังไม่สามารถที่จะรู้ว่าตัวเธอเป็นลูกสาวของสองสามีภรรยาเยี่ยมบุญได้ ไม่งั้นสิ่งที่รอคอยเธออยู่ ก็คือการสะเทือนใจจนถึงแก่ชีวิต
เมืองเดอะซี
หลังจากที่สองสามีภรรยาเยี่ยมบุญออกมาจากสถานีตำรวจแล้ว ก็ตรงกลับบ้านตระกูลภักดีพิศุทธิ์เลย
พอกลับมาถึงบ้านตระกูลภักดีพิศุทธิ์ คนรับใช้ก็เอาซองเอกสารซองหนึ่งมาถึงตรงหน้าทั้งสองคน “คุณผู้ชาย คุณผู้หญิงคะ นี่คือของที่มีคนมาใส่ไว้ในตู้รับจดหมายของเราค่ะ”
“ของอะไร?” เยี่ยมบุญรับซองเอกสารมาอย่างใบหน้าเหี่ยวย่นเต็มไปด้วยความสงสัย
คนรับใช้ส่ายหน้าเล็กน้อย “ฉันไม่ทราบค่ะ ฉันไม่ได้เปิดออกดู”
“โอเค เธอออกไปได้แล้ว” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์พูดขึ้นอย่างเหน็ดเหนื่อย
คนรับใช้ตอบรับคำหนึ่ง แล้วหมุนตัวออกไปทำงานต่อ
สองสามีภรรยาเยี่ยมบุญเดินไปนั่งลงตรงโซฟา
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ เยี่ยมบุญ
“คืออะไรคะ?” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ถามขึ้นอย่างสงสัย
เยี่ยมบุญส่ายหน้าเล็กน้อย “ไม่รู้ซิ ยังไม่ได้ดูเลย”
พูดแล้ว เขาก็ดึงของที่อยู่ในซองเอกสารออกมา
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์มองเห็นตัวหนังสือบนนั้นก่อน แล้วก็อ่านออกมาด้วยความสงสัยว่า “ผลการตรวจดีเอ็นเอเหรอ? ของใครกันคะ?”
เยี่ยมบุญไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจกลับมีความรู้สึกที่ไม่ดีเกิดขึ้นมา
เขาเปิดผลตรวจดีเอ็นเอไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว พอเปิดมาถึงหน้าสุดท้าย ก็มองเห็นชื่อของผู้ตรวจดีเอ็นเอ เยี่ยมบุญ กับชวนชม!
“เป็นของคุณกับชวนชม” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ตกตะลึง “น่าแปลกจังเลย นี่ตกลงใครเป็นคนส่งผลตรวจดีเอ็นเอของคุณกับชวนชมมาให้กันแน่นะคะ?”
เยี่ยมบุญยังไม่พูดอะไร แต่สีหน้ากลับเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา ดวงตาก็ตาโตขึ้นมาทันที จากนั้นก็ลุกพรวดยืนขึ้นมา “ทำไมถึงเป็นแบบนี้!”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?” พอคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์เห็นท่าทีของเขาอยู่ ๆ ก็ร้อนรนขึ้นมา ทั้งตัวก็มึนงงไปเลย เห็นได้ชัดว่ายังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
มือที่ถือผลตรวจดีเอ็นเออยู่ของเยี่ยมบุญกำลังสั่นเทา “ชวนชม…… ไม่ใช่ลูกสาวของพวกเรา……”
“อะไรนะคะ?” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์นิ่งอึ้งไปเลย จากนั้นก็ใช้สายตาที่เหมือนมองคนโง่มจ้องมองไปที่เขา “ที่รัก คุณกำลังพูดอะไรอยู่ ชวนชมไม่ใช่ลูกสาวของเราเหรอคะ? นี่คุณกำลังล้อเล่นอะไรอยู่”
“ผมไม่ได้ล้อเล่น มันบอกอยู่ในนี้” เยี่ยมบุญเอาผลตรวจดีเอ็นเอมอบให้กับคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
พอคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ได้ยินคำพูดนี้ ก็รีบเอาผลตรวจดีเอ็นเอไปดู แล้วก็เห็นตัวหนังสือของคำว่า‘ไม่มีความเกี่ยวข้องเป็นบิดาและบุตรสาว’ ก็มึนงงไปทันที
“มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?” สีหน้าของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ขาวซีดไปแล้ว ทั้งคนราวกับว่าวิญญาณล่องลอยไป ปากก็พร่ำบ่นไปอย่างควบคุมไม่ได้ว่า นี่มันเป็นไปไม่ได้ จะเป็นไปได้ยังไงกัน? ชวนชมจะไม่ใช่ลูกสาวของเราได้ยังไงกัน? ที่รัก นี่มันเป็นของปลอมใช่ไหมคะ?
ริมฝีปากของเยี่ยมบุญขยับเล็กน้อย อยากจะเห็นด้วยกับคำพูดของเธอ แต่พอเห็นผลตรวจดีเอ็นเอที่อยู่ในมือ ก็พูดไม่ออกแล้ว
แล้วพอคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์เห็นว่าเขาไม่พูดอะไร ในใจก็ยิ่งร้อนรนและโกรธมากขึ้น “เยี่ยมบุญ นี่คุณหมายความว่ายังไงกันค่ะ? คุณคิดว่านี่เป็นของจริงเหรอ? นี่มันจะเป็นของจริงไปได้ยังไง ผลตรวจดีเอ็นเออันนี้ ไม่รู้ว่าใครส่งมาด้วยซ้ำ ถ้าหากว่ามีคนตั้งใจกลั่นแกล้งพวกเราล่ะ? แล้วอีกอย่าง ตอนนั้นที่ชวนชมทำการตรวจดีเอ็นเอกับพวกเรา พวกเราก็อยู่ในเหตุการณ์กันทั้งนั้น และก็ได้เห็นผลตรวจดีเอ็นเอกับตา ที่แสดงว่าชวนชมเป็นลูกสาวของพวกเรา เพราะฉะนั้นผลตรวจดีเอ็นเออันนี้ จะต้องเป็นของปลอมแน่นอน”
พอได้ยินคำพูดนี้ เยี่ยมบุญก็สงบสติลงมา “คุณพูดถูก ผมตื่นเต้นเกินไปเอง”
ก็อย่างที่ภรรยาบอก ชวนชมได้ทำการตรวจดีเอ็นเอกับพวกเขาสองสามีภรรยาแล้ว และผลก็แสดงว่าเป็นลูกสาวของพวกเขา
แต่ฉบับนี้กลับแสดงว่าไม่ใช่ ที่สำคัญยังไม่รู้ว่าใครส่งมาด้วย เพราะฉะนั้นผลตรวจดีเอ็นเอฉบับนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่มีความเป็นจริง และความน่าเชื่อถือเลย
ถึงแม้ว่าจะคิดแบบนี้ แต่ในใจของเยี่ยมบุญก็ยังมีปมอยู่บ้าง
ผู้ชายคนหนึ่ง สิ่งที่ให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือกลัวลูกจะไม่ใช่สายเลือดของตัวเอง ถึงแม้ว่าในใจจะเชื่อมั่นตัวเอง แต่ขอแค่มีคนบอกว่าไม่ใช่ ในใจของเขา ยังไงก็จะต้องเหลือเมล็ดของความคลางแคลงใจไว้บ้าง
และที่สำคัญเมล็ดแบบนี้ ก็จะเริ่มงอกตามระยะเวลาที่นานไปด้วย จากนั้นยิ่งอยู่ก็จะยิ่งเติบใหญ่
พอคิดได้แบบนี้ เยี่ยมบุญก็กำหมัดไว้แน่น แล้วพูดเสียงขรึมขึ้นว่า “ไม่ได้การแล้ว ผมจะต้องไปตรวจสอบให้ชัดเจน ว่าตกลงใครเป็นคนส่งของนี่มา กล้าเอาผมเยี่ยมบุญไปล้อเล่นเชียวเหรอ!”
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ค่ะ จะต้องตรวจสอบให้ชัดเจน คนที่แอบยุแยงตะแคงรั่วแบบนี้นี่ ช่างไร้ยางอายจริง ๆ”
“เดี๋ยวผมออกไปตรวจเช็กกล้องวงจรปิดของข้างนอกสักหน่อย”
พูดแล้ว เยี่ยมบุญก็ออกไปเลย
อีกด้านหนึ่ง ทามทอยติดต่อไปหามายมิ้นท์ และบอกกับเธอว่า เรื่องผลตรวจดีเอ็นเอได้ส่งไปแล้ว
ในตอนนี้มายมิ้นท์กำลังกินของว่างอยู่
ของว่างที่ป้าทิพย์ทำรสชาติดีมาก เธอที่เป็นคนที่ไม่ค่อยชอบกินของหวานซะเท่าไหร่ ก็ยังรู้สึกชอบกินเลย
พอได้ยินคำพูดของทามทอย มายมิ้นท์วางทีรามิสุที่กินไปครึ่งหนึ่งในมือลง แล้วถามขึ้นว่า “ฉันรู้แล้ว แต่ว่าแค่ส่งผลตรวจดีเอ็นเอไปฉบับเดียวมันยังไม่พอหรอก พวกเขาจะต้องไม่เชื่อแน่ ๆ”
“ผมรู้ เพราะฉะนั้นต่อไปผมยังจะส่งของไปอีกเรื่อง ๆ นี่เป็นแค่น้ำจิ้มเท่านั้น ที่เหลือ ผมกะว่าจะรับสองสามีภรรยาตระกูลลิลิตประกายสิทธิ์มาที่นี่ด้วย พอถึงตอนนั้นจะต้องมีละครสนุก ๆ ให้ดูแน่ ๆ” ทามทอยหัวเราะแล้วพูดขึ้น
มายมิ้นท์ยักคิ้วเล็กน้อย “คุณนี่แสบจริง ๆ แต่ว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เจินเจินอยากจะเป็นแต่ลูกสาวของเยี่ยมบุญไม่ใช่เหรอ? งั้นก็ให้เธอได้ระลึกความหลังสักหน่อย ว่าใครกันแน่ที่เป็นพ่อแม่ที่แท้จริงของเธอกันแน่”
เธอยอมรับว่า ตั้งแต่เริ่มต้นก็ไม่ควรที่จะหาคนมาเป็นตัวแทนชวนชม ไม่ควรจะพาเจินเจินเข้ามาสู่แวดวงนี้ จนทำให้เจินเจินเกิดความโลภขึ้นมา
เพราะฉะนั้นเธอกับทามทอยมีความผิด แต่ในขณะเดียวกัน ตัวเจินเจินเองก็มีความผิด
เจินเจินเคยรับปากไว้ว่า จะช่วยพวกเธอทำงานอย่างดี ที่สำคัญยังเป็นการรับปากด้วยความเต็มใจด้วย พวกเขาไม่ได้บีบบังคับ เพราะฉะนั้นเจินเจินจึงควรจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้ ไม่ควรที่จะไปหวังอย่างอื่น
แต่ว่าเจินเจินกลับทำไม่ได้ และยังย้อนกลับมาทำร้ายพวกเขาอีก เพราะฉะนั้นพวกเขาก็จะไม่มีทางปล่อยเจินเจินไปอยู่แล้ว สมควรที่จะต้องให้เจินเจินเสียเปรียบสักหน่อย ได้รับการสั่งสอนซะบ้าง จะต้องให้เจินเจินรู้ว่า พวกเขาสามารถพาเธอเข้ามาสู่วงการนี้ได้ ก็สามารถขับไล่เธอออกไปได้เช่นกัน
“ใช่ นี่เป็นความคิดของผมเหมือนกัน เอาล่ะ ผมใกล้จะถึงหมู่บ้านตระกูลลิลิตประกายสิทธิ์แล้ว ส่วนเรื่องอื่นรอผมกลับไปแล้วค่อยว่ากัน” ทามทอยจ้องมองหมู่บ้านที่อยู่ข้างหน้า แล้วก็พูดกับปลายสายอีกฝั่งของโทรศัพท์ไป
มายมิ้นท์ตอบอืมไปคำหนึ่ง “ได้ ระวังตัวด้วยนะ”
พอจบการสนทนาแล้ว ป้าทิพย์ก็ยกนมมาให้เธอแก้วหนึ่ง “คุณมายมิ้นท์ ดื่มนมหน่อยนะคะ”
“ขอบคุณค่ะป้าทิพย์” มายมิ้นท์ยิ้มแล้วก็รับนมมา
และในเวลานี้ เสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้นมา
ป้าทิพย์มองไปทางประตูเล็กน้อย “คุณมายมิ้นท์ เดี๋ยวฉันไปเปิดประตูนะคะ”
“ได้ค่ะ รบกวนป้าทิพย์ด้วยนะคะ” มายมิ้นท์พยักหน้าให้
ป้าทิพย์เดินไปทางประตู แล้วก็เปิดประตูออก
ลาเต้ หิ้วมะม่วงไว้ถุงหนึ่งแล้วยืนอยู่ข้างนอก แล้วจ้องมองป้าทิพย์ บนใบหน้าที่หล่อเหลาเต็มไปด้วยความสงสัย “คุณเป็นใครครับ?”
แววตาของป้าทิพย์สั่นไหวเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มแล้วตอบกลับไปว่า “สวัสดีค่ะคุณลาเต้ ฉันเป็นแม่บ้านของคุณมายมิ้นท์ค่ะ”
“แม่บ้านเหรอ?” ลาเต้ตกใจขึ้นมาคำหนึ่ง จากนั้นก็เดินเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว จ้องมองไปที่มายมิ้นท์ที่อยู่บนโซฟา แล้วรีบถามขึ้นว่า “ยาหยี แม่บ้านคนนี้นี่คุณหามาเองเหรอ? แม่บ้านที่ผมหามาให้ล่ะ? ทำไมคุณถึงไม่เอา?”
เธอมองไม่เห็น แม่บ้านที่เธอหามาจะเป็นคนดีหรือเปล่า เธอก็ไม่รู้
เพราะฉะนั้นทำไมเธอต้องหาแม่บ้านมาใหม่ด้วย แม่บ้านที่เขาหามาให้มันไม่ดีเหรอ?
พอได้ยินคำพูดของลาเต้ มายมิ้นท์ที่กำลังดื่มนมอยู่ก็หยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างแปลกใจ แล้วก็หันไปทางเสียงของลาเต้ “เต้ นายกำลังพูดเรื่องอะไรเนี่ย ป้าทิพย์เป็นคนที่นายหามาให้ฉันไม่ใช่เหรอ?”
“ผมเหรอ?” ลาเต้ชี้มาที่จมูกของตัวเองเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปที่ป้าทิพย์ สุดท้ายก็รีบส่ายหน้าขึ้นมา “ก็ไม่ใช่น่ะซิ แม่บ้านที่ผมหามาไม่ใช่เธอ”
“ไม่ใช่เหรอ?” มายมิ้นท์นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง
ป้าทิพย์ไม่ใช่คนที่ลาเต้หามาเหรอ
งั้นป้าทิพย์มาจากไหนล่ะ?
หัวคิ้วของมายมิ้นท์ขมวดกันขึ้นมา
ลาเต้ก็ยิ่งจ้องมองป้าทิพย์อย่างหวาดระแวงขึ้นมา ในขณะที่กำลังจะเอ่ยปากสอบถามข้อมูลป้าทิพย์ ตัวป้าทิพย์กลับยิ้มแล้วเปิดปากพูดขึ้นมาเอง