รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 449 ราเม็งลาออกจากวงการ
มายมิ้นท์เม้มปาก “ใช่แล้ว”
“เป็นไปได้ยังไง!” ลาเต้ตกใจ “เขาจะเป็นคนสองบุคลิกได้ยังไง? เขาแค่ป่วยทางจิตไม่ใช่เหรอ?”
มายมิ้นท์กำมือแน่น “คุณลืมไปแล้วเหรอ การันต์เคยบอกว่า ถ้าอาการป่วยทางจิตรุนแรงขึ้นในระดับหนึ่ง ก็เป็นไปได้ที่จะกลายเป็นคนสองบุคลิก และเมื่อก่อนตอนที่การันต์รักษาอาการป่วยทางจิตให้ราเม็ง เขาเคยบอกฉัน ว่าราเม็งมีความเป็นไปได้สูงที่จะกลายเป็นคนสองบุคลิก แต่คิดไม่ถึงว่ามันจะเกิดขึ้นตอนนี้”
เธอมองไปที่ราเม็งด้วยสายตาที่สับสน
ราเม็งยิ้มให้เธอ ราวกับไม่รู้ว่าคนที่กำลังถูกพูดถึงคือตัวเอง
ลาเต้กลืนน้ำลาย “ผมเคยเห็นในทีวี หลายคนที่จิตใจได้รับการกระทบอย่างรุนแรง จะกลายเป็นคนสองบุคลิก หรือว่าการตกหน้าผาของคุณกระทบกับจิตใจของเขา ด้านมืดของเขาก็เลยโผล่ออกมาแบบนี้?”
เขาชี้ไปที่ราเม็ง
ราเม็งมองมือเขาแล้วหรี่ตาลง จากนั้นจึงปัดมือเขาออก “โผล่ออกมาอะไรกัน ผมอยู่ที่นี่ตลอด แต่ว่าไอ่หมอโง่นั่นกดทับผมไว้ ไม่ยอมให้ผมออกมา จนกระทั่งตอนนี้ เขารู้ว่าตัวเองทำร้ายพี่มายมิ้นท์ จิตใจอ่อนแอ ในที่สุดผมก็ได้ออกมา”
ได้ยินแบบนี้ สีหน้าของมายมิ้นท์ก็เปลี่ยนไป “นายหมายความว่า นายเกิดมาตั้งนานแล้วเหรอ? แล้วราเม็งก็รู้ว่ามีนายอยู่?”
“ไม่จริงใช่ไหม?” ลาเต้ตกใจ
ราเม็งดึงเก้าอี้มานั่ง ยกขาขึ้นมานั่งไขว่ห้างแบบที่เมื่อก่อนไม่เคยทำ แล้วตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน “ใช่แล้ว เราไม่เพียงแต่รู้ว่ามีกันและกันอยู่ เรายังเคยคุยกันอีกต่างห่าง”
“คุยกันได้ด้วย?” ลาเต้มองไปที่ราเม็งด้วยความตกใจ “เป็นไปได้ยังไง?”
“ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ ผมเกิดขึ้นมาในวันเกิดสิบแปดปีของไอ่หมอโง่นั่น ช่วงที่ผมพึ่งจะเกิดขึ้นมา ก็เคยสลับร่างกับไอ่หมอโง่นั่น จากนั้นผมและเขาก็คุยกันตอนที่เขาเขียนคลิปบอร์ด รู้จักทุกอย่างของกันและกัน ผมรู้ว่าคนที่ไอ่หมอโง่นั่นเป็นห่วงมากที่สุดก็คือพี่มายมิ้นท์ และผมก็ได้รับอิทธิพลจากเขา ผมค่อยๆเกิดความสนใจในพี่มายมิ้นท์”
พูดถึงตรงนี้ ดูเหมือนว่าราเม็งจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาหัวเราะอย่างเย็นชา “แต่หลังจากที่ไอ้หมอโง่นั่นรู้ เขากลับไปหาจิตแพทย์ อยากจะกำจัดผม แต่น่าเสียดายที่ผมแข็งแกร่งมาตั้งแต่เกิด เลยผ่านครั้งนั้นมาได้ แต่ว่าผมก็ต้องหลับใหลไป จนในที่สุดก็ตื่นขึ้นมาเมื่อสามวันก่อน และตอนนี้…”
ราเม็งกางแขนออก ทำท่าทีสบายใจ “ร่างนี้ ในที่สุดก็เป็นของผม ผมอยากทำอะไรก็ทำได้ ความแค้นในตอนนั้น ผมก็จะคืนกลับไปให้เขา ทำให้ไอ่หมอโง่นั่นหายไปอย่างไร้ร่องรอย แบบนี้ ร่างนี้ก็จะกลายเป็นของผม”
“ไม่ได้!” มายมิ้นท์กังวล เธอจับผ้าห่มแล้วมองไปที่เขา “นี่คือร่างของราเม็ง เขาเป็นเจ้าของร่างนี้ นายจะทำแบบนั้นไม่ได้!”
“ทำไมจะไม่ได้?” ราเม็งสบตาเธอแล้วยิ้ม “ผมคิดว่าร่างนี้เหมาะสมที่จะให้ผมใช้งานสุดที่ ให้ไอ่หมอโง่นั่นใช้มันไร้ประโยชน์ ไอ่หมอโง่นั่นชอบพี่มายมิ้นท์ แต่ไม่กล้าพูดออกมา แต่กลับเลียนแบบเปปเปอร์ แสร้งทำเป็นคนอ่อนโยนต่อหน้าพี่มายมิ้นท์ ซ่อนนิสัยที่แท้จริงของตัวเองเอาไว้ โง่จริงๆ แต่ผมไม่เหมือนเขา”
เขาโน้มตัวลงไปหามายมิ้นท์แล้วจงใจพูดเบาๆ ทำให้น้ำเสียงฟังดูมีเสน่ห์และเซ็กซี่ “ผมชอบพี่มายมิ้นท์ ผมก็กล้าบอกพี่มายมิ้นท์ตรงๆ แล้วผมก็ยังไม่ซ่อนนิสัยที่แท้จริงของตัวเอง ผมจริงใจกว่าเขาตั้งเยอะ แล้วไอ่หมอโง่นั่นไม่ยอมกลับไปสืบทอดธุรกิจของตระกูลอัครเดชโภคิน ก็เพราะว่าแค้นไอศูรย์ ปล่อยให้ลูกนอกสมรสจัดการธุรกิจของตระกูล”
เขาบ่น “เขาคิดว่าที่เขาทำแบบนี้มันสูงส่งมาเหรอ แต่ผมคิดว่า มันโง่สิ้นดี ถึงแม้ว่าจะเกลียดไอศูรย์ แต่การสืบทอดธุรกิจของตระกูลกับการเกลียดไอศูรย์มันไม่ได้ขัดแย้งกัน เขาสามารถสืบทอดธุรกิจของตระกูล และไล่ไอศูรย์ออกไปจากตระกูล แต่เขาคิดไม่ถึง แล้วยังปล่อยให้ตัวเองตกเป็นเป้าหมายของลูกนอกสมรส สุดท้ายก็ปล่อยให้พี่มายมิ้นท์ถูกลูกนอกสมรสจับตัวไป ถ้าเป็นผม ผมคงฆ่าไอ่ลูกนอกสมรสไปตั้งนานแล้ว แล้วผมสู้ไอ่หมอโง่นั่นไม่ได้ตรงไหน พี่มายมิ้นท์ พี่มายมิ้นท์รับผมไปพิจารณาหน่อยสิ”
“อย่าแม้แต่จะคิด!” มายมิ้นท์ยังไม่ได้พูดอะไร ลาเต้ก็ผลักราเม็งออกไป
ดูเหมือนราเม็งจะโมโหเข้าแล้ว เขาเหลือบมองไหล่ที่ถูกผลักของตัวเอง จากนั้นก็หันไปมองลาเต้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ชั่วร้าย “ลาเต้ ผมไม่ใช่ไอ่หมอโง่นั่น ไอ่หมอโง่นั่นจิตใจชั่วร้าย ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนเลว แต่เขายังสามารถอดทนต่อคนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวเอง แต่ผมทำไม่ได้ ถ้าคุณกล้ายั่วโมโหผม ผมก็กล้าฆ่าคุณ”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและไร้อารมณ์
ลาเต้ตัวแข็งทื่อ “นาย…”
“เต้” มายมิ้นท์เปิดผ้าห่มออก จับแขนเขาแล้วส่ายหน้าเบาๆ “ไม่ต้องไปยุ่งกับเขา เราไม่รู้จักเขา อย่าหุนหันพลันแล่น”
ตั้งแต่วินาทีที่ราเม็งคนนี้ปรากฏตัวขึ้นมา เธอก็รู้ว่า คนคนนี้ไม่ใช่คนดีแน่นอน
ถึงแม้ว่าราเม็งคนก่อนจะแสร้งทำเป็นคนอ่อนโยน แต่จริงๆแล้วกลับเป็นคนจิตใจชั่วร้าย แต่ว่าเขาก็ยังมีความดี และนิสัยที่แท้จริงของเขา ก็สุขุมมากกว่า
แต่ราเม็งคนนี้เป็นคนเลวอย่างสมบูรณ์แบบ นิสัยอันธพาล ไม่มีระเบียบ ทำให้คนอื่นไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ วินาทีต่อไปจะทำอะไร เขาคือคนบ้าดีๆนี่เอง
คนแบบนี้ จะลงไม้ลงมือกับเขาตรงๆไม่ได้ และเป็นศัตรูกับเขาไม่ได้
เห็นท่าทีหวาดระแวงของมายมิ้นท์ ราเม็งแสร้งทำเป็นถอนหายใจด้วยความผิดหวัง “พี่มายมิ้นท์ ดูเหมือนพี่มายมิ้นท์จะกลัวผมมาก คุณทำแบบนี้มันทำให้ผมเสียใจ คุณไม่เห็นทำแบบนี้กับไอ่หมอโง่นั่น คุณอ่อนโยนและใจดีกับเขา แต่ทำไมกลับเย็นชากับผมแบบนี้ ผมคือราเม็งไง”
“ไม่ คุณไม่ใช่ราเม็ง ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นจิตใต้สำนึกที่เกิดจากร่างนี้ แต่คุณไม่ใช่ราเม็งที่ฉันรู้จัก” มายมิ้นท์พูดอย่างเย็นชา
ลาเต้พยักหน้า “ใช่แล้ว”
ราเม็งหรี่ตาลงแล้วยิ้มอย่างแผ่วเบา “พี่มายมิ้นท์ใจร้ายจริงๆ ปฏิเสธผมแบบนี้ แต่ไม่เป็นไร ผมจะทำให้คุณยอมรับผมให้ได้”
“คุณคิดมากไปแล้ว ฉันไม่มีทางยอมรับคุณแน่นอน ตอนนี้ไม่มีทาง ต่อไปก็ไม่มีทาง” มายมิ้นท์ตอบอย่างตรงไปตรงมา
ราเม็งของเธอไม่ใช่คนที่อยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้
ราเม็งไม่โกรธ เขายักไหล่ “คำเดิม ผมจะทำให้คุณยอมรับผมให้ได้ แต่ว่าตอนนี้ไม่ได้ ผมต้องกลับเมืองปักษาแล้ว ไปจัดการเรื่องวุ่นวายพวกนั้น จัดการเสร็จแล้วผมจะกลับมา ตอนนั้น ผมไม่เพียงแต่จะทำให้คุณยอมรับผม แล้วผมยังจะตามจีบคุณอย่างเปิดเผย เชื่อผมสิ ผมคือคนที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุด “
พูดจบ ราเม็งก็ยิ้มเป็นนัยให้เธอ จากนั้นก็เดินออกไปจากห้องผู้ป่วย
มายมิ้นท์กัดริมฝีปาก มองไปที่ประตูห้องผู้ป่วย ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
และเมื่อลาเต้ปิดประตูแล้วเดินกลับมา เขาโมโหเป็นอย่างมาก “ไอ้สารเลวคนนี้ไม่ใช่ราเม็งจริงๆด้วย คำพูดพวกนี้ ราเม็งไม่มีทางพูดออกมา ไม่ได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ที่รัก คุณคิดว่าราเม็งทำอะไรอยู่กันแน่ ทำไมถึงยอมให้คนแบบนี้ครอบงำร่างของตัวเอง?”
มายมิ้นท์ส่ายหน้า “ฉันไม่รู้ สิ่งที่ฉันเป็นห่วงตอนนี้ก็คือ เขาคนนั้น จะไปหาจิตแพทย์เพื่อกำจัดราเม็งจริงๆ แบบนั้น ราเม็งก็จะกลับมาไม่ได้อีก ร่างนั้น ก็จะกลายเป็นของเขาจริงๆ”
“แต่ว่าเรื่องนี้ เราห้ามไม่ได้ เขาจะไปเมืองปักษาแล้ว เราไปกับเขาไม่ได้ เราไม่มีทางห้ามไม่ให้เขาไปหาจิตแพทย์เพื่อกำจัดราเม็ง” ลาเต้พูดเบาๆ
มายมิ้นท์หลับตาลง “ใช่ เราทำอะไรไม่ได้จริงๆ ตอนนี้เราทำได้แค่หวังว่าราเม็งจะเป็นเหมือนเขาคนนั้น หลับใหลไปด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า แต่ไม่ได้ถูกกำจัดไป แบบนี้ เรายังสามารถเรียกราเม็งกลับมาได้”