รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 496 เปปเปอร์จะหมั้น
ตอนที่ผู้ช่วยหญิงคนนั้นถูกดึงเอาไว้ เธอคิดว่าจะถูกจับไปตำหนิเสียอีก ในขณะที่เธอกำลังหวาดกลัว เมื่อได้ยินคำถามของมายมิ้นท์ก็ได้แต่ชะงักลง “คะ? ประธานมายมิ้นท์ไม่ได้จะตำหนิดิฉันหรือคะ?”
มายมิ้นท์กระตุกริมฝีปากเล็กน้อย “ต่อให้จะตำหนิก็ควรจะตำหนิหัวหน้าของพวกเธอ จะตำหนิผู้ช่วยเล็กๆ เช่นพวกเธอทำไม”
เมื่อผู้ช่วยได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกแล้วยิ้มขึ้น “ประธานมายมิ้นท์คะ คุณช่างดีจริงๆ”
“เอาล่ะ ไม่ต้องทำเป็นปากหวาน ไหนบอกฉันมาสิว่าเมื่อสักครู่คุยอะไรกันอยู่?” มายมิ้นท์มองไปที่เธอและเอ่ยถามอีกครั้ง
ผู้ช่วยกระอึกกระอักแล้วรีบตอบออกมาด้วยความรวดเร็วว่า “เมื่อสักครู่เรากำลังพูดกันว่า ประธานเปปเปอร์แห่งนวบดินทร์กรุ๊ป กำลังจะหมั้นค่ะ”
“อะไรนะ?” ม่านตาของมายมิ้นท์หดตัวลง ร่างกายของเธอชะงักแข็งทื่อ “เปปเปอร์จะ……หมั้น?”
เนื่องจากผู้ช่วยคนนี้เพิ่งมาทำงานได้ไม่นาน จึงไม่รู้ความสัมพันธ์ในอดีตระหว่างมายมิ้นท์และประธานเปปเปอร์
เธอเพียงรู้สึกว่าเวลาพูดถึงเปปเปอร์ มายมิ้นท์จะมีท่าทีแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอพยักหน้าและตอบว่า “ใช่ค่ะ บนอินเทอร์เน็ตพูดกันว่าอย่างนั้น”
“อินเทอร์เน็ต?”
“ค่ะ เช้าวันนี้มีสื่อเสนอข่าวออกมา เนื้อหาก็คือประธานเปปเปอร์กำลังกอดผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ ทางสื่อเดาว่าในไม่ช้าหน้าจะมีข่าวดีเกี่ยวกับประธานเปปเปอร์เกิดขึ้น……”
ดูเหมือนผู้ช่วยกำลังจะพูดอะไรต่อ แต่มายมิ้นท์ไม่อาจทนฟังได้ ในสมองของเธอมีคำว่าเปปเปอร์กำลังจะหมั้นเต็มไปหมด
เธอหันหลังเดินไปยังห้องทำงานของตนเองด้วยท่าทางเหม่อลอย
ผู้ช่วยยังไม่ทันพูดจบ เมื่อพบว่าเธอจากไปแล้วก็อดไม่ได้ที่จะทำสีหน้าสงสัย ประธานมายมิ้นท์ทำหน้าแปลกจริง ดูเหมือนวิญญาณหลุดลอยไปแล้ว?”
เธอคิดไม่ตก ได้แต่ยักไหล่แล้วกลับไปยังที่นั่งของตน
มายมิ้นท์กลับมายังห้องทำงานและเดินตรงมาที่โต๊ะทำงาน มือทั้งสองข้างของเธอยกขึ้นสัมผัสกับอากาศอยู่หลายครั้ง ก่อนที่จะดึงเก้าอี้ออกมาแล้วนั่งลง
เมื่อนั่งลงแล้วเธอก็ยังดูเหมือนวิญญาณหลุดลอยออกจากร่าง เธอทิ้งกายลงบนเก้าอี้ ดวงตาทั้งคู่จ้องมองไปที่คอมพิวเตอร์อย่างว่างเปล่า หัวใจของเธอรู้สึกอัดอั้นเหมือนถูกปิดกั้น มันปวดร้าวอย่างอธิบายไม่ถูก
ใบหน้าของเธอก็รู้สึกปวดแสบปวดร้อนตามไปด้วย
เมื่อวานนี้เธอยังคิดไปอยู่ว่าเปปเปอร์คงไม่ได้จะแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นแน่ แต่ในวันนี้ความเป็นจริงกลับตบหน้าของเธอ
เปปเปอร์กำลังจะหมั้น!
ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งนั้น……
มายมิ้นท์กุมมือแน่นแล้วรีบเดินไปที่คอมพิวเตอร์ เธอเปิดเครื่องแล้วค้นหาข่าวที่ผู้ช่วยเมื่อครู่พูดถึง
เนื่องจากเป็นเรื่องเกี่ยวกับเปปเปอร์ ดังนั้นข่าวนี้จะต้องเป็นพาดหัวข่าวใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย
เป็นจริงดังนั้น เมื่อมายมิ้นท์เพิ่งจะเปิดคอมพิวเตอร์ออก ยังไม่ทันจะเข้าไปในเบราว์เซอร์ หน้าต่างข่าวป๊อปอัปที่มุมล่างขวาของคอมพิวเตอร์ก็ปรากฏข่าวว่าเปปเปอร์กำลังจะหมั้นเด้งขึ้นมา
เธอรีบกดเข้าไปดูแล้วเห็นข่าวจากสื่อมีเดียที่ชื่อว่าพิโอเนียริ่งเอ็นเตอร์เท็นเมนต์ประกาศออกมาว่า “จากรายงานของวงใน ได้ยินมาว่า บริษัทนวบดินทร์และจักรีศานส์กรุ๊ปจะแต่งงานกันเพื่อความร่วมมือ ก่อนหน้านี้คิดว่าเป็นเพียงข่าวลือ แต่คาดไม่ถึงว่าเมื่อครู่เราจะได้รับรายงานยืนยันความถูกต้องชัดเจนของข่าวนี้ว่าไม่ใช่ข่าวลือแต่เป็นความจริง ตระกูลนวบดินทร์และจักรีศานส์กรุ๊ปจะ แต่งงานรวมกันเป็นหนึ่ง ยินดีกับประธานเปปเปอร์และคุณเรด้าด้วย”
ใต้ข้อความนั้นคือรูปภาพใบหนึ่ง
มายมิ้นท์กดดูรูปภาพนั้นด้วยมือที่สั่นคลอน เธอเห็นเปปเปอร์ยืนอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งที่ปากประตูโรงแรมใหญ่
ผู้หญิงคนนั้นกอดแขนของเขาเอาไว้แล้วเอนกายเข้าอยู่ในอ้อมกอดของเขา
ส่วนเขาก้มศีรษะลงไปมองดูผู้หญิงคนนั้นเล็กน้อย ใครเห็นก็รู้สึกว่าเขาเสน่หาต่อผู้หญิงคนนั้นอย่างลึกล้ำ
สรุปแล้วก็คือ รูปภาพใบนั้นเต็มไปด้วยความคลุมเครือ ไม่ว่าใครเห็นก็คิดว่าทั้งสองเป็นคู่รักกัน
“คุณเรด้า เรด้า……”
มายมิ้นท์ปล่อยเมาส์ออก จากนั้นเอนกายไปที่พนักเก้าอี้ด้านหลัง เธอกัดริมฝีปากล่างเอาไว้อย่างแรง
เป็นไปดังนั้น คนที่เขาจะหมั้นด้วยก็คือเรด้า
ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมจู่ๆ เขาจึงปล่อยวางจากเธอ เข้าใจแล้วว่าทำไมเขาจึงไม่ต้องการให้เธอดูแลต่อ
เนื่องจากว่าเขาตกหลุมรักเรด้า และกำลังจะหมั้นหมายกับเรด้าด้วย เพราะเหตุนี้เขาจึงได้ปล่อยวางเธอและไม่อยากให้เธอเข้าไปดูแล
ไม่อย่างนั้นก็เท่ากับว่าเขาปฏิบัติกับเรด้าอย่างไม่ยุติธรรม?
แม้มายมิ้นท์จะไม่รู้สึกว่าเปปเปอร์ทำผิดไปตรงไหน แต่ในใจของเธอก็ยังคงรู้สึกไม่สบายใจและรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เห็นเปปเปอร์กับเรด้ากอดกันอยู่นั้นช่างเป็นภาพที่บาดตาเหลือเกิน
ท้ายที่สุดแล้วเธอก็ทำได้เพียงนั่งตัวตรงแล้วปิดหน้าเพจนั้นไป
เดิมทีเธอคิดว่าเพียงแค่ปิดหน้าเว็บเพจนั้นไปเสียก็จะไม่ทำให้รำคาญใจ
แต่หลังจากที่ปิดมันลง เธอจึงเพิ่งรู้ได้ว่ากลับทำให้หงุดหงิดมากกว่าเดิม
ทันใดนั้นเองโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น
มายมิ้นท์เอื้อมมือไปรับโทรศัพท์มาโดยไม่ได้ดูว่าเป็นใครที่โทรเข้า เธอกดรับสายแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงว่า “สวัสดีค่ะใครคะ?”
“ที่รักผมเอง คุณเห็นข่าวแล้วหรือยังว่าเปปเปอร์กับเรด้ากำลังจะหมั้นหมายกัน?” น้ำเสียงของลาเต้ในโทรศัพท์ดูตื่นเต้นมาก
เมื่อมายมิ้นท์ได้ยินประโยคนี้ขึ้นอีกครั้ง เธอก็กำโทรศัพท์แน่นแล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแข็งทื่อว่า “ฉันเห็นแล้ว”
“คุณตกใจใช่ไหม?” ลาเต้ไม่รู้สึกสิ่งใดที่ผิดปกติไป เขาเพียงมองไปยังคอมพิวเตอร์ที่อยู่ตรงหน้าแล้วเอ่ยถามด้วยท่าทางตื่นเต้นว่า “ที่รัก คุณไม่รู้หรอกว่าเมื่อวานนี้ในงานเลี้ยงท่าทีของเปปเปอร์ปฏิบัติต่อเรด้าเป็นยังไง เขาดูขยะแขยงเธอมาก แต่จู่ๆ วันนี้ประกาศจะหมั้นเสียอย่างนั้น”
เขาหัวเราะเหอะๆ แล้วพูดขึ้นว่า “ที่รัก คุณว่าเขาคิดอะไรอยู่กัน เขาไม่ได้รักเรด้า แต่กลับจะหมั้นกับเธอ การหมั้นมีความหมายและประโยชน์อะไรกับเขา? ตระกูลจักรีศานส์ก็เป็นเพียงตระกูลรากหญ้าตระกูลหนึ่ง มีส่วนไหนที่ทำให้เขาเห็นค่ากัน? อีกอย่างตระกูลนวบดินทร์แข็งแกร่งขนาดนั้น ไม่จำเป็นต้องแต่งงานเพื่อร่วมมือกับบริษัทไหนอีกแล้ว หากว่าไปแต่งงานเพื่อธุรกิจ จะไม่เป็นการดึงตระกูลนวบดินทร์ลงไปหรอกเหรอ ดังนั้นเขา……”
“ใครบอกกันค่ะว่าการที่เขาแต่งงานจะเป็นเพราะเพื่อประโยชน์ของตระกูล ถ้าเป็นเพราะรักแท้ล่ะคะ?” มายมิ้นท์เผยอมุมปากขึ้นแล้วยิ้มเยาะ
ลาเต้หัวเราะขึ้นทันที “รักแท้เหรอครับ? ที่รักคุณอย่าพูดตลกไปเลย เปปเปอร์ กับเรด้าจะไปมีรักแท้ต่อกันได้ยังไง!”
“ใครบอกว่าไม่ได้ล่ะคะ?” มายมิ้นท์หลับตาลงเพื่อไม่ให้คนอื่นมองเห็นแววตาของเธอ “เมื่อสักครู่คุณก็พูดเองนี่คะว่าตระกูลจักรีศานส์เป็นเพียงตระกูลยากจนที่ไม่มีค่าอะไรพอจะทำให้ตระกูลนวบดินทร์เห็นค่า ไม่มีคุณสมบัติพอที่เขาจะแต่งงานด้วย เนื่องจากตระกูลจักรีศานส์ไม่เพียงแต่ไม่สามารถช่วยเหลือตระกูลนวบดินทร์ได้ ในทางตรงกันข้ามอาจจะต้องพึ่งพาตระกูลนวบดินทร์ด้วย เปปเปอร์ไม่ใช่คนที่ยอมทำการค้าขาดทุน และไม่ยอมให้คนอื่นมาบีบบังคับ ดังนั้นการที่เขายินยอมจะหมั้นหมายกับเรด้าคงไม่ได้เป็นเพราะคนอื่นบังคับหรือว่ามีผลดีอะไรกับตระกูลนวบดินทร์ เหตุผลเดียวที่มีก็คือเขารักเธอจริง”
“รัก……” ลาเต้เผยอริมฝีปากขึ้นแล้วชะงักลง เขาพูดไม่ออกอยู่สักพักก่อนที่จะเอ่ยขึ้นว่า “ที่รัก จู่ๆ ผมก็รู้สึกว่าสิ่งที่คุณพูดมาดูมีเหตุมีผล ผมไม่สามารถหักล้างมันได้เลย”
“มันเป็นความจริง”
“ผมเข้าใจ ผมเพียงแต่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเปปเปอร์จะรักเรด้าจริงๆ เพราะเมื่อวานนี้ผมก็อยู่ในที่นั้นด้วย ดวงตาที่เปปเปอร์มองไปทางเรด้า ไม่ต้องพูดถึงว่าดูรังเกียจขนาดไหน ดังนั้นการหมั้นนี้ผมสงสัยว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า” ลาเต้เอามือกุมคางแล้วครุ่นคิด
มายมิ้นท์พูดออกมาด้วยใบหน้าว่างเปล่าว่า “ของจริงอยู่แล้วค่ะ ถ้าหากว่าเป็นเรื่องเท็จคุณคิดว่าเขาจะไม่ออกมาชี้แจงเหรอ นี่มันก็สิบโมงกว่าแล้วนะคะ แต่เขายังไม่ขยับเขยื้อนอะไรเลย นั่นหมายความว่าเป็นเรื่องจริง”
“ก็จริงอยู่” ลาเต้พยักหน้า
มายมิ้นท์สูดลมหายใจเขาแล้วพูดว่า “เอาล่ะคาราเต้ มีเรื่องอะไรจะพูดอีกหรือเปล่า ถ้าไม่มีฉันขอวางสายก่อนนะคะ ฉันรู้สึกเหนื่อยอยากจะพักสักหน่อย”
ตอนนี้ไม่เพียงแค่เธอรู้สึกไม่สบายใจ แต่เธอรู้สึกเริ่มวิ่งเวียนหัวขึ้นมาแล้ว
เธอจำเป็นจะต้องนอนเอนกายพักผ่อนสงบสติอารมณ์ปรับสภาพจิตใจของตัวเอง
และทำความเข้าใจกับตัวเองว่าทำไมเธอจึงอารมณ์แปรปรวนเมื่อเห็นข่าวว่าเปปเปอร์จะหมั้น
ลาเต้ฟังออกถึงความผิดปกติภายในน้ำเสียงของมายมิ้นท์ เขาขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยกำลังตั้งใจจะถามอะไรบางอย่าง แต่พบว่า จู่ๆ โทรศัพท์ก็เงียบไป
เขาจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาดู พบว่าหน้าจอสว่างขึ้นอยู่ในหน้าของการโทรเข้าโทรออก จึงได้รู้ว่าเธอวางสายไปแล้ว
ขณะเดียวกันที่ตระกูลชุติเกษม ทามทอยก็เห็นข่าวเหล่านั้น เขาเบิกตากว้างจนตาแทบถลน ก่อนจะรีบติดต่อไปที่เปปเปอร์ “ให้ตายสิเปปเปอร์ บ้าไปแล้วหรือไงที่จะหมั้นกับเรด้า?”