รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 424 ดวงตามองเห็นแล้ว
เปปเปอร์พยักหน้าเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่าเขาหมายถึงเช่นนี้
ผู้ช่วยเหมันตร์ตอบด้วยสีหน้าจริงจัง“ผมเข้าใจแล้ว เดี๋ยวผมจะติดต่อไปที่ทีมสืบสวนทางนั้นทันที อีกอย่าง หลังจากที่รูปถ่ายของคุณนายถูกส่งไปให้ทีมสืบสวนตรวจสอบว่ามีลายนิ้วมือของฆาตกรเหลืออยู่หรือไม่แล้ว จะส่งกลับมาให้”
เปปเปอร์ตอบรับ“เข้าใจแล้ว”
ผู้ช่วยเหมันตร์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ได้ติดต่อไปที่ทีมสืบสวนแล้ว
สองนาทีต่อมา เขาก็ได้วางสายแล้วจ้องมองมาทางเปปเปอร์“ประธานเปปเปอร์ครับ ได้สั่งไปเรียบร้อยแล้ว ทางนั้นจะส่งคนไปตรวจสอบที่เมืองน้ำรุ้ง”
เมืองน้ำรุ้ง ก็คือที่อยู่กองบัญชาการใหญ่ของตระกูลมหาณธรในเมื่อก่อน ก่อนที่คุณแม่ของประธานเปปเปอร์จะแต่งงานนั้น ก็เป็นคนในเมืองน้ำรุ้ง
ดังนั้นหากต้องการสืบสวนคนที่คุณนายเคยคบหาในก่อนหน้านั้น ก็คงต้องไปสืบสวนที่เมืองน้ำรุ้ง
“ในระหว่างที่ไปสืบสวนนั้น สั่งให้พวกเขาอย่าทำให้เรื่องเป็นเรื่องใหญ่ อย่าให้เบาะแสแพร่กระจายแหวกหญ้าให้งูตื่น”เปปเปอร์กำชับพร้อมนวดหว่างคิ้ว
หากว่าฆาตกรคือคนที่เขาคิดจริงๆ
ถ้าเช่นนั้นละก็คนคนนั้นอาจจะยังอยู่ที่เมืองน้ำรุ้ง หากไม่ไตร่ตรองให้ดีๆ ก่อนไปสืบสวน มันจะง่ายต่อการที่จะทำให้คนนั้นหนีไปก่อน
สิ่งที่เขาคิดนั้น ถ้ามันใช่คนคนนั้นจริง ก็เร่งรีบไปจับไว้ แต่ไม่ใช่ว่าต้องมาแสดงเรื่องราวการวิ่งไล่ตามอีก
และอีกอย่างก็อยากแก้แค้นแทนคุณพ่อด้วย ได้คิดไตร่ตรองมานานกว่าสิบสองปีแล้ว!
“วางใจได้เลยครับประธานเปปเปอร์ ผมก็คำนึงถึงเรื่องนี้เช่นกัน ดังนั้นเมื่อสักครู่ได้กำชับพวกเขาเรียบร้อยแล้ว”ผู้ช่วยเหมันตร์ได้จับแว่นของเขาแล้วพูด
เปปเปอร์พยักหน้าตอบ“ถ้าเช่นนั้นก็ดี”
หลังจากนั้น เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปยังชั้นหนึ่งของอาคารฝั่งตรงข้ามครู่หนึ่ง จากนั้นจึงดึงสายตากลับและเปิดประตูรถ“ไปเถอะ”
“ครับ!”ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้า
……
สองวันต่อมา เมื่อมายมิ้นท์ตื่นขึ้นในตอนเช้า เธอลืมตาขึ้นและพบว่าดวงตาของเธอเห็นแสงวาววับนั้นเล็กน้อย
มันคือแสงสว่างจริงๆ!
ถึงแม้ว่าจะมองไม่ค่อยชัดสักเท่าไหร่ว่ามันคืออะไร แต่แสงวาววับเล็กน้อยนั่น ทำให้เธอเข้าใจได้ว่า ดวงตาของเธอจะหายดีแล้ว
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ มายมิ้นท์ได้กำมือของเธออย่างแน่นหนาด้วยความตื่นเต้น และตะโกนออกมาอย่างมีความสุข
เมื่อป้าทิพย์ที่กำลังทำอาหารเช้าอยู่ได้ยิน นึกว่าเธอเกิดเรื่องอะไรขึ้น เธอตกใจมากจึงรีบทิ้งตะหลิวในมือแล้วปิดไฟ เธอไม่แม้แต่จะเคาะประตู ก็เปิดประตูและเข้าไปในห้องนอนของเธอเลย ถามด้วยความเร่งรีบว่า:“คุณมายมิ้นท์ คุณเป็นอะไรคะ?”
พอมายมิ้นท์ได้ยินคำถามของป้าทิพย์ และตระหนักว่าป้าทิพย์อาจเข้าใจผิดเสียงกรีดร้องของเธอในเมื่อสักครู่นั้น จึงรีบตั้งสติให้สงบลง แล้วหันไปทางหน้าประตู
เพียงแค่หันไปอีกรอบนี้ เธอก็พบเซอร์ไพรส์อีกครั้งหนึ่ง เพราะว่าเธอเห็นมีโครงร่างคลุมเครือของคนที่อยู่ตรงนั้น
ถึงแม้ว่ามันจะคลุมเครืออย่างมาก แต่เธอมั่นใจได้ว่า ที่ตรงนั้นเป็นคน ก็คือป้าทิพย์
“ป้าทิพย์。”มายมิ้นท์ได้ลองเปิดปากเรียก
หลังจากนั้นเธอก็เห็นโครงร่างคลุมเครือของคนที่อยู่ตรงนั้นได้ขยับเล็กน้อย
เป็นป้าทิพย์จริงๆด้วย
พอป้าทิพย์มองดูตัวของมายมิ้นท์ที่สั่นระริกนั้น หัวใจพลันกระตุกวาบ รีบเดินเข้าไปหา“คุณมายมิ้นท์คะ เกิดอะไรขึ้นกับคุณกันแน่คะ?พูดสิคะ อย่าทำให้ฉันตกใจ”
ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับคุณมายมิ้นท์ละก็ คุณชายใหญ่ต้องบ้าคลั่งแน่ๆ
มายมิ้นท์ฟังน้ำเสียงของป้าทิพย์ออกว่าเต็มไปด้วยความกังวลและตกใจ หายใจเข้าลึกๆ และตั้งสติ พร้อมตอบด้วยรอยยิ้มว่า:“ฉันไม่เป็นอะไรค่ะป้าทิพย์ ขอโทษด้วยนะคะ ที่ทำให้คุณตกใจ”
“ไม่เป็นอะไร?” เห็นได้ชัดว่าป้าทิพย์ไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่นัก เธอก้มลงดูมายมิ้นท์ที่นั่งอยู่บนเตียงอย่างละเอียด
แต่พอมองดูรอบๆแล้ว ก็ไม่พบว่าเธอมีอะไรที่แปลกหูแปลกตาจริงๆ
นี่มันช่างแปลกประหลาดซะจริง
“คุณมายมิ้นท์คะ คุณไม่เป็นอะไรจริงๆ หรือคะ?” ป้าทิพย์ก็ยังถามด้วยความไม่ไว้วางใจอีกครั้ง “เมื่อสักครู่คุณได้กรีดร้อง และร่างกายของคุณก็ยังสั่นอยู่เลย”
มายมิ้นท์ได้หัวเราะ“ไม่เป็นอะไรจริงๆค่ะ เมื่อสักครู่ร่างกายฉันสั่นและฉันกรีดร้องนั้น ก็เพราะว่าฉันดีใจมากเกินไปต่างหากล่ะ”
“ดีใจ?” ใบหน้าของป้าทิพย์นั้นเต็มไปด้วยความสงสัย“คุณมายมิ้นท์ มีเรื่องดีอะไรหรือคะ?”
มายมิ้นท์พยักหน้าอย่างหนัก น้ำเสียงของเธอนั้นเต็มไปด้วยความสุข “มีค่ะ ดวงตาของฉันสามารถมองเห็นสิ่งของได้หน่อยแล้วค่ะ”
พอได้ยินเช่นนี้ ป้าทิพย์ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากได้เธอค่อยตอบสนองได้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “คุณมายมิ้นท์คะ นี่เป็นเรื่องจริงใช่ไหมคะ?คุณสามารถมองเห็นได้แล้วจริงๆ หรือคะ?”
มายมิ้นท์พยักหน้า“มันคือเรื่องจริงค่ะ แต่ยังไม่ถือว่ามองเห็นเลย เพียงแต่เห็นแค่โครงร่างของสิ่งของที่เลือนราง แต่ฉันไม่สามารถมองเห็นได้ชัดว่ามันคืออะไร รวมถึงสีด้วย”
“นั่นก็ไม่เลว” ป้าทิพย์ตื่นเต้นมาก“ถ้าพอมองเห็นโครงร่าง แสดงว่าตาเริ่มหายดีแล้ว คุณมายมิ้นท์คะ ดีใจด้วยนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ”
“อีกสักครู่พวกเราไปโรงพยาบาลกันเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น” ป้าทิพย์ได้เสนอแนะ
มายมิ้นท์ตอบตกลง
เธอก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน
ในตอนนี้ดวงตาของเธอสามารถมองเห็นแสงได้แล้ว ยาหยอดตาที่ใช้ ก็จำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่ แน่นอนว่าต้องไปตรวจดูที่โรงพยาบาล
“ป้าทิพย์ พาฉันไปที่ห้องอาบน้ำหน่อย ฉันจะอาบน้ำแต่งตัว แล้วจะไปโรงพยาบาลเช้าๆ”มายมิ้นท์นำผ้าห่มบนร่างกายของเธอออก
เธอต้องการให้สายตาของเธอหายดีอย่างเร็วที่สุด และกลับไปที่เทนเดอร์กรุ๊ป
ในช่วงเวลานี้ งานของเธอนั้นได้ฝากให้เต้ไปหมด
แม้ว่าเต้จะมีตำแหน่งผู้จัดการในเทนเดอร์กรุ๊ปก็ตาม แต่เตชิตก็ยังคงไม่พอใจเต้ เพราะคิดว่าเต้แย่งตำแหน่งผู้บริหารนั้นไป ทำให้เขาไม่สามารถยกตำแหน่งผู้บริหารนี้ให้กับคนที่เขาวางใจได้ ดังนั้นได้ยินเลขาซินดี้พูดว่าหลายวันมานี้ เตชิตนั้นจ้องแต่จะหาเรื่องเต้ตลอด และเต้นั้นทั้งๆที่เป็นคนที่ขี้โมโหอยู่แล้ว แต่เพื่อเธอแล้วกลับทนมาโดยตลอดไม่คิดที่จะลาออกจากเทนเดอร์กรุ๊ป
แม้ว่าเธอทั้งโกรธและโมโหมากนัก อยากจะช่วยเต้โต้กลับเอาคืนไปบ้าง แต่เพราะว่าตาของเธอนั้นมองไม่เห็น เธอจึงแทบจะไม่กล้าปรากฏตัวในบริษัทเลย ฉะนั้นเธอรู้สึกผิดต่อเต้มาก ในตอนนี้สิ่งที่เธอปราถนาที่คือการที่สายตาหายดีแล้วรีบกลับไปที่เทนเดอร์กรุ๊ป ให้เตชิตเห็นดีสักหน่อย
ไม่นานนัก มายมิ้นท์ก็ได้อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ และทานข้าวเช้าเรียบร้อย ก็ได้ไปโรงพยาบาลนิวเวอร์โดยมีป้าทิพย์ไปเป็นเพื่อน
ในระหว่างทางที่ไปนั้น เธอได้โทรไปหาการันต์เพื่อนัดจองแล้ว
ทันทีที่เธอมาถึงโรงพยาบาล ป้าทิพย์เห็นการันต์ยืนอยู่ที่ประตูโรงพยาบาล ดูเหมือนจะมารับมายมิ้นท์ด้วยตนเอง
นี่ทำให้ป้าทิพย์อดไม่ได้ที่จะระมัดระวังแทนคุณชายใหญ่ของตัวเอง
เธอไม่รู้ว่าคุณหมอการันต์นี่มีความสัมพันธ์อะไรกับคุณมายมิ้นท์ แล้วทำไมถึงดีกับคุณมายมิ้นท์มาก
จะบอกว่าคุณหมอการันต์ชอบคุณมายมิ้นท์นั้น ก็ไม่เหมือนสักเท่าไหร่ เพราะว่าในสายตาของคุณหมอการันต์นั้น มองไม่เห็นถึงความรู้สึกที่มีต่อคุณมายมิ้นท์เลย
จะบอกว่าไม่ชอบนั้น ก็ไม่ขาดตกบกพร่องต่อคุณมายมิ้นท์เลย ดีจนไม่รู้จะดียังไงแล้ว ดังนั้นนี่เป็นสิ่งที่ทำให้คนไม่เข้าใจอย่างมาก
ในขณะที่คิดอยู่นั้น การันต์ก็เดินมาหาแล้ว ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่ใบหน้าของมายมิ้นท์ซึ่งถูกป้าทิพย์ประคับประคองอยู่ “เมื่อครู่นั้นคุณพูดทางโทรศัพท์ว่าตาของคุณสามารถเห็นแสงได้งั้นหรือ?”
“อื้อ”มายมิ้นท์พยักหน้า
การันต์จ้องมองไปที่ดวงตาของเธอ“แล้วในตอนนี้คุณสามารถมองเห็นผมไหม?”
“พอมองเห็นโครงร่างของคุณ นอกเหนือจากนั้น ทั้งหน้าตาหรือการแต่งตัว และสีของเสื้อผ้านั้นมองไม่เห็นเลย”มายมิ้นท์ตอบกลับ
การันต์ได้ขยับแว่นตาของตัวเอง “ผมอาจจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแล้ว ก่อนอื่นไปที่แผนกสมองและระบบประสาทก่อน และทำ CT เพื่อดูว่าลิ่มเลือดทั้งหมดหายไปหรือเปล่า จากนั้นผมจะไปที่แผนกจักษุวิทยาเพื่อทำการตรวจอีกครั้ง”
“คุณจัดเตรียมเลย”มายมิ้นท์ได้กล่าว
ทั้งสามคนได้เดินเข้าประตูโรงพยาบาล
หลังจากนั้นไม่นาน การันต์ก็พามายมิ้นท์เข้าไปที่ห้อง CT ของแผนกสมองและระบบประสาท
ป้าทิพย์ยืนอยู่ข้างนอก หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรไปหาเปปเปอร์
เปปเปอร์กำลังประชุมอยู่ พอได้ยินเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์นั้น ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ขณะที่เขากำลังจะหยิบมาวางสาย เขาก็เหลือบเห็นหมายเลขผู้โทรบนหน้าจอ หลังของเขาก็เหยียดตรงขึ้นเล็กน้อย
หลังจากนั้น เขาก็ยกมือขึ้น
ตรงจอภาพใหญ่นั้น ผู้จัดการแผนกที่กำลังอธิบายแผนงานของตัวเองนั้นก็ได้หยุดอธิบายทันที และทั้งห้องประชุมก็ได้เงียบลงโดยสิ้นเชิง
เปปเปอร์เลื่อนปุ่มสีเขียวนั้นเพื่อรับสาย พอรับโทรศัพท์แล้ว“ผมเอง”
พอป้าทิพย์ได้ยินเสียงพูดนั้นเป็นของเขา มืออีกข้างของเธอได้ปิดปากไว้ ลดเสียงลงแล้วพูดว่า:“คุณชายใหญ่คะ ข่าวดีค่ะ ตาของคุณมายมิ้นท์จะหายดีแล้วค่ะ”
“คุณพูดจริงหรือ?”นัยน์ตาของเปปเปอร์นั้นเป็นประกายวาววับ ทุกคนในห้องประชุม สัมผัสได้ถึงเขาที่อารมณ์ดีเป็นอย่างมาก
สิ่งนี้ทำให้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันและเดาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ที่ทำให้ประธานเปปเปอร์มีความสุขมากขนาดนี้
“พูดจริงค่ะ คุณมายมิ้นท์พอมองเห็นโครงร่างของสิ่งของเล็กน้อยค่ะ ตอนนี้เธอกำลังตรวจดูตาของเธอในโรงพยาบาลอยู่ค่ะ คุณชายใหญ่คะ คุณจะมาไหมคะ?” ป้าทิพย์ได้ถาม
เปปเปอร์พยักหน้า “ได้ครับ อีกสักครู่ผมจะตามไป”
พอวางสาย เปปเปอร์ก็เก็บโทรศัพท์ เก็บใบหน้าที่อ่อนโยนนั้นในทันที และคืนใบหน้าที่เย็นยะเยือกไร้ความรู้สึกนั้นกลับมา “คุณพูดต่อเลย