รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 402 จดหมายอีกซอง
ผู้ช่วยเหมันตร์ชี้ไปทางตำรวจที่อยู่ด้านหลัง “เจินเจินยอมตกลงแล้ว แต่เธอไม่ต้องการให้พวกเราทำอะไร เธอบอกว่ามีวิธีจะทำให้เยี่ยมบุญและภรรยาเชื่อว่าเธอนั้นคือชวนชมตัวจริง”
เปปเปอร์หรี่ตาลง “เธอมีวิธี? วิธีอะไรกัน?”
ผู้ช่วยเหมันตร์ส่ายหน้า “เรื่องนี้ผมก็ไม่รู้ครับ ผมเคยถามแล้วแต่เธอไม่ยอมพูดอะไรเลย”
“ถ้าไม่บอกก็ช่างเถอะ เพียงแค่เธอให้การตกลงก็พอแล้ว เพราะผลสรุปอย่างไรก็ไม่เปลี่ยนแปลง” เปปเปอร์เม้มริมฝีปากแล้วพูดออกมาเบาๆ
ถึงอย่างไรสิ่งที่เขาต้องการก็คือการช่วยเหลือเจินเจินเพื่อที่จะมีตัวตนชวนชมได้อย่างมั่นคง
ในเมื่อเจินเจินบอกว่าเธอสามารถทำได้ ถ้าอย่างนั้นเขาก็ไม่ต้องรับมือเอง
“ไปกันเถอะ กลับคฤหาสน์ตระกูลนวบดินทร์ก่อน” เปปเปอร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย น้ำเสียงของเขาดูเหนื่อยอ่อน
ผู้ช่วยเหมันตร์มองไปทางเขา “ไม่ไปโรงพยาบาลก่อนเหรอครับ?”
เปปเปอร์เหล่ตามอง “มายมิ้นท์ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ผมจะไปที่นั่นทำไม?”
ผู้ช่วยเหมันตร์กระตุกริมฝีปากเล็กน้อย “ครับ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมจะติดต่อไปที่โรงพยาบาลให้พวกเขาจัดการทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลให้”
เปปเปอร์ละสายตากลับคืนมาแล้วเปิดประตูรถก้าวขึ้นไป
ตอนนี้มายมิ้นท์ไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว นี่คือเหตุผลประการหนึ่งที่เขาไม่อยากจะกลับไปโรงพยาบาลอีก
แต่อีกเหตุผลหนึ่งก็คือตัวเขาเองไม่อยากจะนอนโรงพยาบาลอีกแล้ว
รอยแผลบาดเจ็บจากการถูกเฆี่ยนตอนนี้ก็เริ่มสมานกันแล้ว ถ้าหากว่าไม่ได้ใช้แรงมากในการไปดึงทึ้งก็คงจะไม่ฉีกออกและไม่มีเลือดไหลอีก
เพียงแค่นี้ ก็ไม่จำเป็นจะต้องนอนที่โรงพยาบาลอีกต่อไป
ผู้ช่วยเหมันตร์นั่งลงในตำแหน่งคนขับ แล้วขับรถออกไปจากสถานกักกัน
……
วันต่อมา ขณะที่เยี่ยมบุญกำลังจะออกจากบ้านเพื่อตรงไปที่เอสซีกรุ๊ป
เมื่อเขาก้าวขาออกจากคฤหาสน์ ก็พบว่ากล่องจดหมายที่ประตูใหญ่ของคฤหาสน์มีเอกสารเพิ่มขึ้นมาฉบับหนึ่ง
เยี่ยมบุญหยุดฝีเท้าลง สีหน้าของเขาดูย่ำแย่ทันใด
จดหมายของเมื่อวานเป็นเอกสารการพิสูจน์ดีเอ็นเอระหว่างตนและชวนชม
ในวันนี้เนื้อหาข้างในจะเป็นอะไรอีก?
หรือจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับชวนชม?
เยี่ยมบุญเดินตรงเข้าไป เขานำกระเป๋าทำงานเหน็บไว้ที่ใต้รักแร้ แล้วหยิบจดหมายนั้นออกมาเปิดดู
เนื่องจากเขาออกแรงมากจนเกินไปทำให้ซองจดหมายนั้นถูกฉีกออกเพราะไปเกี่ยวกับตู้จดหมายเข้า กระดาษที่อยู่ด้านในจึงเผยออกมาและร่วงลงพื้น
เยี่ยมบุญก้มหน้าลงไปมอง สายตาบังเอิญจับจ้องไปที่ตัวอักษรบรรทัดหนึ่ง ‘ข้อมูลส่วนตัวของเจินเจิน’
เจินเจินคือใคร?
เยี่ยมบุญขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วรู้สึกว่าชื่อนี้ดูคุ้นหู
แต่ในไม่ช้าเขาก็นึกขึ้นได้ เจินเจินก็คือชื่อก่อนหน้าของชวนชมไม่ใช่หรือไง?
จริงดั่งที่คิดเอาไว้ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับชวนชมจริงๆ
คนที่เอาสิ่งของเหล่านี้มาให้ต้องการอะไรกันแน่?
ดูจากเอกสารการพิสูจน์ดีเอ็นเอเมื่อวานที่เป็นของปลอมก็พอจะมองออกได้ว่าคนที่ส่งของเหล่านี้มาคงไม่ใช่คนดีอะไร และต้องการจะจัดการกับชวนชม
แต่สิ่งที่น่าโมโหก็คือ เมื่อวานนี้เขาทำการตรวจกล้องวงจรปิดดูแล้วกลับมองไม่เห็นว่าใครกันเอาของเหล่านี้มาใส่ไว้ในตู้จดหมาย
เยี่ยมบุญหรี่ตามอง เขาก้มเอวลงไปหยิบเอกสารเหล่านั้นขึ้นมาแล้วอ่านรายละเอียดด้านล่าง พบว่าเป็นประวัติตั้งแต่เล็กจนโตของชวนชม
เนื้อหาข้างในค่อนข้างละเอียดชัดเจน เรื่องราวเหล่านี้ชวนชมไม่เคยเล่าให้สองสามีภรรยาฟังมาก่อน
ดังนั้น เขาจึงไม่รู้ว่าเนื้อหาเหล่านี้เป็นเรื่องจริงหรือเท็จ
แต่ไม่ว่าจะจริงหรือเท็จ เขาก็รู้เพียงว่าคนที่เอาของเหล่านี้มาใส่ไว้คงไม่ได้มีจุดประสงค์ดีสักเท่าไร
อีกทั้งเมื่อชวนชมได้กลับมายังตระกูลภักดีพิศุทธิ์ เธอเองก็แทบไม่ได้ออกไปไหน ไม่เคยผรากฏตัวเข้าไปทำความรู้จักกับคนในวงการด้วยตนเองมาก่อน ดังนั้นจึงไม่น่าจะเป็นความแค้นส่วนตัว
ความแค้นเดียวที่อาจจะมีนั่นก็คือมายมิ้นท์ นั่นเป็นเพราะชวนชมเพิ่งจะทำให้มายมิ้นท์ต้องบาดเจ็บ
ดังนั้นสิ่งของเหล่านี้เป็นไปได้สูงทีเดียวที่มายมิ้นท์จะเป็นคนส่งมา
“เหอะๆ แผนการชั่วร้ายจริง!” เยี่ยมบุญขยำเอกสารในมือจนเป็นก้อนกลม
แน่นอนว่านี่คงจะเป็นวิธีการที่มายมิ้นท์ใช้ในการแก้แค้นชวนชม
มายมิ้นท์ต้องการจะทำให้ครอบครัวของเขาต้องแตกแยก ต้องการทำให้พวกเขาสงสัยว่าชวนชมไม่ใช่ลูกของพวกเขา จากนั้น ต้องการให้คนอื่นหัวเราะเยาะเย้ยว่าตนเก็บลูกใครไม่รู้มาเลี้ยง
น่าเสียดายจริงๆ ที่เขาไม่มีทางเชื่อเธอหรอก
เยี่ยมบุญหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น แล้วกำลังจะนำเอกสารในมือที่ขย้ำจนเป็นก้อนกลมทิ้งลงไปในถังขยะ
แต่ขณะที่เขากำลังบดขยี้ซองเอกสาร ก็พบว่าข้างในยังมีของชิ้นอื่นอีก
เยี่ยมบุญขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะนำมือเข้าไปในซองจดหมายนั้นแล้วหยิบเจ้าสิ่งของนั้นออกมา
มันเป็นรูปภาพใบหนึ่ง!
เยี่ยมบุญมองไปที่รูปภาพใบนั้น ในรูปมีคนทั้งสิ้นสองคน เป็นชายวัยกลางคนคนหนึ่งและอีกคนก็คือชวนชม
ในรูปภาพนั้น ฉากหลังของภาพชายวัยกลางคนกับฉากหลังของชวนชมไม่เหมือนกัน เห็นได้ชัดว่านี่เป็นรูปสองรูปที่นำมาประกอบกัน
สิ่งนี้ไม่สำคัญ ที่สำคัญก็คือชวนชมหน้าตาคล้ายคลึงกับชายวัยกลางคนคนนี้มาก
แล้วชายวัยกลางคนนี้เป็นใครกัน?
เยี่ยมบุญไม่รู้จักผู้ชายวัยกลางคนในรูปภาพ แต่เขาก็ค่อนข้างให้ความสำคัญกับตัวตนของชายวัยกลางคนผู้นี้
เนื่องจากว่าชายคนนี้ดูคล้ายกับชวนชมเหลือเกิน เหมือนกับเป็นพ่อลูกกันไม่มีผิด
เดี๋ยวเนอะ พ่อลูก?
สีหน้าของเยี่ยมบุญเปลี่ยนไปทันที ดูเหมือนเขาคิดอะไรบางอย่างได้ เขารีบกำภาพในมือเอาไว้แน่น
ภาพนี้เห็นได้ชัดว่ามีคนต้องการนำมันมาวางคู่กัน จุดประสงค์เพื่อให้เขาเปรียบเทียบภาพของชายวัยกลางคนและชวนชม
ดังนั้นสิ่งของเหล่านี้ถ้าหากว่าเป็นสิ่งที่มายมิ้นท์ส่งมา จุดประสงค์ของมายมิ้นท์ก็คงจะชัดเจนมากนั่นก็คือต้องการบอกกับเขาว่าชวนชมและชายในภาพนี้เป็นพ่อลูกกัน
เมื่อมองไปยังหน้าของทั้งสองคนที่ดูคล้ายคลึงกัน เยี่ยมบุญไม่เชื่อจริงๆ ว่าทั้งสองคนจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกันเลย
แม้กระทั่งผลตรวจดีเอ็นเอเมื่อวานนี้ เขาก็เริ่มสงสัยแล้วว่าเป็นของจริงหรือไม่
เมื่อคิดได้ดังนี้ เยี่ยมบุญจึงได้นำเอกสารและรูปภาพเดินกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลภักดีพิศุทธิ์
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์กำลังมาส์กหน้าอยู่ เมื่อเห็นเขาเดินตรงเข้ามาก็รู้สึกประหลาดใจ “ที่รักคะ คุณออกไปข้างนอกแล้วไม่ใช่เหรอ กลับมาอีกทำไม?”
เยี่ยมบุญไม่พูดอะไรออกมา เขาโยนกระดาษในมือไปให้เธอ “คุณลองดูเอาเอง”
“อะไรกันคะ” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์เปิดออกดูด้วยความสงสัย
เธอไม่ใช่คนโง่ เมื่อเห็นเนื้อหาด้านในแล้วเธอก็เข้าใจได้ในทันที ก่อนจะลุกขึ้นยืนจากโซฟาด้วยความตกตะลึง แผ่นมาส์กหน้าถึงกับร่วงหล่นสู่พื้น
“คุณคะ นี่มัน……” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์กำเอกสารและรูปภาพเหล่านั้นไว้ในมือด้วยอาการมือสั่น “ฉันไม่เชื่อหรอกว่านี่เป็นเรื่องจริง!”
“ดังนั้นผมจึงตัดสินใจว่าจะทำการตรวจดีเอ็นเอกับชวนชมอีกครั้งหนึ่งว่าเธอเป็นลูกสาวของเราจริงหรือเปล่า เธอเป็นชวนชมจริงหรือไม่?” สีหน้าของเยี่ยมบุญเปลี่ยนไปดูหนักอึ้ง
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์มองไปทางเขาอย่างอ่อนแรง “แล้วถ้าผลตรวจดีเอ็นเอออกมาบอกว่าไม่ใช่ล่ะคะ?”
เยี่ยมบุญกำมือแน่น “ถ้าไม่ใช่ ผมคงไม่ปล่อยเธอไปแน่ เธอกล้ามากที่มาหลอกเราและปลอมตัวเป็นลูกสาวของผม ผมจะทำให้เธอรู้ว่าเธอต้องแลกมันมาด้วยอะไร”
เยี่ยมบุญมีอสุจิที่ไม่แข็งแรง นับจากวินาทีที่เขารู้เรื่องนี้ เขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าตนจะมีลูก แต่สิ่งที่น่ายินดีก็คือปาฏิหาริย์ยังคงปรากฏต่อเขา เขามีลูกสาวเป็นของตัวเอง นับจากที่รู้ว่าภรรยาตั้งท้องเขาก็ดีอกดีใจเสียจนแทบคลั่ง อีกทั้งมักเดินทางไปถวายธูปเทียนตามวัด หวังว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะปกป้องคุ้มครองลูกของเขาให้ถือกำเนิดมาอย่างปลอดภัย หลังจากที่ทารกน้อยให้กำเนิดออกมาแล้ว เมื่อหล่อนคลอดออกมาได้ประมาณหนึ่งเดือนกว่าๆ ก็ถูกไตรภูมิลักพาตัวไปและจมน้ำตาย
เขาใช้เวลาอยู่ยี่สิบกว่าปีในการที่จะยอมรับว่าลูกคนเดียวของเขานั้นไม่อยู่แล้ว แต่ก่อนหน้านี้ไม่นาน เขาเพิ่งจะได้รับรู้ว่าลูกของเขาไม่ได้ตาย และยังได้ตามตัวเธอกลับมาสำเร็จ ในตอนนั้นเขาตื่นเต้นดีใจเสียจนร้องไห้อยู่พักใหญ่
แต่จู่ๆ ตอนนี้กลับมีคนมาบอกกับเขาว่าชวนชมไม่ใช่ชวนชมตัวจริง แต่เป็นตัวปลอม จะไม่ให้เขารู้สึกโมโหได้อย่างไร?
สิ่งที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุดนั่นก็คือลูกของเขา หากว่าชวนชมไม่ใช่ลูกสาวของเขาจริง เขาจะทำให้เจ้าตัวปลอมคนนี้เข้าใจว่าอะไรคือความตาย ลูกสาวของเขาจะไม่ให้ใครยอมมาเป็นตัวแทนเด็ดขาด และไม่มีใครที่มีคุณสมบัติเพียงพอจะเข้ามาแทนที่
“ไปเถอะครับ ไปสถานกักกันตัว ผมจะลองไปคุยกับทางตำรวจดูก่อนว่าให้ปล่อยตัวชวนชมออกมาชั่วคราว แล้วเดินทางไปที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจดีเอ็นเออีก ครั้งนี้ผมจะลองตรวจดูหลายที่หน่อย ดูสิว่าเธอเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม” เยี่ยมบุญดึงมือคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์และตรงออกไปจากคฤหาสน์ทันที