รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 411ถูกหรือผิดกันแน
ครั้งก่อนหล่อนดึงผมของมายมิ้นท์ออกมา ใช้เส้นผมบางส่วนในการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ ส่วนที่เหลือหล่อนคิดว่าน่าจะมีประโยชน์ จึงเก็บเอาไว้
อีกทั้งหล่อนยังจัดเก็บเส้นผมเป็นพิเศษและหนีบไว้บนกิ๊บปักผม แล้วติดกิ๊บติดผมอันนั้นทุกวัน เผื่อว่าต้องได้ใช้ยามฉุกเฉิน และสามารถดึงผมของมายมิ้นท์ออกมาได้ตลอดเวลา เหมือนเมื่อสักครู่นี้
ดังนั้นหล่อนจึงปฏิเสธการที่เปปเปอร์ต้องการที่จะช่วยหล่อนปกปิดสถานะ เพราะว่าหล่อนคิดว่าเมื่อมีเส้นผมของมายมิ้นท์แล้ว เรื่องทุกอย่างก็ดีไปหมด
แต่สิ่งที่หล่อนไม่คาดคิดก็คือ ทามทอยจะพาสองสามีภรรยาสุเวทย์มา อีกทั้งมายมิ้นท์ยังต้องการให้หล่อนกับสองสามีภรรยาสุเวทย์ทำการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอด้วย
หล่อนเป็นลูกสาวแท้ๆของสองสามีภรรยาสุเวทย์ หากทำการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ ทุกอย่างก็จะถูกเปิดเผยออกมาทันที ดังนั้นเส้นผมนี้จะถูกถอนออกไปไม่ได้ เจาะเลือดยิ่งไม่ได้ไปใหญ่
แน่นอน หากหล่อนเอ่ยปากให้เยี่ยมบุญนำเส้นผมที่หล่อนเคยให้ ซึ่งเป็นเส้นผมของมายมิ้นท์ แบ่งมาส่วนหนึ่งและให้สองสามีภรรยาสุเวทย์นำไปตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ ผลการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอที่ออกมาจะต้องไม่ใช่พ่อลูกที่แท้จริงแน่ เพียงแต่ว่าหากเป็นเช่นนี้ ทุกคนก็จะสงสัยได้ว่าทำไมหล่อนจึงไม่ยอมถอนเส้นผม แม้กระทั่งสงสัยว่าเส้นผมมีปัญหาอะไรหรือไม่
ดังนั้นหล่อนไม่สามารถทำเช่นนี้ได้
จะทำยังไงดีล่ะ?
ขณะที่ชวนชมเม้มริมฝีปาก จิตใจสับสนวุ่นวายไม่รู้จะทำอย่างไรดีนั้น จู่ๆก็รับรู้ได้ถึงสายตาที่เฉียบคม
ชวนชมรีบเงยหน้าขึ้นไปดู และได้ประสานสายตาที่มืดมิดกับเปปเปอร์พอดี
ช่วงขณะนั้น หล่อนก็ราวกับว่าได้เห็นดวงดาวแห่งความช่วยเหลือ ดวงตาเผยประกายออกมา
ก่อนหน้านี้เขาเคยบอกว่าจะช่วยหล่อนปกปิดสถานะ งั้นตอนนี้ก็ควรทำอย่างที่พูดแล้วได้แล้วสิ?
ขณะที่คิดชวนชมก็สูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นก็ส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปยังเปปเปอร์
ดวงตาของเปปเปอร์เผยประกายออกมาเล็กน้อย และก็เข้าใจอะไรบางอย่าง
ผู้หญิงคนนี้กล้าที่จะตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอก็เพราะว่ามีเส้นผมของมายมิ้นท์
แต่ว่าตอนนี้ หล่อนไม่กล้าที่จะดึงเส้นผมออกมาเพื่อให้สองสามีภรรยาสุเวทย์ตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ ดังนั้นจึงกำลังขอความช่วยเหลือให้เขาช่วยอยู่
หลังจากที่อ่านความหมายของชวนชมเข้าใจแล้ว เปปเปอร์ก็พยักหน้าเล็กน้อย เพื่อบอกเป็นนัยว่า เขารับปาก
ชวนชมคลายความกังวลลง ความรู้สึกหวาดกลัวที่อยู่ในใจค่อยๆจางหายไป พลางยิ้มออกมา“ทราบแล้วค่ะพ่อ เดี๋ยวฉันจะไปถอดเดี๋ยวนี้”
เมื่อพูดจบ หล่อนจึงแรงดึงเส้นผมออกมาสองสามเส้นแล้วยื่นให้กับเยี่ยมบุญ“นี่ค่ะพ่อ”
เยี่ยมบุญยื่นมือรับ จากนั้นให้ผู้ช่วยนำไปใส่ถุงกันน้ำเพื่อแยกไว้
หลังจากใส่เรียบร้อยแล้ว เขามองไปยังมายมิ้นท์และทามทอย“เห็นหรือยังล่ะ ตอนนี้ชวนชมก็ดึงเส้นผมออกมาแล้ว ตอนนี้ถึงตาพวกคุณแล้ว”
“ทามทอย”มายมิ้นท์ตะโกนเรียกทามทอยหนึ่งที
แน่นอนว่าทามทอยไม่พูดไม่จา ทำให้สองสามีภรรยาสุเวทย์ต่างดึงเส้นผมของตนออกมาแล้วใส่ในถุงกันน้ำที่เยี่ยมบุญเตรียมมา
“ตอนนี้ผมจะไปหน่วยงานตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอสักสองสามหน่วยงาน เพื่อตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอด้วยตนเอง”เขาติดฉลากผมเหล่านี้เป็นรายบุคคล แล้วใส่ลงไปในถุงเอกสารขนาดใหญ่
เยี่ยมบุญฮึด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ผมไปด้วย ผมอยากไปดูด้วยตนเอง ใครจะไปรู้ว่าพวกคุณจะเล่นตุกติก เปลี่ยนของที่มีอยู่เดิมหรือเปล่า”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นทามทอย พวกคุณก็ไปด้วยกันเถอะ”มายมิ้นท์พูดขึ้นพลางเม้มริมฝีปาก
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม หล่อนต้องการที่จะพิสูจน์ว่าเจินเจินไม่ใช่ลูกสาวของเยี่ยมบุญ
หล่อนไม่เชื่อว่าองค์กรอื่นก็ถูกเจินเจินซื้อไว้หมดแล้ว
ทามทอยและเยี่ยมบุญเดินออกไปแล้ว เหลือเพียงมายมิ้นท์ เปปเปอร์ คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ ชวนชม และสองสามีภรรยาสุเวทย์
เปปเปอร์เหลือบมองเวลา จากนั้นก้มหน้าพูดขึ้นกับมายมิ้นท์ที่อยู่บนรถเข็นว่า:“นั่งรออยู่ที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร เดี๋ยวผมให้คนจัดเตรียมห้องรับรอง ไปนั่งรอในห้องรับรองเถอะ”
มายมิ้นท์ก็ไม่ได้ปฏิเสธ พยักหน้ารับคำ“ได้ค่ะ”
เธอก็ไม่ได้อยากที่จะรออยู่ที่นี่ หากอยู่ที่นี่นาน เรื่องที่เธอมองไม่เห็น อาจถูกเปิดเผยออกมา
เปปเปอร์เรียกพนักงานให้มาเปิดห้องรับรอง จากนั้นก็ลากมายมิ้นท์เข้าไป
สำหรับคนอื่น เขาไม่แคร์
เมื่อมาถึงห้องรับรอง เปปเปอร์ก็รินน้ำให้กับเธอหนึ่งแก้ว“ดื่มสักหน่อยเถอะ ริมฝีปากของคุณแห้ง”
“ขอบคุณค่ะ”มายมิ้นท์ยื่นมือออกไป เพื่อรับน้ำที่อยู่เบื้องหน้าแก้วนั้น
แต่ว่าเนื่องจากเธอมองไม่เห็น จึงไม่ทราบว่าแก้วน้ำอยู่ตำแหน่งไหน ทำได้เพียงเอื้อมมือออกไปและทดสอบอยู่ในอากาศที่อยู่ตรงหน้าอย่างระมัดระวังเท่านั้น
เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนั้น เปปเปอร์ก็ยิ้มเล็กน้อย จากนั้นคว้ามือของเธอไว้
มายมิ้นท์ตกใจ“คุณทำอะไรของคุณ?”
เธออยากดึงมือกลับมาอย่างอัตโนมัติ
แต่ว่าเปปเปอร์จับแน่นมาก เธอดึงสองทีแต่ก็ดึงกลับมาไม่ได้ อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
“อย่าขยับ!”เปปเปอร์พูดเสียงต่ำ:“คุณขยับ น้ำในมือผมก็แกว่งไปด้วย เดี๋ยวก็หกหมด”
“งั้นคุณก็ปล่อยฉัน”มายมิ้นท์เม้มริมฝีปากพลางพูดขึ้น
เปปเปอร์วางแก้วน้ำในมือของเธอที่เขาจับไว้ “ถือไว้ให้ดี อย่าให้หกล่ะ”
เขาปล่อยมือของเธอลง
มายมิ้นท์ฮึหนึ่งที“ฉันไม่ทำอย่างนั้นแน่ คุณคิดว่าฉันเป็นเด็กเหรอ”
เปปเปอร์เม้มริมฝีปาก แววตาแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มที่ราบเรียบ“อึม คุณไม่ใช่เด็ก”
แต่ว่าในใจของเขา เธอก็ยังคงเป็นเด็กที่มักจะเขียนเรื่องราวทั้งหมดในใจเพื่อบอกเขา
“คุณค่อยๆดื่มนะครับ เดี๋ยวผมออกไปโทรศัพท์ก่อน”เปปเปอร์ลุกขึ้นพลางหยิบโทรศัพท์แล้วพูดขึ้น
มายมิ้นท์ก้มหน้าดื่มน้ำ พลางอึมเบาๆ
เปปเปอร์หยิบโทรศัพท์ออกจากห้องรับรอง หลังจากปิดประตูลง สีหน้าของเขาก็ขรึมลง พลางโทรศัพท์หาผู้ช่วย
“ประธานเปปเปอร์”เสียงขอองผู้ช่วยเหมันตร์ดังเข้ามา
เปปเปอร์พิงกำแพง“ตรวจสอบหน่อยว่า ทามทอยไปตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอที่ไหน แล้วขอเบอร์ผู้รับผิดชอบหน่วยงานนั้นมาให้ผม”
“ได้ครับ”ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้า
เปปเปอร์วางโทรศัพท์ลง และหยิบบุหรี่ออกมาจากซองบุหรี่ จุดไฟหนึ่งมวน หลังจากที่สูบแล้วหนึ่งทีก็คีบไว้ที่นิ้ว
เมื่อควันบุหรี่ลอยขึ้น ก็ปิดบังใบหน้าของเขา ไม่สามารถเห็นอารมณ์บนใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน
เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าการที่ตนทำเช่นนี้ถูกหรือผิดกันแน่
เขารู้เพียงว่าเขาไม่ต้องการให้มายมิ้นท์รู้ความจริง และต้องทนทรมานกับความเจ็บปวดนี้
เธอไม่ควรที่จะต้องพบเจอกับความทุกข์ทรมานอีกต่อไปแล้ว
หวังเพียงว่า เขาจะไม่ได้ทำเรื่องที่ผิดก็แล้วกัน ……
สะบัดเขม่าสองสามที ผู้ช่วยเหมันตร์ก็ส่งผลการตรวจสอบข้อมูลมา
เปปเปอร์ติดต่อกับหน่วยงานตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ และตอบรับสัญญาจากทางด้านนั้น
จากนั้นเขาก็เก็บโทรศัพท์และกลับเข้าไปยังห้องรับรอง
ในห้องรับรองมีเพียงป้าทิพย์คนเดียวเท่านั้น เปปเปอร์ไม่เห็นมายมิ้นท์ รวบรวมสติแล้วรีบถามขึ้นว่า“มายมิ้นท์ล่ะ?”
“คุณมายมิ้นท์อยู่ในห้องน้ำค่ะ”ป้าทิพย์ชี้ไปที่ห้องน้ำ
เปปเปอร์มองตามไป เห็นประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น จึงได้คลายความกังวลลง
เขาคิดว่ามายมิ้นท์จะไปจากที่นี่แล้วเสียอีก
เพราะต้องรู้ว่า เมื่อสักครู่นี่เขาโทรศัพท์อยู่ไม่ไกลจากห้องรับรองนัก หากมายมิ้นท์ออกมาจากห้องรับรอง จะต้องได้ยินข้อแลกเปลี่ยนระหว่างเขากับหน่วยงานพวกนั้นแน่
เมื่อถึงเวลานั้น ทุกอย่างก็คงจะยุ่งยาก
ขณะที่คิด ประตูของห้องน้ำก็ถูกเปิดออก มายมิ้นท์พยุงกำแพงไว้ แล้วเดินออกมาข้างนอก
ป้าทิพย์กำลังคิดที่จะเข้าไปพยุงเธอ แต่เปปเปอร์ขายาวก้าวเพียงหนึ่งทีก็เข้าไปถึงก่อน
เปปเปอร์พยุงแขนของมายมิ้นท์
มายมิ้นท์ได้กลิ่นมิ้นท์ที่ลอยมาจากร่างกายของเขา จึงหยุดฝีเท้าลงทันที “ทำไมถึงเป็นคุณล่ะ?”
“เป็นผมไม่ได้เหรอ?”เปปเปอร์มองไปที่เธอพลางถามกลับ
มายมิ้นท์ขมวดคิ้ว“คุณไม่ใช่พี่เลี้ยงของฉันสักหน่อย เรื่องแบบนี้คุณไม่จำเป็นต้องทำหรอก”
ขณะที่พูด เธอก็ดึงแขนกลับมา เอ่ยปากพลางพูดขึ้นว่า:“ป้าทิพย์ ป้าทิพย์?”
เปปเปอร์หรี่ตาให้กับป้าทิพย์
ป้าทิพย์ยิ้ม ยืนอยู่กับที่ไม่ขยับ และไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ
เปปเปอร์จึงหดสายตากลับด้วยความพึงพอใจ พลางพูดขึ้นกับมายมิ้นท์ว่า:“ป้าทิพย์ไม่อยู่ มีธุระออกไปข้างนอก”
“ออกไปข้างนอกเหรอ?”มายมิ้นท์เม้มริมฝีปาก“หล่อนไปเมื่อไหร่กัน ทำไมไม่เห็นบอกฉันเลย?”
ในฐานะที่เป็นพี่เลี้ยง ไปในไม่ยอมบอกเจ้านาย พฤติกรรมแบบนี้ ก็เท่ากับว่าไม่เคารพในอาชีพ