รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 410 พ่อลูกทางสายเลือด
อีกฝ่ายหนึ่ง เมื่อทามทอยหยิบเอกสารไปจากมือของเปปเปอร์แล้วเขาก็เปิดไปยังหน้าสุดท้ายทันที
เมื่อเห็นผลการตรวจออกมาตรงกันข้ามกับที่ตนคิดไว้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ก่อนจะพูดขึ้นอย่างเหลือเชื่อว่า “เป็นไปได้ยังไง?”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ของเขา มายมิ้นท์ก็รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย ความรู้สึกไม่สบายใจถาโถมเข้ามาทันที
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ทำไมปฏิกิริยาของทามทอยถึงเป็นแบบนี้
“ป้าทิพย์คะ” มายมิ้นท์ใช้มือจับไปตรงที่วางแขนของวิลเเชร์เเล้วตะโกนออกมา
ป้าทิพย์ ก้าวไปข้างหน้าแล้วย่อตัวลง “ค่ะ คุณมายมิ้นท์”
มายมิ้นท์หันไปทางเธอแล้วถามว่า “ป้าทิพย์คะ เมื่อสักครู่คุณอยู่ข้างในตลอด ดังนั้นคุณรู้ผลแล้วใช่ไหม ผลเป็นอย่างไร?”
“เอ่อคือ” ป้าทิพย์มองไปทามทอย
มือของทามทอยที่ถือเอกสารนั้นเอาไว้สั่นคลอน เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่ตื่นจากภวังค์
เมื่อมายมิ้นท์เห็นความลังเลใจของป้าทิพย์ เธอก็ยิ่งกังวลเข้าไปกว่าเดิม เธอกุมฝ่ามือของป้าทิพย์เข้าไปไว้ในอ้อมกอด “ป้าทิพย์คะ รีบบอกฉันมาสิคะ”
เธอพูดจารบเร้า
ป้าทิพย์มองไปทางเปปเปอร์อีกครั้ง
เปปเปอร์เห็นแววตาของเธอแล้วพยักหน้าเล็กน้อย
ป้าทิพย์จึงถอนหายใจออกมาแล้วตอบว่า “ผลสรุปก็คือ คุณหนูคนนั้นกับประธานเยี่ยมบุญเป็นพ่อลูกกันทางสายเลือดค่ะ”
เมื่อประโยคนี้ถูกเล่าออกมา ดวงตาของมายมิ้นท์ก็หดตัวลงอย่างกะทันหัน ร่างกายของเธอแข็งทื่อทันที
มีความสัมพันธ์เป็นพ่อลูกทางสายเลือดเหรอ……
เจินเจินกับเยี่ยมบุญน่ะเหรอ?
เป็นไปไม่ได้!
เจินเจินไม่ใช่บุตรสาวของเยี่ยมบุญแน่ๆ เอกสารนั้นเป็นของปลอม คงจะถูกใครสลับปรับเปลี่ยนเนื้อหาแน่นอน
ไม่แน่ว่าเจินเจินอาจจะใช้วิธีการใดๆ ในการซื้อตัวเจ้าหน้าที่ของบริษัทนี้เอาไว้
แม้ว่าดูจากความสามารถของเจินเจินแล้วไม่น่าจะสามารถซื้อตัวพนักงานในสำนักงานแห่งนี้ได้ แต่เรื่องใดๆ ก็เป็นไปได้เสมอไม่ใช่หรือไง?
เยี่ยมบุญและภรรยาที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามได้ยินน้ำเสียงของป้าทิพย์ประโยคนั้น ดวงตาทั้งคู่ของพวกเขาก็หันมาประสานกัน และเห็นถึงความตื่นเต้นดีใจในแววตาอีกฝ่ายหนึ่ง
“คุณคะ คุณได้ยินไหม ชวนชมเป็นลูกของเรา!” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์เอื้อมมือไปดึงมือของชวนชมมา แล้วพูดกับเยี่ยมบุญว่า “ฉันบอกแล้วไงคะ บอกตั้งแต่การตรวจดีเอ็นเอครั้งแรกแล้วว่าเธอเป็นลูกของฉัน จะเป็นเรื่องโกหกได้ยังไง?”
จากนั้นเขาก็มองไปทางชวนชม แววตาอันเย็นชาเมื่อครู่เปลี่ยนไปเป็นอ่อนโยนใจดีขึ้นทันที “ชวนชมพ่อขอโทษ พ่อไม่ควรจะสงสัยลูก”
ชวนชมส่ายหน้า เธอพูดด้วยน้ำตานองหน้าว่า “ไม่เป็นไรหรอกค่ะพ่อ หนูไม่โกรธพ่อหรอกค่ะ คุณมายมิ้นท์พวกเธอทำเอกสารตรวจดีเอ็นเอของปลอมขึ้นมา และยังไปพาตัวสองคนนี้มาอีก ทั้งนี้ก็เพื่อต้องการที่จะใส่ร้ายป้ายสีว่าหนูไม่ใช่ลูกของพ่อกับแม่ ดังนั้นการที่พ่อกับแม่จะสงสัยหนูก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่ตอนนี้ผลตรวจดีเอ็นเอออกมาแล้ว เป็นหลักฐานยืนยันว่าหนูเป็นลูกของพ่อกับแม่จริงๆ ดังนั้นหนูไม่โทษพ่อกับแม่หรอกค่ะ ถ้าจะโทษก็โทษที่พวกคุณมายมิ้นท์ทำเกินไปจริงๆ”
เธอเล็งเป้าทั้งหมดไปที่มายมิ้นท์
ดังนั้นสายตาของเยี่ยมบุญและภรรยาที่มองไปทางมายมิ้นท์เต็มไปด้วยความรังเกียจและโกรธแค้นมากยิ่งขึ้น
“มายมิ้นท์ ตอนนี้ผลการตรวจดีเอ็นเอออกมาแล้ว ชวนชมเป็นลูกสาวของเราจริงๆ ตอนนี้คุณมีอะไรจะพูดอีกไหม?” เยี่ยมบุญหัวเราะเหอะๆ ออกมาด้วยความเยือกเย็น
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์พูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา “คุณคะ จะไปพูดเรื่องแบบนี้กับหล่อนทำไมอีก รีบแจ้งตำรวจเถอะค่ะ”
สีหน้าการแสดงออกของมายมิ้นท์ตอนนี้ไม่น่าดูนัก
เธอคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าเหตุการณ์จะดำเนินมาถึงจุดนี้
หรือว่าเธอจะต้องถูกเยี่ยมบุญส่งเข้าคุกจริงๆ?
มือของมายมิ้นท์ซึ่งกุมที่วางแขนเอาไว้ก็สั่นคลอนเล็กน้อย
อีกฝั่งหนึ่ง เยี่ยมบุญหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาตั้งใจจะโทรหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เมื่อเปปเปอร์เห็นดังนั้น ดวงตาของเขาก็หรี่ลงอย่างรวดเร็วดูเหมือนกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา
ในที่สุดทามทอยก็ได้สติกลับคืนมา แล้วหันไปพูดกับเยี่ยมบุญว่า “รอก่อน!”
เมื่อเขาพูดประโยคนี้ออกไปทุกคนก็พากันหันมามองที่เขา
สีหน้าอันเหี่ยวย่นของเยี่ยมบุญมืดมนทันที “คุณทามทอย อยากจะขัดขวางพวกเราอย่างงั้นเหรอ?”
“เอกสารตรวจดีเอ็นเอชุดนี้ผมไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง” ทามทอยโยนเอกสารนั้นลงบนพื้น “เอกสารตรวจดีเอ็นเอชุดนี้จะต้องปลอมแน่ๆ”
ชวนชมสีหน้าบิดเบี้ยว มือทั้งสองข้างกายของเธอกำแน่น
ตอนนี้เอกสารระบุตัวตนของเธอก็ออกมาแล้วแต่เขายังคงสงสัยอยู่ดังเดิม
เขาต้องการจะเหยียบย่ำตนให้จมลงดินจริงๆ ใช่ไหม?
“ของปลอมอย่างงั้นเหรอ เหอะๆ” เยี่ยมบุญหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น “คุณทามทอยครับ ผลการพิสูจน์ดีเอ็นเอนั้นคุณก็เห็นเองกับตาแล้ว อีกอย่างคนของพวกคุณก็ได้เดินเข้าไปในห้องตรวจด้วยกัน คุณเอาอะไรมาพูดว่ามันเป็นของปลอม?”
“หลักฐานก็คือพวกเขา” ทามทอยชี้ไปที่คุณสุเวทย์และภรรยา
คุณสุเวทย์และภรรยาก็รีบเดินตรงเข้ามาหาเขา
ทามทอยตบลงไปที่บ่าของสุเวทย์เบาๆ “เพราะใบหน้านี้ มีความคล้ายคลึงกับชวนชมมากเหลือเกิน”
“พ่อคะ” ชวนชมเอื้อมมือไปคว้าแขนของเยี่ยมบุญเอาไว้ “พ่อคะ หนูได้ยินมาว่าต่อให้ไม่มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือดแต่หากว่าอาศัยอยู่ด้วยกันนานขึ้นเรื่อยๆ ก็จะมีผลกระทบทำให้ทั้งสองฝ่ายหน้าตาคล้ายกันมากขึ้น ไม่แน่ว่าหนูกับพ่อเลี้ยงคนนี้อาจจะเป็นไปอย่างว่าก็ได้ ถึงได้ทำให้มีหน้าตาคล้ายกัน”
“นั่นสิคะคุณ ที่ชวนชมพูดมาก็สมเหตุสมผล สามีภรรยาที่หน้าตาคล้ายกันก็เพราะเหตุผลนี้ไม่ใช่เหรอ?” ประธานสุเวทย์และภรรยา ในตอนแรกพวกเขาก็ไม่ได้หน้าตาเหมือนๆ กันสักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้มองไปมองมาก็คล้ายคลึงกันไปเสียอย่างนั้น” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์พูดขึ้น
เยี่ยมบุญพยักหน้า “อืม นั่นก็จริง”
เมื่อเห็นว่าสองสามีภรรยาเชื่อในคำพูดของชวนชม ปฏิกิริยาแรกของทามทอยก็คือ สองสามีภรรยาคู่นี้บ้าไปแล้วหรือ?
ต่อให้เป็นแบบที่ชวนชมพูดมาเมื่อสักครู่ ก็คงจะเป็นเพียงแค่คล้ายคลึงกันเล็กน้อย ไม่ได้คล้ายกันขนาดนี้หรอกจริงไหม?
แม้แต่เปปเปอร์เองก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองชวนชม
ผู้หญิงคนนี้ทำให้เขาเข้าใจเธอมากขึ้นทุกครั้งจริงๆ
เธอฉลาดมากเสียจนทำให้ทุกคนต้องตกตะลึงอย่างน่าอัศจรรย์ใจ เพียงแค่พริบตาเดียวก็สามารถทำลายกับดักนี้ได้ ถ้าหากว่าเธอไม่ได้ทรยศต่อมายมิ้นท์ละก็ เขาคงจะรับเธอเอาไว้เป็นลูกน้องและฝึกฝนเธออย่างแน่นอน
“เอ่อ……” สุเวทย์ถูมือไปมาแล้วมองไปยังทามทอย “คุณทามทอยครับ เมื่อสักครู่ที่พวกคุณพูดกันว่าตรวจดีเอ็นเอ ก็คือเป็นการตรวจเหมือนในละครที่ทำให้รู้ได้ว่าเป็นลูกแท้ๆ ของพวกเขาจริงหรือไม่ใช่ไหมครับ?”
“ใช่ครับ” ทามทอยพยักหน้า
สุเวทย์ ดวงตาแดงเรื่อ “แล้วเมื่อสักครู่ที่พวกคุณพูดว่าเจินเจินนังลูกอกตัญญูของผมคนนั้นพิสูจน์ดีเอ็นเอออกมาแล้ว พบว่ามีความสัมพันธ์เป็นพ่อแม่ลูกกับเศรษฐีสองคนนั้นใช่ไหมครับ?”
“ใช่ครับ” ทามทอยพยักหน้าอีกครั้ง
สุเวทย์มองดูสองสามีภรรยาตระกูลภักดีพิศุทธิ์และชวนชมอย่างเคร่งขรึม “นังเด็กนั้นจะไปเป็นลูกสาวแท้ๆ ของพวกคุณได้ยังไง! เธอคลานออกมาจากท้องของภรรยาผมเอง ผมเห็นกับตาตัวเอง จะไปเป็นลูกแท้ๆ ของพวกคุณได้ยังไง!”
แม้ว่าเขาจะไม่สนใจลูกสาวคนนี้นัก แต่ก็ค่อนข้างใส่ใจเรื่องของศักดิ์ศรี
ลูกสาวของตัวเองกลายไปเป็นลูกสาวของคนอื่นในสายเลือดเสียได้ แล้วตัวเขาเล่าเป็นอะไร?
“พ่อขา หนูกลัวจังเลย” ชวนชมรีบหลบไปอยู่ด้านหลังของเยี่ยมบุญ
เยี่ยมบุญเองก็คิดไม่ถึงว่าสุเวทย์จะเปลี่ยนไปเป็นท่าทางน่ากลัวแบบนั้น ในขณะที่เขากำลังจะกล่าวบางอย่างออกมา
มายมิ้นท์ก็ได้เอามือตบลงไปที่วีลแชร์พูดว่า “พอทีเถอะค่ะ พวกคุณมัวแต่มาเถียงกันแบบนี้มีประโยชน์อะไร เราแค่ตรวจอีกสักครั้ง ก็พอแล้วนี่คะ”
เยี่ยมบุญมองไปทางเธอ “ผลตรวจดีเอ็นเอเมื่อครู่อยู่ตรงนี้แล้ว คุณยังไม่ยอมรับอีกเหรอ? ถ้าเราทำการตรวจอีกครั้งแล้วคุณยังไม่ยอมรับล่ะ จะทำอย่างไร?”
มายมิ้นท์กัดริมฝีปากแล้วพูดว่า “ไม่ค่ะ ถ้าการตรวจดีเอ็นเอในครั้งนี้ออกมาเหมือนเดิม ผลยืนยันว่าจนเป็นลูกสาวของพวกคุณ ฉันก็จะยอมรับมัน แต่ถ้าไม่ใช่ คงต้องรบกวนคุณส่งตัวเจินเจินมาให้ฉัน”
“พ่อคะ” ชวนชมตื่นเต้นเป็นกังวลขึ้นมา
เยี่ยมบุญตบไปที่แขนของเธอ “อย่ากลัวไปเลย หล่อนจะไม่ได้รับผลสำเร็จตามใจหวังแน่”
เมื่อพูดจบเขาก็หันไปจ้องมองดูมายมิ้นท์ “ต้องการจะทำอย่างไร?”
“ในมือของประธานเยี่ยมบุญยังมีผมเหลืออยู่ไม่ใช่เหรอคะ? คุณนำมันออกมาแล้วเราไปตรวจที่อื่นดูอีก ไม่เพียงเท่านี้ เจินเจินและสุเวทย์กับภรรยาก็ต้องทำการตรวจด้วย เราเอามาเปรียบเทียบดูกันว่าเธอเป็นลูกของใครกันแน่” มายมิ้นท์หรี่ตาแล้วพูดขึ้น
ดวงตาของทามทอยเป็นประกาย เขาปรบมือแล้วพูดว่า “ความคิดนี้ดีจริง ผมเห็นด้วย ว่าแต่ประธานเยี่ยมบุญ คุณล่ะกล้าหรือเปล่า?”
เขามองไปทางเยี่ยมบุญ
เยี่ยมบุญหัวเราะออกมาเหอะๆ ด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม “ผมจะต้องไปกลัวอะไรกัน ในเมื่อพวกคุณยังไม่ยอมแพ้และยืนกรานแบบนั้นที่จะให้ชวนชมเป็นลูกสาวของสองคนนี้ให้ได้ ถ้าอย่างนั้นผมก็จะเล่นเป็นเพื่อนพวกคุณเอง”
เขาหยิบผมที่ใส่ไว้ในซองแบ่งบรรจุออกมาแล้วมองไปทางชวนชม “ชวนชม ถอนผมออกมาอีกสักหน่อยสิลูก”
เมื่อได้ยินเยี่ยมบุญสั่งให้ตนถอนผม สีหน้าของชวนชมก็ซีดขาวลงทันที
เนื่องจากเธอไม่กล้าที่จะถอนผมของเธอหรอก
เพราะผมเมื่อสักครู่นี้ไม่ใช่ผมของเธอ แต่เป็นผมของมายมิ้นท์ต่างหาก