รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 489 เปปเปอร์จะแต่งงาน
“แม้จะพูดเช่นนี้ แต่หากคุณยังไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคุณหมอในการดูแลสุขภาพร่างกายให้ดีอีก คุณจะอยู่ได้ไม่ถึงสามปีด้วยซ้ำ ไม่แน่วันไหนคุณเสียชีวิตกะทันหันก็อาจจะเป็นได้”การันต์ได้ดันแว่นตา พูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก
เขาพูดคำพูดที่หนักหน่วงและอันตรายถึงชีวิตเช่นนี้ พูดได้ด้วยอารมณ์ที่ผ่อนคลายอย่างมาก มันอธิบายได้ถึง ความเย็นเยือกของเขาคนนี้เลย
พอได้ยินว่าหากเปปเปอร์ทำตัวอย่างนี้ต่อไป ไม่เพียงแต่อยู่ไม่ถึงสามปี ยังอาจจะเสียชีวิตกะทันหันนั้น ผู้ช่วยเหมันตร์ร้อนรนอย่างมาก รีบมองไปทางเปปเปอร์แล้วพูดว่า:“ประธานเปปเปอร์ครับ คุณได้ยินแล้วใช่ไหมครับ หากคุณยังไม่รักษาสุขภาพร่างกายให้ดีอีก คุณ……”
“ไม่ต้องพูดอีกแล้ว”เปปเปอร์ยกมือขึ้นห้ามคำพูดเขาไว้ “ร่างกายของผมเอง ผมรู้ตัวเองดี”
“แต่ว่า……”
ผู้ช่วยเหมันตร์ยังจะพูดอะไรอีก แต่เปปเปอร์ได้หรี่ตามองเขาด้วยแววตาที่เย็นยะเยือก
ผู้ช่วยเหมันตร์อ้าปากค้าง พูดไม่ออกในทันใด
การันต์เยาะเย้ย“ลูกน้องของคุณเป็นห่วงคุณ คุณยังจะไม่รับความหวังดีของเขาอีก”
เปปเปอร์เหลือบไปมองเขาอย่างเย็นชา ไม่ได้สนใจอะไรเขาเลย
เขาไม่พูดอะไร แน่นอนว่าการันต์ก็ไม่พูดอะไรอีก เขายักไหล่ และไปตรวจเช็กสถานการณ์การตรวจของเขา
“ประธานเปปเปอร์ครับ คุณนั่งก่อนเถอะครับ”ผู้ช่วยเหมันตร์ได้หยิบเก้าอี้มา และพูดกับเปปเปอร์
เปปเปอร์ตอบตกลง นั่งลงบนเก้าอี้นั้น จากนั้นหลับตาลง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ในไม่ช้า การันต์ได้นำผลการตรวจมา และยื่นให้กับเปปเปอร์ “ผลตรวจของคุณ”
เปปเปอร์ยื่นมือรับมันมา ก้มลงดูทันที
ผู้ช่วยเหมันตร์ก็ได้เอนตัวมา และดูไปพร้อมกัน
พอเห็นคำนั้น‘หัวใจเสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็ว’สีหน้าเปลี่ยนในทันใด“หัวใจของประธานเปปเปอร์เสียหายเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร?”
เปปเปอร์ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
มือทั้งสองข้างของการันต์ได้ล้วงเข้ากระเป๋าเสื้อกาวน์ พูดเบาๆว่า:“เมื่อกี้ผมได้พูดแล้ว เขาไม่ได้รักษาสุขภาพตัวเองตามคำสั่งของคุณหมอ กลับทำงานเป็นเวลานานๆ หัวใจของเขาแบกรับภาระเช่นนี้ไม่ไหว ดังนั้นจึงเร่งความเสียหายมากขึ้นไปอีก ผมก็เลยพูดยังไงล่ะ ว่าเขาอาจจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินสามปี”
“ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง”ผู้ช่วยเหมันตร์กำหมัดแน่น จากนั้นก็ถามต่อว่า“ถ้าเช่นนั้นแล้วเริ่มปรับเปลี่ยนอย่างระมัดระวังตอนนี้ จะดีขึ้นไหมครับ”
“ประมาณนั้น”การันต์ยักไหล่
ผู้ช่วยเหมันตร์มองไปทางเปปเปอร์“ประธานเปปเปอร์ครับ ผมรู้ครับว่าคุณไม่อยากฟังคำพูดเหล่านี้ แต่ผมก็ต้องพูดครับ เพื่อคุณชายรองและก็เพื่อคุณมายมิ้นท์ด้วยครับ คุณต้องรักษาสุขภาพตัวให้ดีเลยนะครับ ตอนนี้คุณชายรองยังเด็กอยู่ ทำอะไรไม่เป็น ดังนั้นบริษัทตระกูลนวบดินทร์ยังคงต้องการคุณอยู่ คุณชายรองต้องการคุณสอนเองกับมือด้วยเช่นกัน มิเช่นนั้นเขาเอาพวกเจ้าเล่ห์ที่อยู่ในบริษัทไม่อยู่แน่นอนครับ แล้วก็คุณมายมิ้นท์ด้วย ไหนคุณพูดว่า ต้องการปูทางให้กับคุณมายมิ้นท์ ให้คุณมายมิ้นท์ไม่เสียเวลาโดยใช่เหตุในวันข้างหน้าไม่ใช่หรือครับ?”
เขายิ่งพูดดวงตาของเขาก็ยิ่งแดงก่ำ อารมณ์ก็ตื่นเต้นเช่นกัน“แต่ในตอนนี้ คุณยังไม่ได้ปูทางให้กับคุณมายมิ้นท์มากนัก ดังนั้นหากคุณไม่รักษาสุขภาพให้ดี ถ้าเกิด……คุณชายรองกับคุณมายมิ้นท์จะทำยังไงครับ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ริมฝีปากบางๆของเปปเปอร์ก็ขยับเล็กน้อย และสุดท้ายก็ถอนหายใจเบาๆ“ผมรู้แล้ว ผมจะระมัดระวังเอง”
เขาต้องยอมรับ ว่าคำพูดของเหมันตร์ มันแทงจุดที่อ่อนแอที่สุดในใจของเขา
เปปเปอร์สูบหายใจเข้าเล็กน้อย จากนั้นก็ถอนหายใจออกมา สีหน้าท่าทางของเขาดูจริงจังขึ้น“ผมรู้แล้ว ผมจะระมัดระวังเอง”
ในที่สุดผู้ช่วยเหมันตร์ก็ยิ้มอย่างพอใจแล้ว
ทันใดนั้น การันต์ก็เอ่ยปากพูดอีกครั้ง“เอาล่ะ ผลตรวจก็ออกมาแล้ว ตอนนี้ไปรับยาที่ห้องจ่ายยาเลย เนื่องด้วยหลังจากที่คุณออกจากโรงพยาบาลแล้วคุณไม่ได้พักผ่อนดีๆ ทำให้หัวใจเสียหายอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงจ่ายยาตัวใหม่ให้กับคุณ ยาในก่อนหน้านั้นก็ไม่ต้องกินแล้ว”
เปปเปอร์ตอบกลับ“ไปจัดการตามนั้นเลย”
“ครับ”ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้า จากนั้นรับใบสั่งยาที่การันต์ยื่นมาให้ และได้เดินออกจากห้องตรวจ
หลังจากที่รอผู้ช่วยเหมันตร์รับยาเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนก็ได้ออกจากโรงพยาบาล
บนรถนั้น จู่ๆเปปเปอร์ก็ได้นึกอะไรออก เขาเม้มริมฝีปากอันบางของเขาแล้วพูดว่า:“อีกสักพักคุณแจ้งมายมิ้นท์ด้วย บอกเธอ ว่างานสังสรรค์ในวันพรุ่งนี้ ไม่ต้องไปแล้ว”
“ได้ครับประธานเปปเปอร์”ผู้ช่วยเหมันตร์ตอบกลับ ขณะที่ขับรถอยู่
เปปเปอร์ก็ไม่ได้พูดอีก และปิดตาลงผล็อยหลับไป
หลังจากมาถึงที่พักชั่วคราวของเขาแล้ว ผู้ช่วยเหมันตร์จึงจะโทรไปหามายมิ้นท์
ในเวลาเดียวกันมายมิ้นท์กำลังจัดการเอกสารในออฟฟิศตัวเอง แต่ไม่รู้ว่าทำไม คนทั้งคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว โดยเฉพาะสมาธิ ไม่สามารถจดจ่อได้เลย
จนกระทั่งผ่านไปแล้วหนึ่งถึงสองชั่วโมง ก็จัดการเอกสารไปเพียงสองสามฉบับเท่านั้น
เลขาซินดี้ได้นำกาแฟมาให้เธอ จากนั้นก็ถามด้วยความเป็นห่วงว่า:“ประธานมายมิ้นท์คะ คุณไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าคะ?”
มายมิ้นท์วางปากกาลง และนวดตรงขมับเล็กน้อย “ไม่มีค่ะ”
“แต่ฉันดูสีหน้าของคุณไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยนะคะ”เลขาซินดี้มองดูใบหน้าของเธอ
มายมิ้นท์เอนหลังพิงเก้าอี้“ฉันไม่เป็นไร อาจจะเป็นเพราะว่าเหนื่อยไปหน่อยจึงเป็นเช่นนี้แหละมั้ง”
“อย่างนี้เอง ถ้างั้นคุณพักสักหน่อยเถอะค่ะ เอกสารพวกนี้ไม่ใช่เอกสารที่ต้องจัดการอย่างเร่งด่วนเลย”เลขาซินดี้ได้กล่าว
มายมิ้นท์พยักหน้าเล็กน้อย“ก็ได้ งั้นฉันไปนอนพักที่โซฟาสักหน่อย”
เธอลุกขึ้นยืน จัดเสื้อผ้าให้เป็นระเบียบ และก็จะเดินไปทางจุดพักผ่อน
ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา และได้ขัดก้าวเดินที่เธอก้าวออกไป
มายมิ้นท์ก้มลงเหลือบมองโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานนั้น พอเห็นว่าคนที่โทรมาเป็นผู้ช่วยเหมันตร์ ก็ไม่รู้ว่าด้วยเหตุอะไร รีบไปหยิบโทรศัพท์มาด้วยความรวดเร็ว และรับสายแนบกับหู“ค่ะ ผู้ช่วยเหมันตร์”
“สวัสดีครับคุณมายมิ้นท์”ผู้ช่วยเหมันตร์เอ่ยปากทักทายออกมา
มายมิ้นท์นั่งลงอีกครั้งหนึ่ง“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่า คุณมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?”
เขาโทรมาหา น่าจะเป็นเพราะคำสั่งของเปปเปอร์แหละมั้ง
มิเช่นนั้น เขาคงไม่มีทางโทรมาแน่นอน เพราะระหว่างพวกเขานั้น ไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆ
ผู้ช่วยเหมันตร์มองดูเปปเปอร์ที่กินยาแล้ว ได้นอนลงพักผ่อนนั้น ก็ได้เดินออกจากห้องของเปปเปอร์อย่างเสียงเบา ถึงด้านนอกแล้วจึงจะพูดว่า:“คือว่าอย่างนี้นะครับคุณมายมิ้นท์ เมื่อสักครู่ประธานเปปเปอร์ให้ผมมาแจ้งคุณ ว่างานสังสรรค์ในวันพรุ่งนี้ คุณไม่ต้องไปแล้วครับ”
“ฉันไม่ต้องไปแล้ว?”มายมิ้นท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย
พรุ่งนี้เป็นวันที่เปปเปอร์จะไปเจอผู้หลักผู้ใหญ่ต่างประเทศในงานสังสรรค์ ตามข้อบังคับคือต้องมีคู่ออกงาน
ตอนนั้นเปปเปอร์ให้เธอเป็นคู่ออกงาน เธอได้ตอบตกลงแล้ว ทำไมตอนนี้ ไม่ให้เธอไปอีกล่ะ?
“ใช่ครับ”ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้า“ประธานเปปเปอร์พูดว่า เขาได้หาคู่ออกงานคนใหม่แล้วครับ ดังนั้นก็ไม่รบกวนคุณแล้วครับคุณมายมิ้นท์”มือของมายมิ้นท์ที่จับโทรศัพท์อยู่ ก็ได้กำแน่นขึ้น ภายในใจก็ยุ่งเหยิงขึ้นมาทันที หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็กัดริมฝีปากและถามว่า:“เขา……หาใครมาเป็นคู่ออกงานคะ?”
ผู้ช่วยเหมันตร์ไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติของเธอเลยสักนิด และตอบโดยไม่ปิดบังอะไรว่า“เป็นคุณหนูของตระกูลจักรีศานส์ คุณ เรด้าครับ”
“เรด้า!”พอได้ยินชื่อนี้ เห็นได้ชัดว่าสีหน้าของมายมิ้นท์แย่ลงเล็กน้อย
ในช่วงนี้ ชื่อนี้ จะมีชื่อเสียงมากในแวดวง
ไม่ใช่เพราะว่าเรด้าคนนี้ได้ทำอะไรไว้ แต่เป็นเพราะเมื่อไม่นานที่ผ่านมาตระกูลจักรีศานส์ได้มีการเปิดเผยต่อสาธารณชนยื่นข้อเสนอ ที่ต้องการแต่งงานกับตระกูลนวบดินทร์ ตระกูลจักรีศานส์มีเพียงลูกสาวคนเดียวอย่างเรด้า ปีนี้มีอายุยี่สิบห้าปีแล้ว และถึงแม้ว่าตระกูลนวบดินทร์จะมีลูกชายอยู่สองคน แต่ปีโป้พึ่งจะอายุสิบเจ็ดปี ดังนั้นตระกูลจักรีศานส์ไม่มีทางสนใจปีโป้แน่นอน เพราะไม่ว่าอย่างไรทั้งสองก็มีอายุที่ห่างกันเกินไป
ดังนั้นจึงเป็นเปปเปอร์ ที่ตระกูลจักรีศานส์อยากแต่งงานด้วย
ด้วยเหตุนี้ เรด้าคุณหนูคนนี้ที่ไม่ค่อยมีตัวตนอะไรมากนัก ก็กลายเป็นคนมีชื่อเสียงในแวดวงเลย แม้กระทั่งเธอที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องซุบซิบในแวดวงมากนักก็ได้ยินเรื่องนี้แล้ว เปปเปอร์ก็ยิ่งไม่มีทางที่จะไม่รู้ว่าตัวเองถูกคนอื่นเพ่งเล็งไว้
แต่ถึงแม้ว่าเปปเปอร์รับรู้เรื่องที่ตระกูลจักรีศานส์ต้องการเกาะเขา เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจของตระกูลจักรีศานส์ แต่เขาก็ยังคงเลือกเรด้ามาเป็นคู่ออกงาน
นี่ก็หมายความว่า เปปเปอร์เต็มใจที่จะแต่งงานกับตระกูลจักรีศานส์?
พอนึกถึงตรงนี้ มายมิ้นท์รู้สึกปวดใจอย่างมาก รู้สึกหายใจลำบากขึ้นมาเล็กน้อย