รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 456 การกระทำของคนใจแคบ
เนื่องจากท่าทีคุณมายมิ้นท์ที่ปฏิบัติต่อเปปเปอร์นั้น มองไม่ออกว่าเธอจะทำอาหารเย็นให้ประธานเปปเปอร์กินได้ด้วยตนเอง
อีกอย่าง ก่อนหน้านี้ตอนที่ประธานเปปเปอร์ยังไม่ได้ช่วยคุณมายมิ้นท์ ก็ไม่เคยเห็นคุณมายมิ้นท์ทำอาหารให้ประธานเปปเปอร์ประธานเลยสักครั้ง
ดังนั้นตอนนี้เมื่อเขาได้ยินว่ามายมิ้นท์จะทำอาหารให้ประธานเปปเปอร์กินด้วยตนเอง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อยากจะเชื่อ
เปปเปอร์เห็นสายตาอันแปลกประหลาดใจในดวงตาของผู้ช่วยเหมันตร์ เขาก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายหนึ่งคิดอะไรอยู่ ริมฝีปากเรียวบางเผยอขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงเผยถึงความเย่อหยิ่งและโอ้อวดออกมาว่า “ไม่เหมือนตัวเธอตรงไหน? เธอไม่เพียงจะทำอาหารให้ผมกิน แต่ว่านับจากนี้เธอจะดูแลผมด้วยตัวเอง”
“จริงหรือครับ?” ผู้ช่วยเหมันตร์ไม่เพียงแค่เบิกตากว้างอย่างเดียวเท่านั้น แต่ปากของเขาก็อ้ากว้างมากขึ้นด้วย
เปปเปอร์หรี่ตามองดูเขา “คิดว่าผมจะหลอกคุณหรือไง?”
“……” ผู้ช่วยเหมันตร์ไม่รู้จะพูดอะไรออกมา
แน่นอนว่าไม่มีเหตุผลอะไรต้องหลอกเขา
เนื่องจากมันไม่มีประโยชน์
ดังนั้นนี่คือความจริง คุณมายมิ้นท์จะดูแลประธานเปปเปอร์จริงๆ!
“ประธานเปปเปอร์ครับ คุณเป็นคนเสนอขึ้นมาเองหรือว่า……”
“เธอเป็นคนบอกเอง” เปปเปอร์ตอบเขากลับไปอย่างตรงไปตรงมา
ผู้ช่วยเหมันตร์ใช้มือกุมไปที่คางแล้วครุ่นคิด “ถ้าอย่างนั้นคงจะเป็นเพราะคุณมายมิ้นท์รู้สึกซาบซึ้งใจที่ท่านช่วยเธอเอาไว้ในครั้งนี้ ว่าแต่ประธานเปปเปอร์ครับ ท่านตั้งใจจะทำอย่างไร?”
“หมายความว่ายังไง?” เปปเปอร์เปปเปอร์หรี่ตาลง
ผู้ช่วยเหมันตร์มองไปทางเขา “ก็เรื่องโอกาสนะสิครับ นี่คือโอกาสอันดีที่จะได้คืนดีกับคุณมายมิ้นท์ การที่คุณช่วยเธอเอาไว้ในครั้งนี้ไม่มี หากเปรียบเทียบกับการที่คุณเคยช่วยเธอเอาไว้ครั้งก่อนก่อนแล้ว ครั้งนี้มันช่างน่าประทับใจเหลือเกิน จากที่คุณมายมิ้นท์ตั้งใจจะอยู่ดูแลท่าน ก็พอจะมองออกว่าคุณมายมิ้นท์ไม่ได้เกลียดท่านแล้ว เธอติดหนี้บุญคุณท่านครั้งใหญ่ ดังนั้นหากว่ายื่นข้อเสนอขอคืนดีกับเธอ คาดว่าเธอก็คงจะตอบตกลง”
ต้องยอมรับว่านี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากมาก
อีกทั้งยังเป็นโอกาสที่น่าจะประสบผลสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์
แต่เปปเปอร์กลับไม่เคยคิดถึงมันมาก่อน ต่อให้ได้ยินผู้ช่วยเหมันตร์พูดขึ้นแบบนี้ ในใจของเขาก็ไม่ได้รู้สึกสั่นไหวแม้แต่น้อย กลับตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ผมจะไม่ทำแบบนั้นแน่”
“ทำไมล่ะครับ?” ผู้ช่วยเหมันตร์รู้สึกไม่เข้าใจเอาเสียจริง
ประธานเปปเปอร์รักคุณมายมิ้นท์เสียขนาดนั้น รักมากเสียจนไม่คิดแม้แต่ชีวิตตนเอง
ในเมื่อมีโอกาสอันดีที่จะขอคืนดีกับคุณมายมิ้นท์ได้ แต่ทำไมประธานเปปเปอร์จึงได้ปฏิเสธกันเล่า?
สิ่งนี้ทำให้ผู้ช่วยเหมันตร์ไม่เข้าใจเลยเสียจริง
เปปเปอร์เอื้อมไปหยิบเอกสารฉบับหนึ่งมาเปิดดู “ถ้าผมทำแบบนั้น มันจะแตกต่างอะไรกับการนำบุญคุณเอามาบีบบังคับเธอ อีกอย่างนี้มันเป็นวิธีการของคนใจแคบ ผมจะทำแบบนั้นโดยไม่สนใจอะไรไม่ได้หรอก ถ้าอยากจะได้ตัวเธอกลับมาก็ควรที่จะใช้วิธีอันสะอาดเปิดเผย ให้เธอกลับมาอยู่ข้างกายผมด้วยความยินยอมของเธอเอง แต่ไม่ใช่โดยวิธีอันสกปรกแบบนี้”
“อีกอย่าง ต่อให้ผมใช้วิธีนี้แล้วได้เธอกลับมาครอบครอง ก็คงมีแต่จะทำให้เธอโกรธเกลียดผมมากกว่าเดิม แม้ว่าตอนนั้นพวกเราจะคืนดีกันแล้ว แต่ถึงอย่างไรเราก็ยังคงเป็นคู่สามีภรรยาที่มีแต่ความเคียดแค้นต่อกัน นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากได้ เข้าใจไหม?” เขาเหล่ตาไปมองดูผู้ช่วยเหมันตร์
เมื่อฟังออกว่าน้ำเสียงของประธานเปปเปอร์ดูไม่พอใจเท่าไรนัก ผู้ช่วยเหมันตร์ก็ก้มหน้าลงและตอบว่า “ขอโทษด้วยครับประธานเปปเปอร์ ผมไม่คิดให้ดีก่อนพูด”
“ถ้ารู้ก็ดีแล้ว และต่อจากนี้อย่าได้พูดถึงอีก” เปปเปอร์เปิดฝาปากกาออกแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“ครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้าตอบรับ
เปปเปอร์เซ็นชื่อของตนลงไปบนเอกสาร “อ้อจริงสิ ตอนนี้สถานการณ์ของราเม็งเป็นยังไงบ้าง?”
“เขา?” แววตาของผู้ช่วยเหมันตร์แฝงไปด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย “เขาได้ลาออกจากวงการบันเทิงและกลับไปอยู่ที่เมืองหลวงแล้วครับ”
“กลับไปเมืองหลวง?” เปปเปอร์ที่กำลังเปิดเอกสารอีกฉบับหนึ่งออกดูก็ชะงักลงแล้วเงยหน้ามองดู “เรื่องนี้มันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“เมื่อวานนี้ในตอนเช้าเองครับ คาดว่าอีกไม่นานก็คงจะได้ยินข่าวคราวในวงการว่าคุณชายทายาทผู้สืบทอดตระกูลอัคคเดชโภคินกลับคืนสู่ตระกูลแล้ว” ผู้ช่วยเหมันตร์ตอบ
เปปเปอร์หมุนปากกาในมือ “นั่นหมายความว่าราเม็งตั้งใจจะกลับไปยังตระกูลอัคคเดชโภคินเพื่อแย่งชิงตำแหน่งทายาทสืบทอดอย่างงั้นหรือ?”
“น่าจะเป็นอย่างนั้นครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้า “ในครั้งนี้ การกระทำต่างๆ ที่องอาจ ทำขึ้นก็เพื่อจะแย่งชิงตำแหน่งทายาทสืบทอดตระกูลอัคคเดชโภคิน ทำให้ราเม็งรู้สึกโมโหขึ้นมาจริงๆ ดังนั้นคาดว่าราเม็งคงจะไม่ปล่อยองอาจ และบุตรนอกสมรสของคนอื่นไปแน่”
“จับตามองดูราเม็งเอาไว้ เขาจะต้องไปตามหาองอาจแน่ๆ เพียงแค่จับตามองดูราเม็ง การที่พวกเราตามหาองอาจจนพบก็มีความเป็นไปได้สูง” เปปเปอร์หรี่ตาลงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
ผู้ช่วยเหมันตร์มองไปทางเขาด้วยแววตาสงสัยข้องใจ “ประธานเปปเปอร์ครับ ทำไมถึงพูดแบบนั้น?”
“ลืมไปแล้วหรือไงว่าข้างกายของมายมิ้นท์มีแฮกเกอร์ที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถคอยช่วยเหลือเธออยู่?” เปปเปอร์เงยหน้าถาม
ผู้ช่วยเหมันตร์อ้าปากตอบขึ้นว่า “ผมไม่ได้ลืมครับ เป็นคนที่ลักพาตัวส้มเปรี้ยวไป จากนั้นก็จัดการกับเอสซีกรุ๊ปที่มีมูลค่ามากถึงห้าร้อยล้าน เขาคือชายเจ้าเล่ห์นั่นเอง”
“ถูกต้องแล้ว ชายเจ้าเล่ห์คนนั้นก็คือราเม็ง” เปปเปอร์พูด
ผู้ช่วยเหมันตร์ได้ยินดังนั้นก็ตกใจ “เป็นไปได้ยังไงครับ ในตอนนั้นพวกเราเคยสงสัยว่าชายเจ้าเล่ห์จะเป็นราเม็ง แต่สุดท้ายแล้วเมื่อสืบออกมาก็เห็นได้ชัดนี่ครับว่าชายเจ้าเล่ห์ไม่ใช่ราเม็ง”
“การที่แฮกเกอร์คนหนึ่งต้องการจะปิดบังตัวตนของตนเองและข้อมูลต่างๆ มันเป็นเรื่องที่ง่ายดายเหลือเกิน” เปปเปอร์เปิดเอกสารดูแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ผู้ช่วยเหมันตร์จึงไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
ผ่านไปสักพัก เขาจึงได้สูดลมหายใจเข้าแล้วพูดออกมาว่า “ถูกหลอกเข้าแล้วจริงๆ ผมเข้าใจแล้วครับประธานเปปเปอร์ ผมจะสั่งให้คนไปจับตามองดูราเม็ง”
ราเม็งเป็นแฮกเกอร์ คงจะตามตัวองอาจพบก่อนพวกเขา
เพียงแค่จับตามองดูราเม็งเอาไว้ เมื่อราเม็งหาตัวองอาจจนเจอ นั่นก็หมายความว่าพวกเขาก็หาตัวองอาจเจอเช่นกัน
“เอาล่ะ คุณออกไปก่อนเถอะ ไว้ตอนกลางคืนค่อยมาเอกสารเหล่านี้กลับไป” เปปเปอร์ออกคำสั่ง
ผู้ช่วยเหมันตร์โค้งกายลงรับคำสั่ง “ได้ครับประธานเปปเปอร์ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อน”
เมื่อพูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไปทันที
อีกด้านหนึ่ง ณ คอนโดพราวฟ้า
มายมิ้นท์กำลังต้มโจ๊กหมูให้กับเปปเปอร์อยู่ในครัว เธอสวมผ้ากันเปื้อนเอาไว้ ในมือถือทัพพีทำอาหารแล้วคนไปมา
โจ๊กหมูนั้นจะต้องทำให้ข้นสักหน่อยถึงจะอร่อย แต่หากว่าไม่คอยยืนคนอยู่แบบนี้ก็จะทำให้ไหม้ได้ง่าย
ทันใดนั้นเสียงกริ่งที่ประตูก็ดังขึ้น
มายมิ้นท์มองไปยังโจ๊กที่อยู่ในหม้อ เธอรู้สึกว่ามันกำลังพอดีจึงได้ปิดเตาแล้วเดินออกจากห้องครัวไปทางประตู “ใครคะ?”
“ที่รัก ผมเอง” น้ำเสียงที่ออกมาจากกล้องตรงประตูดังขึ้น
มายมิ้นท์จึงได้เปิดประตูออกไปและมองเห็นลาเต้ซึ่งยืนอยู่หน้าประตูพร้อมอาหารบำรุงสุขภาพในมือมากมาย เธอจึงเผยอริมฝีปากเอ่ยถามขึ้นว่า “มาได้ยังไงคะเนี่ย?”
“ผมมาเยี่ยมคุณ ก็เลยเอาของติดไม้ติดมือมาบ้างนิดหน่อย เอ้านี่ ของเหล่านี้ล้วนเป็นของบำรุงสุขภาพที่ค่อนข้างได้ผล คุณลองกินดูนะ ลาเต้ยื่นถุงในมือมากมายไปให้เธอ
มายมิ้นท์ทำตัวไม่ถูก เธอไม่ค่อยอยากได้มันสักเท่าไหร่
แต่เธอรู้ดีว่าหากเธอไม่เอาล่ะก็ คนคนนี้คงจะบังคับยัดเยียดใส่มือเธอแน่นอน
ดังนั้นก็ช่างมันเถอะ เธอควรรับเอาไว้ดีกว่า
“ขอบคุณมากนะคะ” มายมิ้นท์เอื้อมมือไปรับถุงมาจากเขา
ลาเต้สูดจมูกฟุตฟิต “หอมจังเลย ที่รักครับคุณกำลังทำอาหารอยู่เหรอ?”
“ค่ะ” มายมิ้นท์ยื่นรองเท้าแตะคู่หนึ่งให้กับเขา “เข้ามาก่อนสิคะ”
ลาเต้จึงได้เปลี่ยนรองเท้าแล้วเดินตรงเข้าไปข้างในบ้านของเธอด้วยท่าทางตื่นเต้นดีใจ เขาเอามือถูไถกันไปมา “ดูเหมือนผมจะมาได้จังหวะพอดีเลยนะครับ ที่รักคุณทำอะไรกินบ้าง?”
“ฉันยังไม่ได้ลงมือกินเลยค่ะ” มายมิ้นท์นำอาหารบำรุงสุขภาพเหล่านั้นวางไว้บนโต๊ะน้ำชาแล้วพูดขึ้น
“ยังไม่ได้กินเหรอ แล้วทำไมถึงมีกลิ่นหอมแบบนี้ออกมาจากในครัวล่ะ? ผมได้กลิ่นนะเหมือนจะเป็นโจ๊กหมู แล้วกลิ่นของไข่แดง คุณทำขนมด้วยเหรอ?”
คำพูดของเขาเมื่อครู่ทำให้มายมิ้นท์ตกใจไม่น้อย “คุณเป็นสุนัขหรือไง ถึงได้จมูกดีได้กลิ่นอะไรทุกอย่างแบบนี้?”
“เหอะๆ” ลาเต้ยิ้มขึ้นด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง “ล้อกันเล่นหรือยังไงกัน ประสาทการรับรสเรื่องกลิ่นของผมนั้นเป็นเลิศ ดังนั้นถ้าคุณอยากจะหลอกผมคงไม่ได้หรอก”
เขาใช้นิ้วชี้ไปแล้วพูดว่า “จะว่าไปผมก็ไม่ได้กินโจ๊กหมูมานานแล้ว ที่รัก ผมขอสักถ้วยได้มั้ย”
“ไม่ได้” มายมิ้นท์ปฏิเสธโดยทันควัน “ฉันทำโจ๊กหมูไม่มากนัก แบ่งให้คุณไม่ได้หรอก”
“ทำไมล่ะ?” ลาเต้รู้สึกเสียอกเสียใจขึ้นมา
มายมิ้นท์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงบางเบาว่า “ฉันทำให้เปปเปอร์”
“อะไรนะ?” ไปหน้าที่เสแสร้งทำเป็นจะร้องไห้เมื่อครู่ของลาเต้ชะงักลงทันใด ก่อนจะมองไปที่เธอ “ที่รัก คุณตั้งใจจะดูแลเขาจริงนะหรือ?”
“คุณคิดว่าฉันล้อเล่นหรือไง?”
ลาเต้พยักหน้า “ตอนนั้นผมคิดว่าคุณล้อเล่นเท่านั้น”