รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 417 โรคไตวาย
เธอไม่อยากที่จะตาบอดต่อไปแล้ว หากเวลานานไป คงต้องยุ่งยากแน่
ประการแรกในส่วนของเทนเดอร์กรุ๊ป เตชิตจับตามองเธออยู่และต้องการทวงอำนาจการจัดการในมือเธอกลับคืนมาครึ่งหนึ่ง ดังนั้นหากเธอไม่ไปเทนเดอร์กรุ๊ปเป็นระยะเวลานาน เตชิตจะต้องใช้โอกาสนี้ซื้อตัวคนของเธออย่างแน่นอน และสร้างเรื่องขัดขวางเธอมากมาย
ประการที่สองทางด้านของเยี่ยมบุญ แม้ว่าเธอจะปิดบังเรื่องที่ตนมองไม่เห็น แต่หากเยี่ยมบุญตรวจสอบอย่างละเอียด ก็จะทราบว่าเธอตาบอด แม้ว่าคำพูดที่เปปเปอร์พูดออกไปนั้นจะทำให้เยี่ยมบุญไม่กล้าทำอะไรเธอ แต่ว่าการกระทำอย่างลับๆก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถปิดบังเปปเปอร์ได้
ดังนั้น เธอจะต้องรีบทำให้ดวงตากลับมามองเห็นอีกครั้ง เพื่อเทนเดอร์กรุ๊ปและเพื่อตัวเอง
การันต์ก็เป็นนักจิตวิทยาคนหนึ่ง เมื่อเห็นท่าทีที่ร้อนใจของมายมิ้นท์ ก็รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร จึงลูบไหล่ของเธอเบาๆบางพูดขึ้นว่า“ไม่ต้องเป็นกังวล จะต้องหายดีแน่ ตอนนี้ที่ยังไม่กลับสู่ภาวะปกติเป็นเพราะว่าลิ่มเลือดในสมองยังไม่สลายไปจนหมด ตอนที่ตรวจครั้งที่แล้วพบว่า ก้อนเลือดไม่ใหญ่มาก ดังนั้นน่าจะสลายได้เร็วมาก นับเวลาดูแล้วน่าจะไม่กี่วันนี้ก็จะกลับมาเป็นปกติแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ มายมิ้นท์ก็คลายความกังวลลง“ถ้าอย่างนั้นก็ดีค่ะ”
“นอกจากดวงตาที่ยังมองไม่เห็นแล้ว ยังมีส่วนอื่นที่รู้สึกไม่สบายไหมครับ?ยกตัวอย่างเช่นเวียนศีรษะ?”การันต์พิงที่โต๊ะพลางถามขึ้น
มายมิ้นท์ส่ายศีรษะ“ไม่เวียนศีรษะแล้วค่ะ”
“ครับ ผมทราบแล้ว ถ้าอย่างงั้นก็ไม่ต้องสั่งยาใหม่แล้ว”การันต์แกว่งมีดผ่าตัดพลางพูดขึ้น
มายมิ้นท์ลุกขึ้นจากโซฟา“ขอบคุณสำหรับการรักษาของคุณ งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ”
ป้าทิพย์รีบก้าวขึ้นมาข้างหน้า พลางพยุงเธอไปที่รถเข็น
การันต์ก็ลุกขึ้นยืนเช่นเดียวกัน“เดี๋ยวผมไปส่งพวกคุณขึ้นลิฟต์นะครับ”
ทั้งสามเดินออกจากห้องทำงาน แล้วมุ่งหน้าไปที่ลิฟต์
ขณะที่เดินมาถึงยังลิฟต์ จู่ๆป้าทิพย์ก็ร้องขึ้นมา
มายมิ้นท์หันไปถามด้วยความสงสัย“เกิดอะไรขึ้นป้าทิพย์?”
“ฉันเห็นสองสามีภรรยาเยี่ยมบุญค่ะ เพิ่งเดินออกมาจากด้านหน้าของแผนกโรคไต เดินเข้าไปที่ลิฟต์ทางด้านนั้น สีหน้าของทั้งสองไม่ค่อยสู้ดีนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสองสามีภรรยาเยี่ยมบุญ ดวงตาแดงก่ำ เหมือนกับเพิ่งร้องไห้มา”ป้าทิพย์มองไปทางด้านหน้าพลางตอบกลับ
มายมิ้นท์เลิกคิ้ว“แผนกโรคไต ?พวกเขาไปทำอะไรที่แผนกโรคไต?”
ทั้งยังร้องไห้ด้วย คงไม่ใช่เพราะการล้มครั้งนั้น จนบาดเจ็บที่เอวหรอกนะ?
ไม่น่าใช่นะ โดยปกติแล้ว การล้มในขึ้นนี้น่าจะทำให้กระดูกได้รับบาดเจ็บมากกว่า ไม่มีทางที่จะทำลายอวัยวะภายในได้
“อยากรู้เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยาก แค่ผมสอบถามก็รู้แล้ว อย่าลืมสิว่า นี่เป็นโรงพยาบาลของผม”การันต์ขยับแว่นตา พลางพูดขึ้นเสียงเบา จากนั้นก็ไปยังแผนกโรคไต
ป้าทิพย์มองไปยังมายมิ้นท์“คุณมายมิ้นท์ คุณหมอการันต์เดินไปถามแล้ว พวกเราจะเข้าไปหรือว่าจะกลับดีคะ?”
“กลับไปแบบนี้ไม่น่าจะมีมารยาทนัก รออยู่ที่นี่เถอะ”มายมิ้นท์คิดพลางพูดขึ้น
ป้าทิพย์พยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรออกมา พยุงรถเข็นแล้วรออยู่กับเธอ
รอประมาณห้านาที การันต์ก็กลับมา
หลังจากที่มายมิ้นท์ได้ยินป้าทิพย์พูดเตือนขึ้นก็เอ่ยปากถามขึ้นว่า:“เป็นยังไงบ้างคะ?”
“ไตของเยี่ยมบุญมีปัญหา”การันต์ขยับแว่นตาพลางตอบคำถาม
มายมิ้นท์ตกใจ“ไตมีปัญหา?คงไม่ใช่เป็นเพราะล้มจนทำลายอวัยวะภายในหรอกนะ?”
“ไม่ใช่ครับ”การันต์ส่ายศีรษะ“หมอที่ตรวจบอกว่า เยี่ยมบุญมีภาวะไตวายเล็กน้อย”
“ไตวาย!”มายมิ้นท์ร้องด้วยความตกใจ“เขาเป็นโรคไตวาย?”
“ใช่ครับ”การันต์พยักหน้า“เมื่อสักครู่นี้ผมได้ดูข้อมูลการตรวจรักษาของเยี่ยมบุญแล้ว พบว่าเขามีเนื้องอกแต่กำเนิด
แสดงให้เห็นว่าไตมีปัญหาตั้งแต่แรก อีกทั้งตอนนี้ก็เริ่มเข้าสู่ภาวะไตวาย และอัตราของภาวะนี้ค่อนข้างรวดเร็ว”
“นั้นก็หมายความว่า หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนไตเท่านั้นใช่ไหมคะ?”มายมิ้นท์ถามขึ้น
การันต์ยักไหล่ “ประมาณนั้นครับ แต่ว่าเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนก็เหมือนกัน เพราะถ้าจะเปลี่ยนต้องเปลี่ยนทั้งคู่ แต่ไตนั้นหายาก มีข้างหนึ่งที่เข้ากันได้ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว ในขณะเดียวกันการที่จะพบว่าสามารถเข้ากันได้ทั้งสองข้างนั้นยากมาก”
“แต่ว่าฉันได้ยินมาว่า คนมีไตข้างเดียวก็ยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้ ดังนั้นเปลี่ยนแค่ข้างเดียวไม่ได้เหรอคะ?”มายมิ้นท์เอียงศีรษะพลางพูดขึ้น
การันต์แกว่งมีดผ่าตัดพลางพูดขึ้น“ใช่ครับ สำหรับคนที่สุขภาพแข็งแรง มีไตหนึ่งข้างก็สามารถที่จะมีชีวิตอยู่ได้แล้ว แต่สำหรับคนที่มีร่างกายอ่อนแอไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ ดังนั้นมีเพียงพยายามที่จะมีชีวิตรอดเท่านั้นจึงจะอยู่ต่อได้ ดังนั้นเยี่ยมบุญไม่เหมือนกัน หากเขามีไตเพียงข้างเดียว เขาไม่สามารถที่จะมีชีวิตอยู่ได้”
“เพราะอะไรเหรอคะ?”มายมิ้นท์กะพริบตาด้วยความสงสัย
การันต์อธิบาย“เพราะอายุมากแล้ว สภาพร่างกายก็ไม่แข็งแรง นอกจากปัญหาเล็กๆน้อยๆแล้ว หัวใจก็ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นไตเพียงข้างเดียวไม่สามารถรักษาการทำงานพื้นฐานของร่างกายได้เลยและไตที่เพิ่งเปลี่ยนใหม่ก็มีแนวโน้มที่จะล้มเหลวอีกครั้ง ดังนั้นแม้ว่าเขาจะโชคดีสามารถเปลี่ยนไตได้ทั้งสองข้าง แต่สุดท้ายแล้วก็จะล้มเหลวอีกครั้ง”
มายมิ้นท์เข้าใจแล้ว ริมฝีปากแดงขยับเล็กน้อย“ดังนั้นผลของเยี่ยมบุญมีเพียงอย่างเดียวคือความตายเท่านั้น การเปลี่ยนไตก็เป็นเพียงทำให้ตายช้าลงเท่านั้น”
“ใช่”การันต์พยักหน้า
มายมิ้นท์เม้มริมฝีปาก“นี่เป็นเรื่องดีจริงๆ กรรมตามสนองแล้ว!”
เยี่ยมบุญบีบให้พ่อของเธอต้องตาย ตอนนี้ตนเองเป็นโรคไตวาย ก็ถือว่ากรรมตามสนองแล้ว
“คุณหมอการันต์ เขาจะมีชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหนเหรอคะ?”มายมิ้นท์กำมือแน่นพลางถามขึ้น
แว่นตาของการันต์ขยับเล็กน้อย“ถ้าหากไม่มีการเปลี่ยนไต ตามอัตราของไตวายนี้ คาดว่าน่าจะประมาณหนึ่งปี หากมีการเปลี่ยนไต คาดว่าน่าจะภายในสิบปี”
“เหอะ ดีมาก!”มายมิ้นท์ยิ้ม“สมน้ำหน้า!”
ป้าทิพย์เมื่อเห็นเธอดีใจหลังจากทราบว่าเยี่ยมบุญเป็นโรคไตวาย จึงยิ้มพลางพูดขึ้นว่า:“คุณมายมิ้นท์ อย่าพูดแบบนี้สิคะ!”
แม้ว่าหล่อนก็รู้สึกสมน้ำหน้าเยี่ยมบุญ แต่ถึงยังไงเยี่ยมบุญก็เป็นพ่อแท้ๆของคุณมายมิ้นท์ ในฐานะลูกสาว ต่อให้เกลียดพ่อของตนเองมากแค่ไหน ก็ไม่ควรพูดว่าพ่อผู้ให้กำเนิดสมควรป่วย แน่นอนหากเยี่ยมบุญไม่ใช่พ่อแท้ๆของคุณมายมิ้นท์ หล่อนก็คงไม่พูดแบบนี้
เมื่อมายมิ้นท์ได้ยินคำพูดของป้าทิพย์ ก็ขมวดคิ้วพลางพูดขึ้นว่า“ป้าทิพย์ฉันพูดแบบนี้ มันไม่ถูกตรงไหนเหรอคะ?”
พี่เลี้ยงคนนี้อยู่ฝ่ายไหนกันแน่ ทำไมถึงได้ช่วยเยี่ยมบุญพูดล่ะ?
ยังคิดว่าเธอไม่ควรพูดสมน้ำหน้าเยี่ยมบุญด้วย!
ป้าทิพย์ดูออกว่ามายมิ้นท์ไม่พอใจ และรู้ว่าเมื่อสักครู่นี้ตนพูดมากเกินไป จึงรีบอธิบายขึ้นว่า:“เปล่าคะ เปล่าคะ ฉันก็แค่รู้สึกว่าไม่จำเป็นที่จะต้องซ้ำเติมเมื่อเห็นคนอื่นกำลังป่วยหรือได้รับบาดเจ็บก็เท่านั้นเองค่ะ”
“ฉันไม่ได้คิดว่ามันเป็นการซ้ำเติมสักหน่อย อีกอย่างหากฉันจะซ้ำเติมจริงๆ ฉันก็คิดว่าฉันไม่ผิด ฉันกับเยี่ยมบุญเป็นศัตรูกัน ศัตรูไร้ซึ่งวิญญาณ แล้วฉันไม่ควรที่จะดีใจเหรอ?ฉันคงไม่มีความจำเป็นที่ต้องเห็นใจฝ่ายตรงข้าม จากนั้นก็ปล่อยวางความแค้นหรอกนะ?ขอโทษนะคะป้าทิพย์ ที่ฉันไม่ได้จิตใจดีขนาดนั้น เดิมทีฉันก็ไม่ใช่คนจิตใจดีอะไร”ใบหน้าของมายมิ้นท์ไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก และพูดขึ้นอย่างราบเฉย
ความโกรธแค้นของตระกูลกิตติภัคโสภณล้วนกดทับอยู่ที่ตัวเธอ กดทับจนยากที่จะหายใจได้ ในใจมีเพียงความต้องการแก้แค้น แต่ว่าระยะเวลานานขนาดนี้แล้ว การแก้แค้นของเธอก็ยังไปไม่ถึงไหน ในใจของเธอก็รู้สึกร้อนใจเป็นอย่างมาก จนแทบจะทำให้เธอเป็นบ้าแล้ว
ตอนนี้ไม่ง่ายเลยที่จะได้ยินว่าศัตรูป่วย แล้วเธอไม่ควรดีใจเหรอ?
“ขอโทษนะคุณมายมิ้นท์ ฉันพูดผิดเองคะ”รู้ว่ามายมิ้นท์ไม่พอใจตนเองป้าทิพย์จึงรีบขอโทษ
มายมิ้นท์คลึงที่หว่างคิ้ว“ช่างเถอะ ครั้งนี้ยกเว้นให้”
เพราะถึงยังไงอีกไม่กี่วันดวงตาของเธอก็จะกลับมาเป็นปกติแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นก็สามารถส่งตัวป้าทิพย์กลับไปยังบริษัทแม่บ้านแล้ว
“คุณหมอการันต์ พวกเราขอตัวก่อนนะคะ”มายมิ้นท์วางมือลง พลางพูดขึ้นกับการันต์
การันต์พยักหน้า“เดินทางปลอดภัยนะคะ”
“อึม”มายมิ้นท์รับคำ และถูกป้าทิพย์เข็นรถเข้าไปในลิฟต์
มองดูลิฟต์ที่ค่อยๆปิดลง การันต์หยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วโทรออกสายหนึ่ง พลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหดหู่ว่า:“จับตาดูฐานข้อมูลอวัยวะไว้ให้ดี ถ้ามีไตที่สามารถเข้ากับเยี่ยมบุญได้ก็ช่วยผมขวางไว้ก็แล้วกัน!