รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 42 เมื่อคืนออกไปล่าผู้ชายมาเหรอ
ในตอนที่มายมิ้นท์ตื่นขึ้นมาในยามเช้า ยังมีอาการเมาค้างและปวดหัวอยู่เล็กน้อย
เธอลุกขึ้นมานั่งกุมขมับอยู่บนเตียง ผ้าห่มจึงไหลลงมาตามร่างกาย ไม่นานเธอก็รู้สึกเย็นวาบ เมื่อก้มหน้ามอง จึงพบว่าตัวเองสวมใส่แค่เสื้อกล้าม!
เกิดอะไรขึ้น?
ในตอนที่มายมิ้นท์กำลังจะเปิดผ้าห่มออกเพื่อลงจากเตียง หางตาก็เหลือบไปเห็น ผู้ชายอีกคนที่นอนหนุนหมอนอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มหลับสนิทอยู่ในสภาพเปลือยท่อนบน ปอยผมละหน้าผาก ขับให้โครงหน้าหล่อเหลาโดดเด่น เธอตกใจเบิกตาโพลง นั่งเงียบอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน
เมื่อคืนเหมือนเธอจะดื่มเยอะ จนหมดสติไป แต่เหมือนได้ยินเสียงของเปปเปอร์รางๆ…..
หรือว่าเมื่อวานเธอถูกกระตุ้นอารมณ์อย่างหนัก เลยหาผู้ชายมานอนด้วย?
แค่คิดว่าตัวเองนอนกับคนแปลกหน้า มายมิ้นท์ก็แทบไม่อยากมองหน้าผู้ชายที่นอนอยู่ข้างๆ
เธอหยิบเสื้อผ้าบนเก้าอี้มาเปลี่ยน กำลังจะหยิบกระเป๋ามาเพื่อทิ้งเงินเอาไว้ กลับหากระเป๋าไม่เจอ
ในตอนที่หยิบกระดาษขึ้นมาเพื่อทิ้งเบอร์เอาไว้แทน กลับพบว่ามีหมายเลขโทรศัพท์เขียนอยู่บนนั้น ไม่รู้ว่าชายหนุ่มกลัวเธอตื่นขึ้นมาแล้วชิ่งหนีหรือเปล่า ถึงได้เขียนเบอร์เอาไว้แบบนี้
มายมิ้นท์พับกระดาษแผ่นนั้นใส่กระเป๋า แล้วรีบออกไปจากห้องอย่างรวดเร็วราวกับกำลังหนี
ครึ่งชั่วโมงต่อมา หลังจากที่กลับมาอาบน้ำที่บ้านมายมิ้นท์ก็เรียกรถไปที่บริษัท สติของเธอยังไม่กลับมาเต็มที่ เธอยังคงตกอยู่ในภวังค์แห่งการ “เสียตัว”
“ประธานมายมิ้นท์มาแล้ว!”
ในตอนที่มายมิ้นท์ลงจากแท็กซี่ ยังยืนได้ไม่คงที่ ก็มีนักข่าวพุ่งเข้ามาล้อมเธอเอาไว้ทั่วทุกทิศทาง พร้อมกับมีแสงแฟลชสาดใส่หน้าของเธอ
“ประธานมายมิ้นท์ ผู้ชายในคลิปเสียงนั่นคือใครเหรอครับ?”
“เสียงนั้น เหมือนจะไม่ใช่เสียงของนายแบบคนก่อนหน้านี้นะ รบกวนคุณอธิบายทีค่ะ!”
“ประธานมายมิ้นท์ คุณมาที่เทนเดอร์กรุ๊ปเพื่อทำงาน หรือเพราะว่าตำแหน่งรองประธานสามารถเอื้อประโยชน์ให้คุณตกเหยื่อผู้ชายได้สะดวก?”
“………”
คำถามเฉียบแหลมของเหล่านักข่าวถูกพ่นออกมาเป็นชุดราวกับลูกกระสุน
แม้จะไม่รู้ว่าคลิปเสียงที่พวกนักข่าวพูดถึงคืออะไร แต่มายมิ้นท์ก็สามารถควบคุมสีหน้าได้อย่างรวดเร็ว ไม่ยอมให้พวกเขาจับสังเกตความผิดปกติได้แม้แต่นิดเดียว พร้อมกันนั้นก็ดันพวกเขาออก เพื่อจะได้เดินออกมาจากวงล้อม
“ขอโทษนะคะ กรุณาหลีกทางด้วยค่ะ”
“ประธานมายมิ้นท์ที่คุณไม่กล้าตอบคำถาม เพราะว่าร้อนตัวใช่ไหมล่ะ?” มีนักข่าวเอ่ยถามขึ้นมาว่า “ได้ยินมาว่าที่คุณกับประธานเปปเปอร์หย่ากัน ก็เป็นเพราะว่าชีวิตส่วนตัวคุณปล่อยเนื้อปล่อยตัวใช่ไหม?”
“……….”
ในตอนนี้เอง ลาเต้ก็เบียดนักข่าวทั้งหลายเข้ามา แล้วโอบมายมิ้นท์เอาไว้เสมือนผู้พทักษ์ดอกไม้ จากนั้นก็เอ่ยแขวะนักข่าวคนนั้นว่า “คุณพูดว่าได้ยินมา แล้วมันใช่เรื่องจริงไหมล่ะ? งั้นถ้าผมได้ยินมาว่าคุณเป็นGAY คุณคิดว่าคุณเป็นไหมล่ะ?”
นักข่าวคนนั้นถูกลาเต้เอ่ยแขวะจนหน้าดำคล้ำเครียด
ลาเต้มองบนใส่ พร้อมกับปัดไมค์ของนักข่าวที่ยื่นเข้ามาออก พลางเอ่ยพูดขึ้นมาว่า “เสียงผู้ชายในคลิป คือผมเอง ถ้าไม่เชื่อพวกคุณก็ลองเอาเสียงผมไปเทียบดูสิเดี๋ยวก็รู้เองล่ะ”
“มายมิ้นท์คือแฟนของผม พวกเรากำลังคบกันอยู่ เธอก็แค่ไม่อยากเปิดเผย ส่วนเรื่องที่พวกคุณบอกว่าเธอคบหากับราเม็ง ก็แค่เรื่องไร้สาระเท่านั้น! พวกเรากับราเม็งเป็นแค่เพื่อนกัน เพื่อนไปกินข้าวด้วยกันแล้วมันทำไม?”
“แล้วก็ แฟนผมกับประธานเปปเปอร์หย่ากันด้วยดี ส่วนเรื่องมือที่สาม…..” ลาเต้ยิ้มหึออกมา “พวกคุณไปถามประธานเปปเปอร์ไม่ดีกว่าเหรอ ยังไม่แต่งงานก็วิ่งแจ้นไปเฝ้าผู้หญิงอีกคนที่โรงพยาบาลทุกวัน แบบนี้มันหมายความว่ายังไงกัน?”
“เอาล่ะๆ เรื่องที่ควรพูดผมก็พูดมาหมดแล้ว ตอนนี้แยกย้ายได้แล้ว!” ลาเต้ผลักนักข่าวพวกนั้น แล้วเดินฝ่าวงล้อมออกไป
“เดิมทีแฟนของผมก็เป็นคนขี้ตกใจอยู่แล้ว อย่ามาทำให้เธอกลัวสิ พวกคุณขุดหาข่าวจากเธอไม่เจอหรอก ผมได้ยินมาว่าประธานเปปเปอร์กำลังจะแต่งงานใหม่ พวกคุณไปทำข่าวประธานเปปเปอร์ไม่ดีกว่าเหรอ น่าจะได้โบนัสจากการทำข่าวของเขามากกว่านะ”
มายมิ้นท์ “……..”
ลาเต้ผลักไปพลาง เก้าเดินไปพลาง ไม่นานก็โอบมายมิ้นท์ฝ่าวงล้อมออกมาได้ จากนั้นก็เดินตรงเข้าไปในเทนเดอร์กรุ๊ป
มายมิ้นท์หันกลับไปมองพวกนักข่าวที่ยังไม่สลายตัวไปไหน จากนั้นก็ยกนิ้วโป้งให้ลาเต้ “เก่งดีนี่ สมกับที่เลี้ยงมาไม่เสียข้าวสุก”
หลังจากที่หย่าร้างถ้าไม่ได้ลาเต้คอยประคอง คาดว่าเธอก็คงจบเห่ไปแล้ว
“เราอยู่ด้วยมาตั้งยี่สิบกว่าปี เธอเพิ่งจะรู้ว่าฉันเก่งเหรอ?” ลาเต้ส่งเสียงหึออกมา พร้อมกับโอบเธอเดินเข้าไปในลิฟต์ เมื่อกดเลขชั้น ก็ใช้สายตาสำรวจทอดมองมาที่มายมิ้นท์ “เมื่อคืนเธอไม่ได้กลับบ้านนี่ ไปไหนเหรอ กระเป๋าตังค์ก็ไม่ได้เอาไปด้วย?”
ลาเต้เอ่ยถามอย่างจับผิดว่า “ออกไปล่าผู้ชายมาเหรอ?”
เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ มายมิ้นท์ก็นึกไปถึงภาพบาดตาเมื่อเช้า จู่ๆเธอก็รู้สึกร้อนตัวขึ้นมา….
“เมื่อคืนฉันไม่สบาย เห็นพวกนายกำลังสนุกเลยไม่อยากเข้าไปรบกวน ฉันเลยกลับมาก่อน” มายมิ้นท์เอ่ยพูดด้วยใบหน้าซีดๆ จากนั้นก็เปลี่ยนหัวข้ออย่างรวดเร็ว “ว่าแต่คลิปเสียงที่นักข่าวพูดถึงมันคืออะไรเหรอ?”
ลาเต้ขมวดคิ้ว คลำหาโทรศัพท์ พร้อมกับบ่นงึมงำไปพลาง “เมื่อคืนมีคนแอบติดเจ้านี้ไว้ในห้อง”
เขาเปิดคลิปเสียงให้มายมิ้นท์ฟัง
ในคลิปเสียงเป็นคำพูดที่ลาเต้เอ่ยแซวมายมิ้นท์ในห้องส่วนตัวของคลับที่ไปมาเมื่อคืน ซึ่งหลังจากนั้นจะเป็นตอนที่มายมิ้นท์อธิบายให้ชาหวานฟัง แต่เห็นได้ชัดว่าในคลิปจงใจตัดส่วนนี้ออก แถมยังเพิ่มบทสนากุ๊กกิ๊กของผู้ชายกับผู้หญิงเข้าไป ไม่ว่าใครได้ฟังต่างก็จินตนาการไปต่างๆนานา
“ตั้งใจตัดต่อคำพูดให้กลายเป็นอย่างนี้ ก็คงวางแผนมาดีพอสมควร” มายมิ้นท์แสยะยิ้มเย็น “ดูกล้องได้ไหมว่าใครเป็นคนทำ?”
“ดูไม่ได้ มันค่อนข้างยุ่งยากน่ะ” ลาเต้ส่ายหน้าแล้วถอนหายใจออกมา “เมื่อวานมีพนักงานเข้ามาในห้องหลายคน เลยไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ ไล่ถามทีละคน ก็คงไม่ได้คำตอบอยู่ดี”
มายมิ้นท์เองก็พอจะเข้าใจ สีหน้าของเธอจึงเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
แต่จะว่าไปคนที่ชักใยเรื่องนี้อยู่เบื้องหลัง เธอมีผู้ต้องสงสัยอยู่ในใจหนึ่งคน นั้นก็คือ——ส้มเปรี้ยว
เธอเพิ่งหย่ากับเปปเปอร์ เพื่อนในกลุ่มก็มีไม่เยอะ และแทบจะไม่ได้บาดหมางกับใคร
มีส้มเปรี้ยวที่อคติกับเธอมาตั้งแต่ไหนแต่ไร อีกอย่างเมื่อคืนลาเต้ยังสบประมาทส้มเปรี้ยวไปซะยกใหญ่ ส้มเปรี้ยวดูมีแรงจูงใจในการเล่นงานเธอที่สุดแล้ว
ติดแค่ไม่มีหลักฐานมายืนยันว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของส้มเปรี้ยว
ในขณะที่มายมิ้นท์กำลังเหม่อลอย ลาเต้ก็ไม่พลาดเก็บรายละเอียดทุกอย่างบนสีหน้าของเธอ จับสังเกตความผิดปกติได้อย่างว่องไว “เมื่อคืนเธอไม่ได้ออกไปล่าผู้ชายแน่นะ?”
“ก็บอกแล้วว่าไม่ไง” มายมิ้นท์เหลือบตามองบน พยายามทำเป็นนิ่ง “ผู้ชายคนไหนก็ไม่หล่อเท่านายหรอกน่า!”
ลาเต้นิ่งไปชั่วครู่ จากนั้นก็มองสำรวจมายมิ้นท์ขึ้นๆลงๆ จิ๊ปากพร้อมกับลูบคางแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “ฉันอยากใช้ร่างกายปลอบใจเธออยู่นะ แต่ว่ามิ้นท์เธอมันผอมเกินไป ฉันชอบอวบๆหน่อย แบบอกใหญ่ตูดใหญ่อะไรประมาณนี้”
มายมิ้นท์ “……….”
จนกระทั่งลิฟต์เปิดออกมา มายมิ้นท์ถึงได้เดินออกมาก่อน “ถ้าไม่มีอะไรนายก็กลับบริษัทนายได้แล้ว ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากนาย!”
“มิ้นท์ ใจร้ายจริงๆเลยนะ” ลาเต้เดินตามมา แล้วโอบไหล่ของเธอเอาไว้
“เมื่อกี้ถ้าไม่ได้ฉัน เธอก็คงถูกคำถามของพวกนักข่าวพ่นใส่จนตายไปแล้ว ตอนนี้พอหมดประโยชน์ ก็จะเขี่ยฉันทิ้งเหรอ? เธอเป็นแฟนฉันเลยนะ ต่อให้บริษัทฉันล่มจม ก็ไม่สำคัญเท่าเธอหรอกน่า!”
เลขาซินดี้เพิ่งส่งเอกสารเสร็จกำลังเดินออกมาจากห้องทำงานของ มายมิ้นท์ ได้ยินคำพูดของลาเต้เข้าพอดี
เมื่อเห็นลาเต้โอบไหล่มายมิ้นท์อย่างใกล้ชิด เธอก็เอ่ยถามด้วยใบหน้าตกใจว่า “ประธานมายมิ้นท์…..พวกคุณคบกันจริงๆเหรอ?”