รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 421 พุ่งเต็มหน้า
เปปเปอร์?
มายมิ้นท์ขมวดคิ้ว
เขามาทำอะไรที่นี่?
“ให้เขาเข้ามาเถอะ”ริมฝีปากแดงเรื่อของมายมิ้นท์ได้ขยับเล็กน้อยๆ พร้อมพูดด้วยเสียงที่เย็นชา
ตรงที่ประตู ก่อนที่ป้าทิพย์จะถ่ายทอดความหมายของเธอนั้น เปปเปอร์ก็ได้เดินด้วยฝีก้าวอันใหญ่เข้าไปในบ้านแล้ว โดยเดินตรงไปทางห้องรับแขก
“มายมิ้นท์”พอเห็นมายมิ้นท์ที่นั่งอยู่บนโซฟานั้น เปปเปอร์ได้เรียกเธอด้วยเสียงที่นุ่มนวล
มายมิ้นท์ได้หันศีรษะไปเล็กน้อยและมองไปทางเขา“ประธานเปปเปอร์ คุณมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?”
“มาส่งของให้คุณหน่อยน่ะ”เปปเปอร์ได้นั่งลงตรงหน้าของเธอ
ใบหน้าของมายมิ้นท์นั้นเต็มไปด้วยความสงสัย “มาส่งของให้ฉัน?ขอประทานโทษนะ ฉันไม่คิดว่าฉันมีของอะไรที่จะลืมไว้ที่คุณเลย ยังรบกวนคุณมาส่งด้วยตัวคุณอีก”
“ไม่ใช่ของที่คุณลืมเอาไว้เลย แต่เป็นของที่ท่านย่าให้ผมเอามาให้คุณน่ะ”สายตาของเปปเปอร์นั้นได้มองลงไป จากนั้นก็ได้ยื่นถุงหิ้วไปให้เธอ
มายมิ้นท์มองไม่เห็น แน่นอนว่าถุงหิ้วนั้นก็ต้องเป็นป้าทิพย์ที่เป็นคนรับมันมาแทน
มายมิ้นท์ได้กะพริบตาพร้อมกับถามว่า“ท่านย่าให้คุณเป็นคนส่งมาหรือ?เธอให้คุณส่งอะไรมา?”
“เป็นชุดเครื่องประดับ”นัยน์ตาของเปปเปอร์เปล่งประกายแหลมคมพร้อมตอบว่า:“ท่านย่ารู้ว่าคุณจะมาร่วมงานครบรอบแปดสิบปีของเธอ ฉะนั้นในขณะที่ดีใจมากนั้น ก็ได้หยิบชุดเครื่องประดับที่เธอสวมใส่ในสมัยที่ยังสาวๆ ออกมา หวังว่าพอถึงเวลานั้นแล้วคุณจะสวมใส่มันมาร่วมงาน”
“ใช่หรือ?”มายมิ้นท์หรี่ตาลง เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่
เปปเปอร์พยักหน้าด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยน“แน่นอน คุณสามารถโทรไปถามท่านย่าได้เลย”
มายมิ้นท์เงียบขรึม
ในไม่กี่วินาทีต่อมา เธอได้ถอนหายใจ“ฉันเข้าใจแล้ว ช่วยขอบคุณท่านย่าแทนฉันที แล้วฉันจะสวมใส่มันไปเมื่อถึงเวลา”
“ถ้าเช่นนั้นก็ดี”เปปเปอร์ยิ้มมุมปากเล็กน้อย
เขารู้อยู่แล้ว ว่าเธอไม่มีทางโทรไปหาท่านย่าอย่างแน่นอน เพราะด้วยนิสัยของเธอนั้น ตราบใดที่ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรล่ะก็ เธอแทบจะไม่ไปรบกวนถึงท่านย่าแน่นอน
ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับท่านย่าจะดีแค่ไหน แต่เพราะได้หย่าร้างกับเขาแล้ว เธอก็พยายามที่จะไม่ติดต่อกับท่านย่าโดยไม่มีเรื่องอะไรบ่อยนัก ดังนั้นเขาจึงรู้แต่แรกแล้ว ว่าเธอจะไม่ไปขอพยานปรักปรำกับท่านย่าแน่ๆ และแน่นอนว่าเขาเดาถูก
เมื่อเห็นว่ามายมิ้นท์รับเครื่องประดับที่เปปเปอร์ได้ส่งมานั้น ป้าทิพย์มองดูมายมิ้นท์ ก็ได้ถามด้วยความกล้าว่า:“คุณมายมิ้นท์คะ จะให้ฉันเปิดดูไหมคะว่ามันเป็นเครื่องประดับแบบไหน?”
มายมิ้นท์ได้พยักหน้าตอบตกลง “เปิดเลยค่ะ”
“ค่ะ!” ป้าทิพย์ยิ้มพร้อมตอบตกลงไป จากนั้นก็ได้เปิดกล่องในขณะเดียวกันกับเปปเปอร์ที่พยักหน้าตอบตกลง ได้นำกล่องเครื่องประดับนั้นออกจากถุงหิ้วนั้นแล้วเปิดอย่างช้าๆ
พอเห็นข้างในนั้นเป็นชุดเครื่องประดับหยกจักรพรรดิ ป้าทิพย์ตกตะลึงจนอ้าปากค้างไว้
นี่……นี่เป็นของคุณนายไม่ใช่หรือ?
ในฐานะที่เป็นคนรับใช้ที่รับใช้แม่ของเปปเปอร์มานานหลายปีนั้น แน่นอนว่าป้าทิพย์จำได้ในพริบตา ชุดเครื่องประดับนี่ ไม่ใช่ของท่านย่าอย่างแน่นอน แต่เป็นสินสอดทองหมั้นของอดีตคุณนาย
ฉะนั้นแล้วเมื่อสักครู่คุณชายใหญ่ได้โกหก และหลอกลวงคุณมายมิ้นท์
ดูเหมือนว่าเขาจะดูออกว่าป้าทิพย์กำลังคิดอะไรอยู่ เปปเปอร์พยักหน้าเล็กน้อย ถือได้ว่ายอมรับแล้ว
มุมปากของป้าทิพย์นั้นได้กระตุกเล็กน้อย
คุณชายใหญ่ของฉันคะ คุณทำเช่นนี้ ไม่กลัวว่าคุณมายมิ้นท์มารู้ทีหลังแล้ว จะโกรธเอาเหรอคะ?
เปปเปอร์เข้าใจที่สื่อแล้ว ได้ก้มมองลงไปไม่ได้ตอบสนองกลับใดๆ
มายมิ้นท์ไม่รู้ว่าสองคนนี้ได้สื่อสารอะไรลับๆกันอยู่ เธอไม่ได้ยินเสียงที่ป้าทิพย์เปิดกล่องแล้ว ได้เอ่ยปากถามขึ้นมาว่า:“ป้าทิพย์ ได้เปิดกล่องแล้วหรือยังคะ?”
ป้าทิพย์ได้หายใจเข้าลึกๆ ระงับความกระสับกระส่ายในใจ แล้วตอบด้วยรอยยิ้มว่า:“ได้เปิดแล้วค่ะ เป็นชุดเครื่องประดับหยกจักรพรรดิ”
“พู๊ด!”มายมิ้นท์ที่กำลังดื่มน้ำนั้น พอได้ยินคำพูดนี้ น้ำในปากพุ่งออกมาทันที
เปปเปอร์ที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอนั้น โดนน้ำพุ่งใส่หน้าในทันที ใบหน้าอันหล่อเหลานั้นเปียกไปหมดทั้งหน้า
ไม่เพียงแต่แค่ใบหน้า และยังมีเส้นผมอีก
ผมข้างหน้าที่อยู่ตรงหน้าผากเขานั้นเปียกและอยู่เป็นก้อนๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นยังมีน้ำหยดอยู่ และเขานั้นอาจจะยังไม่เคยประสบกับเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย เขาตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง ดูไปทั้งตัวแล้วทั้งคับขันลำบากและทั้งตลก
ป้าทิพย์ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา“คุณเปปเปอร์คุณ……”
พอได้ฟังเสียงหัวเราะของป้าทิพย์แล้ว มายมิ้นท์ได้ตระหนักว่าตัวเองนั้นอาจจะก่อเรื่องแล้ว มือที่ถือแก้วน้ำไว้นั้นจับแน่นขึ้น หลังก็เหยียดตรงขึ้นเล็กน้อย“คือว่า……ป้าทิพย์ เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ หรือเมื่อสักครู่ฉัน……”
“ไม่เป็นอะไร”เปปเปอร์หายใจเข้าลึกๆ ในที่สุดก็หายตกใจ แล้วยกมือขึ้นเช็ดน้ำบนใบหน้าเขา พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
พอป้าทิพย์เห็นสถานการณ์เช่นนี้แล้ว รีบไปหยิบกระดาษทิชชู่ออกมาสองแผ่นแล้วยื่นให้“คุณเปปเปอร์คะ นี่ค่ะ”
“ขอบคุณครับ”เปปเปอร์ได้ขอบคุณเขา แล้วรับทิชชูมาเช็ดหน้าตัวเอง
มายมิ้นท์ได้ยินเสียงที่ดึงกระดาษทิชชูออกมา ทันใดนั้นก็มั่นใจได้ว่า เมื่อตะกี้ตัวเธอเองนั้นได้พุ่งน้ำโดนเขา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็รู้สึกเกรงใจอยู่เล็กน้อย เธอกัดริมฝีปากแล้วพูดว่า:“ป้าทิพย์ ช่วยหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหม่มาให้ประธานเปปเปอร์หน่อยค่ะ”
“ได้เลยค่ะ”พอเห็นมายมิ้นท์จะเอาผ้าเช็ดตัวให้กับเปปเปอร์ ป้าทิพย์ดีใจเป็นอย่างมาก รีบตอบกลับ แล้วเดินไปที่ห้องน้ำ
เปปเปอร์ก็มองดูมายมิ้นท์ด้วยความเหลือเชื่อ“คุณ……”
“ทำไมหรือ?”มายมิ้นท์ถาม
ลูกกระเดือกของเปปเปอร์นั้นขยับเล็กน้อยๆ“คาดไม่ถึงว่าคุณจะให้คนเอาผ้าเช็ดตัวมาให้ผมด้วย”
ถ้าตามความเป็นจริงแล้ว ด้วยความเย็นชาที่เธอมีต่อเขา ความเพิกเฉยนั้นเป็นเรื่องที่ปกติที่สุดมากว่า
ดังนั้นเธอเอาผ้าเช็ดตัวให้กับเขา จึงเป็นเรื่องที่ตกตะลึงเป็นพิเศษ
มายมิ้นท์ได้กัดริมฝีปากของเธอ แล้วพูดอย่างเฉยเมยว่า:“มันตกตะลึงมากหรือไง?ฉันรู้ว่าตัวฉันเองได้ก่อเรื่องแล้ว ฉะนั้นจึงเอาผ้าเช็ดตัวให้กับคุณ ก็ถือว่าเป็นการขอโทษสำหรับตัวฉันก็เท่านั้น อีกอย่าง เมื่อสักครู่ฉันได้ขอโทษแล้ว ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
เมื่อเห็นท่าทีขอโทษของเธอแล้ว เปปเปอร์ก็ได้ยิ้มมุมปากเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า“ผมรู้ ผมไม่ได้โทษคุณ”
เขาจะโทษเธอได้อย่างไรละ
ริมฝีปากของมายมิ้นท์ได้ขยับเล็กน้อย และไม่ได้พูดอะไรอีก
เพราะไม่รู้ต้องพูดอะไรอีกแล้ว
และอีกอย่าง เธอได้ขอโทษไปแล้ว เขาก็พูดว่าไม่ได้ใส่ใจอะไร หากว่าเธอยังคงพูดว่าเมื่อสักครู่ตัวเธอเองไม่ได้ตั้งใจนั้น กลับดูเหมือนว่ามีความเสแสร้งไปเล็กน้อย
และในตอนนี้ ป้าทิพย์ก็ได้เอาผ้าเช็ดตัวมา แล้วให้เปปเปอร์“คุณเปปเปอร์คะ นี่ค่ะ”
เปปเปอร์ยื่นมือไปรับมา ได้วางไว้บนศีรษะของเขาแล้วเช็ดผมของเขา
มายมิ้นท์ได้ยินเสียงที่เขากำลังเช็ดผม ได้หรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วกลับไปพูดประเด็นก่อนหน้านั้นอีกรอบ“ว่าแต่ประธานเปปเปอร์ ทำไมท่านย่าถึงให้ฉันสวมใส่เครื่องประดับอันล้ำค่านี้ล่ะ?”
นี่คือสิ่งที่เธอไม่สามารถเข้าใจได้เลย
ต้องรับรู้ ว่าก่อนหน้านั้นท่านย่าไม่เคยให้เครื่องประดับอะไรแก่เธออยู่แล้ว
แน่นอน วิลล่าหรือรถอะไรนั้นเคยให้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเธอได้ปฏิเสธไปหมดเลย
เปปเปอร์ได้คิดก่อนหน้านั้นไว้อยู่แล้วว่าเธอต้องมีข้อสงสัยเช่นนี้แน่นอน วางผ้าเช็ดตัวไว้ข้างๆ พร้อมตอบกลับว่า:“เพราะว่าท่านย่านั้นครบรอบแปดสิบปี ต้องเรียนเชิญนักธุรกิจจำนวนมาก และหนึ่งในนั้นส่วนมากจะเป็นผู้มีอำนาจทางธุรกิจที่ไม่ใช่ของเมืองเดอะซี แต่เป็นของเมืองปักษา เมืองพอร์ต(港市)และของต่างประเทศ และพวกนี้ ส่วนใหญ่แล้ว คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะได้เจอทั้งนั้น”
ถึงแม้ว่าคำพวกนี้ฟังดูน่าเกลียดไปหน่อย แต่มันก็เป็นความจริง
ผู้มีอำนาจเหล่านี้ ต่อให้เป็นเอสซีที่มีสถานะที่มั่งคั่งอย่างเยี่ยมบุญ ก็ไม่มีสิทธิ์นั้น ไม่ต้องพูดถึงมายมิ้นท์เลย
มายมิ้นท์ก็รับรู้ถึงจุดจุด นี้ เพราะฉะนั้นแล้วจึงไม่ได้โกรธอะไร เพียงแต่ถามด้วยความเย็นเยือกว่า“แล้วยังไงต่อ”
“ในผู้มีอำนาจเหล่านี้ หนึ่งในนั้นมีบางส่วนที่เป็นอุตสาหกรรมของบริษัท เหมือนกับของเทนเดอร์กรุ๊ป หากเทนเดอร์กรุ๊ปต้องการที่จะพัฒนา ก็จำเป็นที่จะต้องร่วมมือกับบริษัทเหล่านี้ และเธอในฐานะที่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของเทนเดอร์กรุ๊ป ก็จำเป็นจะต้องทำความรู้จักกับผู้มีอำนาจเหล่านี้ และเปิดหูเปิดตาให้กว้างขึ้น มีเส้นสายของตัวเธอเอง เพียงเท่านี้ อำนาจที่อยู่ในมือของรองประธานอย่างคุณ จึงจะมีสิทธิ์ในการพูดมากขึ้นเรื่อยๆ พอถึงเวลานั้นคุณสามารถนำการจัดการสิทธิ์อีกครึ่งหนึ่งในมือของเตชิตกลับคืนมาได้ตลอดเวลา”เปปเปอร์มองไปที่เธอและพูด
สีหน้าของมายมิ้นท์นั้นมีความจริงจังเคร่งขรึมขึ้นมาทันที ฝ่ามือของเธอก็ค่อยๆ กำแน่นขึ้น
ต้องบอกว่า คำพูดของเปปเปอร์เหล่านี้ พูดแทงความในใจของเธอหมด
และแน่นอน ในช่วงนี้เธอปวดหัวกับเรื่องของการพัฒนาหลังจากนั้น และเส้นทางในอนาคตของเทนเดอร์กรุ๊ปมาโดยตลอด
เทนเดอร์กรุ๊ปประสบความสำเร็จอย่างมั่นคงโดยการร่วมมือกับบริษัทในเครือของบริษัทตระกูลนวบดินทร์ แต่ความมั่นคงนั้น ไม่ได้หมายถึงเทนเดอร์กรุ๊ปมีการพัฒนาความก้าวหน้าแล้ว แต่เพียงเปลี่ยนจากที่เทนเดอร์กรุ๊ปอาจล้มละลายตลอดเวลา เป็นไม่ล้มละลายเท่านั้น แต่ก็ไม่อาจพัฒนาคืบหน้าได้เลย
ดังนั้นหากเทนเดอร์กรุ๊ปต้องการพัฒนา และต้องการเติบโตยิ่งใหญ่ จะไม่เพียงแค่อาศัยความร่วมมือกับบริษัทในเครือของบริษัทตระกูลนวบดินทร์เท่านั้น แต่จำเป็นต้องร่วมมือใหม่กับบริษัทอื่น เปิดช่องทางการร่วมมือที่กว้างขวางมากยิ่งขึ้น