รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 468 เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว
มายมิ้นท์กลับเบือนสายตาไปเลย ไม่ยอมมองสบตากับเขา
สายตาของเขาอันตรายมากเกินไปแล้ว สัญชาตญาณบอกกับเธอว่า สบตาด้วยไม่ได้เด็ดขาด
ไม่งั้น มีโอกาสที่จะโดนดูดเข้าไปสูงมาก
พอมายมิ้นท์เบือนสายตาไปแล้ว เปปเปอร์ก็ถอนหายใจทีหนึ่ง จากนั้นก็เปลี่ยนเรื่องพูดไป “อ๋อ ใช่แล้ว เมื่อคุณโทรมาหาผมใช่ไหม?”
พอได้ยินเขาเอ่ยถึงเรื่องนี้ มายมิ้นท์ก็รีบพยักหน้าขึ้นมาทีหนึ่ง “ใช่ค่ะ”
“ขอโทษด้วยนะ เมื่อเช้าโทรศัพท์มันปิดเครื่องไป” เปปเปอร์ตอบกลับมา
มายมิ้นท์จ้องมองเขา “ฉันรู้ค่ะ ฉันแค่อยากจะถามว่า เมื่อคืน ตกลงพวกเราคุยอะไรกันไปบ้างคะ ทำไมถึงได้คุยโทรศัพท์กันไปตั้งสามร้อยกว่านาทีคะ?”
“ไม่ได้คุยอะไรเลย ในเวลานั้นคุณหลับไปแล้ว” เปปเปอร์พูดขึ้นมา
มายมิ้นท์ขมวดคิ้วขึ้นมา “หมายความว่ายังไงคะ? คุณจะบอกว่า หลังจากที่ฉันรับสายแล้ว ก็ไม่ได้คุยอะไรกับคุณเลย และเอาแต่นอนอย่างเดียวใช่ไหมคะ?”
“อืม” เปปเปอร์พยักหน้า “ในตอนที่ผมโทรไปนั้น นอกจากตอนที่คุณรับสายได้พูดมาสองคำแล้ว หลังจากนั้นคุณก็ไม่มีการตอบสนองอะไรอีกเลย”
คราวนี้มายมิ้นท์เข้าใจหมดทุกอย่างแล้ว
การคุยโทรศัพท์เมื่อคืน พวกเขาไม่ได้พูดอะไรกันเลย ทั้งหมดเป็นการคุยโทรศัพท์ไปนอนหลับไปทั้งนั้น
มุมปากของมายมิ้นท์กระตุกขึ้นเล็กน้อย “ประธานเปปเปอร์ งั้นทำไมคุณไม่วางสายไปละคะ? กลับปล่อยให้โทรศัพท์โทรต่อไปเรื่อย ๆ อย่างนั้น”
เปปเปอร์ยิ้มขึ้นมาทีหนึ่ง แล้วไม่ได้ตอบอะไร
เขาจะไปบอกเธอได้ยังไงกัน ว่าที่เขาทำแบบนี้ เพียงเพราะว่าพอได้ฟังเสียงลมหายใจของเธอ ก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีเธอนอนอยู่ข้างกายด้วย
เพราะว่าเขารู้ดี ถ้าเกิดเขาพูดออกไปแล้ว ไม่แน่เธออาจจะรู้สึกว่าเขาโรคจิตแน่ ๆ เลย
มายมิ้นท์เห็นเปปเปอร์แค่ยิ้มเท่านั้น กลับไม่ได้พูดอะไร ในดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัย รู้สึกไม่ค่อยเข้าใจว่าเขาหมายความว่ายังไง
แต่ว่าท่าทีของเปปเปอร์ เห็นได้ชัดว่าไม่อยากจะพูดให้ชัดเจนเลย
ดังนั้นมายมิ้นท์เองก็ขี้เกียจที่จะถามอะไรมาก เพียงแต่แค่ถามถึงจุดประสงค์ ที่เขาโทรศัพท์มาหาเธอเท่านั้น
“ก็ไม่มีอะไรมาก แค่จะถามคุณหน่อยว่า วันนี้จะกลับมาเมื่อไหร่ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่า ในตอนที่โทรไปนั้น คุณจะนอนพักผ่อนแล้ว” เปปเปอร์ยกแก้วน้ำที่อยู่บนหัวเตียงมา แล้วจิบไปคำหนึ่งและพูดตอบกลับไป
เรียวปากแดงของมายมิ้นท์ขยับเล็กน้อน ในตอนที่กำลังจะพูดอะไรนั้น ประตูก็โดนเคาะขึ้นมาซะก่อน ด้านนอกประตูมีเสียงของผู้ช่วยเหมันตร์ดังลอยมา “ประธานเปปเปอร์ครับ ผมซื้อข้าวมาแล้วครับ”
“ฉันไปเปิดประตูเองค่ะ” เปปเปอร์ยังไม่ทันได้ตอบรับ มายมิ้นท์ก็ลุกขึ้นมาซะก่อน และแย่งพูดขึ้น
ในเมื่อนั่นเป็นข้าวของเธอ ถ้าเธอไม่เปิดประตูไปเอา แล้วจะให้เปปเปอร์ไปเอาให้เหรอ?
มายมิ้นท์ยกฝีเท้าเดินไป แล้วก็เปิดประตูออก
พอผู้ช่วยเหมันตร์เห็นเธอก็ไม่ได้แปลกใจ แล้วก็ยื่นถุงมาให้โดยตรงเลย “คุณมายมิ้นท์ นี่คืออาหารที่ประธานเปปเปอร์ให้ผมไปสั่งมาให้คุณครับ”
ประธานเปปเปอร์เพิ่งกินข้าวเที่ยงไป ไม่มีทางที่ตอนนี้จะมากินอีกแน่นอน
ดังนั้นอาหารเที่ยงชุดนี้ เห็นได้ชัดเลยว่าประธานเปปเปอร์สั่งให้เขาไปซื้อมาให้มายมิ้นท์แน่
มายมิ้นท์รับถุงมา “ขอบคุณผู้ช่วยเหมันตร์มากค่ะ ต้องรบกวนคุณแล้ว”
“ไม่เป็นไรครับ แค่เป็นคำสั่งของประธานเปปเปอร์เท่านั้นครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์พูดจบ ก็ปิดประตูลง
มายมิ้นท์จ้องมองประตูห้องผู้ป่วยที่อยู่ตรงหน้า แล้วก็ยักไหล่อย่างเบื่อหน่ายทีหนึ่ง
ท่าทีที่ผู้ช่วยเหมันตร์คนนี้มีต่อเธอ ถึงแม้จะไม่ได้เลวร้ายเหมือนเมื่อหลายวันก่อนแล้ว ที่แค่พบเจอเธอก็จะจดจ้องด้วยสายตาโกรธเคือง แต่ก็กลายเป็นค่อนข้างเย็นชาไป
แต่ว่านี่ก็เป็นสิ่งที่เธอควรจะยอมรับ ในเมื่อเธอได้ทำให้เจ้านายของเขาต้องมาซวยจนบาดเจ็บไปด้วย
มายมิ้นท์หรี่ตาลงแล้วยิ้มเล็กน้อย แล้วก็หมุนตัวเดินกลับไปที่ข้างเตียงห้องผู้ป่วย
เปปเปอร์ถือแท็บเล็ตไว้ในมือและกำลังดูไป พอเห็นเธอกลับมาแล้ว ก็เงยหน้าขึ้นมามองทีหนึ่ง “กินข้าวเถอะ เดี๋ยวกินเสร็จแล้วก็มาช่วยอะไรผมอย่างหนึ่ง”
“ช่วยอะไรคะ?” มายมิ้นท์กะพริบตาถามขึ้น
เปปเปอร์ยิ้มจาง ๆ ขึ้นมา “กินข้าวให้เสร็จก่อน เดี๋ยวค่อยบอกคุณ”
“ก็ได้ค่ะ” พอมายมิ้นท์เห็นว่าเขาเอาแต่อ้อมค้อม ก็ไม่ได้พยายามฝืนต่อไป แล้วก็นั่งลงไปและเริ่มกินข้าวไป
ในระหว่างนั้น ทั้งสองคนต่างก็ไม่ได้พูดอะไร ต่างคนต่างทำเรื่องของตัวเองไป
มายมิ้นท์กินข้าวไป เปปเปอร์ก็ดูรายงานไป ในห้องพักผู้ป่วยที่กว้างขวาง มีแต่เสียงเคี้ยวข้าวเบา ๆ และเสียงลมหายใจจาง ๆ ทำให้ดูค่อนข้างที่จะเงียบสงบมาก
ไม่นาน พอผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง มายมิ้นท์ก็กินข้าวเสร็จ แล้วเก็บกล่องข้าวให้เรียบร้อย และเอาออกไปทิ้ง
พอกลับมาแล้ว อาจจะเป็นเพราะว่าเดินเร็วเกินไปหน่อย เธอจึงไม่ได้สังเกตที่ใต้ฝ่าเท้า แล้วปลายเท้าก็ไปชนกับเสาเตียงผู้ป่วยเข้า ร่างกายเกิดการสูญเสียความสมดุล แล้วก็ล้มลงไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
พอเปปเปอร์เห็นเข้า ท่าทีก็เคร่งขรึมขึ้นมา แล้วโยนแท็บเล็ตทิ้งไป และก็จะไปดึงตัวเธอไว้
แต่เปปเปอร์กลับช้าไปก้าวหนึ่ง ดึงไม่โดนตัวมายมิ้นท์ แต่ตัวมายมิ้นท์กลับโถมเข้าไปบนเตียงผู้ป่วยเอง และช่วงลำตัวบนก็โดนฝังไปในผ้าห่ม
“ไม่เป็นไรใช่ไหม?” เปปเปอร์ก้มหน้าลงไปแล้วเปิดผ้าห่มออก และถามเสียงขรึมขึ้น
มายมิ้นท์นวดปลายจมูกเล็กน้อย “ฉันไม่เป็นไรค่ะ มีผ้าห่มรองตัวฉันไว้ ดังนั้นจึงกระแทกไม่โดนค่ะ แล้วคุณล่ะ?”
ภาคใต้ผ้าห่ม ก็คือเท้าของเขา ร่างกายของเธอทั้งตัวไปทับอยู่บนขาของเขา คงยากที่เขาจะไม่มีเรื่องอะไรได้
แต่ว่าเปปเปอร์กลับส่ายหน้าเล็กน้อย “ผมเองก็ไม่เป็นอะไร”
และก็เป็นเหมือนกัน มีผ้าห่มช่วยบังเอาไว้ ช่วยขาของเขาผ่อนแรงลงไปได้เยอะ นอกจากขาของเขาจะรู้สึกถึงความหนักเล็กน้อยแล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บจริง ๆ
มายมิ้นท์เห็นท่าทีของเขาดูจริงจัง ไม่เหมือนกับว่ากำลังโกหกเธออยู่ ถึงได้โล่งใจไปได้เปลาะหนึ่ง และเตรียมจะลุกขึ้นมา
แล้วจู่ ๆ ในเวลานี้เอง ประตูห้องพักผู้ป่วยก็เปิดออกเอง พยาบาลพิเศษถือผลตรวจร่างกายของเปปเปอร์เดินเข้ามา พอจะพูดรายงานขึ้นมา ก็มองเห็นทั้งสองคนบนเตียง ที่มีท่าทางแปลก ๆ ดวงตาก็ลืมตาโตขึ้นมาทันที
โอ้สวรรค์ นี่เธอมองเห็นอะไรเนี่ย!
คุณมายมิ้นท์คว่ำอยู่บนระหว่างขาของคุณเปปเปอร์เหรอ……
พวกเขา……พวกเขาสองคน กลางวันแสก ๆ กลับทำอะไรอยู่ในห้องพักผู้ป่วย……
พยาบาลพิเศษคิดต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ใบหน้าแดงก่ำ แล้วก็รีบปิดตาไว้แล้วถอยออกไป “คือว่า……ขอโทษค่ะประธานเปปเปอร์ คุณมายมิ้นท์ ฉันมารบกวนพวกคุณแล้ว ฉันมาเห็นอะไรเลยนะคะ ไม่เห็นอะไรเลยจริง ๆ เดี๋ยวฉันออกไปก่อนนะคะ พวกคุณเชิญต่อกันเลย พวกคุณเชิญต่อกันได้เลยค่ะ!”
พูดจบ พยาบาลพิเศษก็รีบปิดประตูลงแล้วออกไปเลย
พอได้ยินเสียงปังทีหนึ่งปิดประตูลง มายมิ้นท์กับเปปเปอร์ก็มองสบตากันทีหนึ่ง และประจันหน้าเข้าหากัน
พยาบาลพิเศษคนนั้นหมายความว่ายังไงกัน?
อะไรคือมองไม่เห็นอะไรเลย อะไรคือเชิญพวกเขาต่อกันได้เลย?
แต่ว่าผ่านไปไม่นาน ทั้งสองคนก็เข้าใจคำพูดเมื่อกี้ของพยาบาลพิเศษแล้ว ว่าตกลงมันแปลว่าอะไร
ในวินาทีที่มายมิ้นท์ลุกขึ้นมา อยู่ ๆ ถึงได้พบว่าท่าทางของเธอกับเปปเปอร์นั้นช่างไม่ปกติจริง ๆ แล้วก็ทำให้คนคิดไปเรื่อยได้ง่ายจริง ๆ
เพราะว่าเมื่อกี้เธอนอนคว่ำอยู่ตรงหว่างขาของเปปเปอร์ พอมองมาจากทางประตูห้องพักผู้ป่วย ก็นึกว่าเธอกำลัง……ให้เปปเปอร์อยู่
ถึงว่าทำไมพยาบาลพิเศษถึงได้พูดมาแบบนี้ ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก็คงจะเข้าใจผิดแบบนี้เหมือนกัน
พอคิดมาถึงตรงนี้ ใบหน้าทั้งหน้าของมายมิ้นท์ก็แดงระเรื่อขึ้นมาทันที แล้วแต่ลำคอก็แดงไปด้วย
เธอลุกขึ้นด้วยความเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แล้วก็ถอยหลังไปสองก้าว จากนั้นก็ปิดหน้าเอาไว้ อับอายจนไม่อยากพบผู้คน โดยเฉพาะไม่กล้าที่จะมองเปปเปอร์เลย
แต่ว่าเปปเปอร์กลับจ้องมองเธออย่างขำขัน
พูดตามตรง เขาก็ไม่คิดว่าเธอจะล้มลงมาด้วยท่าแบบนี้ พอดิบพอดีขนาดนั้น ล้มฟุบลงมาบนเตียงผู้ป่วยของเขาพอดี
แต่ว่าพอเห็นท่าทางที่เขินอายแบบนี้ของเธอ เขาก็ค่อนข้างที่จะรู้สึกว่าเป็นสิ่งสำคัญจริง ๆ
ปกติสิ่งที่เขาเห็นบ่อยที่สุด ก็คือท่าทางที่เรียบเฉยของเธอ และบางครั้งก็จะบังเอิญเห็นท่าทีอย่างอื่นของเธอบ้าง อย่างท่าทางเขินอายแบบนี้ และยังหน้าแดงแบบนี้ ก็เห็นได้ไม่บ่อยนัก
พอคิดถึงแบบนี้แล้ว อยู่ ๆ เปปเปอร์ก็เอาโทรศัพท์ออกมา แล้วเปิดกล้องถ่ายรูปขึ้นมา แล้วถ่ายรูปมายมิ้นท์ไว้รูปหนึ่ง
ปฏิกิริยาที่หาได้ยากแบบนี้ของเธอ จะไม่ถ่ายไว้สักหน่อยได้ยังไง บางทีต่อไปอาจจะไม่ได้เห็นอีกแล้วก็ได้
แชะ!
บันทึกรูปถ่าย
พอมายมิ้นท์ได้ยินเสียงถ่ายรูป ก็รีบลดมือลง แล้วมองไปทางเปปเปอร์ แล้วก็เห็นท่าทางที่กำลังจัดเก็บรูปถ่ายของเปปเปอร์เข้าพอดี
เธอลืมตาโตขึ้น “ประธานเปปเปอร์ เมื่อกี้คุณแอบถ่ายรูปฉันเหรอคะ?”
เปปเปอร์ตอบอืมไปคำหนึ่ง และยอมรับขึ้นมา ที่สำคัญยังชูโทรศัพท์ขึ้นมาอีก และโชว์รูปถ่ายที่เพิ่งถ่ายเมื่อกี้ให้เธอดูด้วย “ไม่เลวเลยใช่ไหม?”
ถึงแม้ว่าในรูปถ่าย เธอจะปิดหน้าเอาไว้ แต่หูที่แดงก่ำ คอที่แดงก่ำ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ดูออกว่าใบหน้าที่ปิดอยู่ของเธอจะเป็นยังไง
มายมิ้นท์จ้องมองรูปตัวเองในรูปถ่าย แล้วก็อึ้งไปสองวินาที จากนั้นก็ร้อนใจขึ้นมา “ประธานเปปเปอร์ ทำไมคุณจะต้องแอบถ่ายรูปด้วยเนี่ย รีบลบรูปออกเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
“ไม่ลบ” เปปเปอร์เก็บโทรศัพท์กลับไป แล้วก็ปฏิเสธไปตรง ๆ เลย
ดวงตาของมายมิ้นท์ลืมได้โตยิ่งขึ้นอีก “ทำไมคะ?”
“สวยมากเลย” เปปเปอร์ตอบกลับไป
มุมปากของมายมิ้นท์กระตุกขึ้นเล็กน้อย
สวยเหรอ?
สวยตรงไหนกัน แม้แต่หน้าก็ยังมองไม่เห็นเลยนะ
มายมิ้นท์เม้มปากขึ้นมา “ประธานเปปเปอร์ คุณจะไม่ลบรูปจริง ๆ ใช่ไหมคะ?”
เปปเปอร์เชิดคางขึ้นมาเล็กน้อย “อืม”
“ไมได้ คุณถ่ายรูปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากฉัน ละเมิดความเป็นส่วนตัวของฉัน เพราะฉะนั้นคุณจะต้องลบค่ะ” มายมิ้นท์พูดไป แล้วก็เดินหน้าเข้าไปแย่งโทรศัพท์ของเขา