รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 50 ผู้หญิงคนนี้กำลังสอนเขาอย่างนั้นเหรอ
ต่อมา เขาก็กดเปิดวิดีโอแรกดู
ภาพที่เปปเปอร์เห็นคือมายมิ้นท์กำลังเอ่ยค่อนแขวะผู้ปกครองเหล่านั้นอย่างไม่ยอม เมื่อผู้ปกครองพวกนั้นแสดงท่าทีสงสัยในความสามารถของปีโป้ เธอก็ให้เด็กๆแข่งดวลกันสองในสามเกม
ที่ปีโป้ไปหามายมิ้นท์ในวันนั้น ที่แท้ก็เป็นเพราะอยากเข้าร่วมทีมฝึกแต่ไม่กล้ามาหาเขา จึงไปหามายมิ้นท์แทนนี่เอง
เปปเปอร์มุ่นคิ้วเล็กน้อย ไม่ค่อยพอใจกับการที่มายมิ้นท์ไปช่วยปีโป้ที่โรงเรียนเป็นการส่วนตัว กระนั้นก็ยังทนดูวิดีโอต่อไป
“เล่นดีๆล่ะ ถ้านายแพ้ พี่นายขายหน้าแน่”
ในวิดีโอมายมิ้นท์ยื่นผ้าขนหนูไปให้เด็กหนุ่ม พูดคุยกับเขาสองสามประโยค ในตอนที่เงยหน้ามองเด็กหนุ่ม สายตาของเธอก็หยุดค้างอยู่บนใบหน้าของอีกฝ่ายประมาณสิบวินาที เนื่องจากทามทอยถ่ายจากด้านข้าง เปปเปอร์จึงไม่รู้ว่าสายตาของเธอเป็นอย่างไร
หลังจากที่ดูจบ เปปเปอร์ก็กดเปิดวิดีโอที่สอง
มายมิ้นท์เชียร์ปีโป้ไปพลาง เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆไปพลาง
“เขาอยากหาเรื่อง ก็ให้เขามาสิ”
“เขาจะได้พิจารณาตัวเอง”
“พิจารณาว่าตัวเองเป็นพี่ชายยังไง หัดดูบ้างว่าปีโป้ต้องการมีชีวิตแบบไหน ไม่ใช่รอให้เกิดเรื่องก่อนแล้วค่อยมาเสียใจทีหลัง”
ผู้หญิงคนนี้แอบช่วยน้องชายของเขา แล้วยังเอ่ยค้อนให้เขาพิจาณาตัวเองอีกเหรอ?
เปปเปอร์แค่นเสียงหัวเราะออกมา
ในห้องทำงานกว้างใหญ่นอกจากเขาแล้ว ยังมีผู้ชายสวมใส่หมวกแก็ปกับผู้ช่วยเหมันตร์
ผู้ชายคนนั้นยืนก้มหน้าอย่างสั่นกลัว
หลังจากที่ชายหนุ่มสัมผัสได้ว่าบรรยากาศรอบตัวของเปปเปอร์เย็นยะเยือกมากกว่าเดิม ร่างกายก็กระตุกขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เอ่ยพูดเสียงเบาว่า “ประธานเปปเปอร์ คืนนั้นคุณส้มเปรี้ยวเป็นฝ่ายเข้ามาหาผมก่อน และบอกให้ผมเอาเครื่องอัดเสียงไปวางไว้ในห้องนั้น……..”
“ผมได้เงินมาทั้งหมดสองแสน อยู่ในบัตรนี้หมด ยังไม่ได้ถอนออกไปไหน” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับวางบัตรธนาคารลงบนโต๊ะ
ชายหนุ่มพูดมาหลายประโยค แต่เปปเปอร์ก็ยังคงนิ่งเงียบเหมือนเคย ความกดดันที่ไร้ตัวตนนั้นทำให้เขาหายใจหอบถี่
“ประธาน ประธานเปปเปอร์ ผมผิดไปแล้ว ได้โปรดปล่อยผมไปเถอะนะ” แข้งขาของชายหนุ่มสั่นไปหมด จนต้องคุกเข่าลง “ต่อไปนี้ถ้าคุณส้มเปรี้ยวให้ผมไปทำอะไรอีก ผมจะบอกคุณทันที”
เปปเปอร์ละสายตาจากโทรศัพท์ เงยหน้ามองเขา “ความยาวของคลิปเสียงมีกี่นาที?”
ตอนที่ทามทอยเช็กในกล้องวงจรปิด บอกว่าเห็นผู้ชายคนหนึ่งออกมาจากห้องที่พวกมายมิ้นท์อยู่ด้วยท่าทางลับๆล่อๆ พอค้นข้อมูล ก็พบว่าเป็นนักข่าวของสำนักข่าวแห่งหนึ่ง แอบรับงานนี้อย่างลับๆ เพื่อหาเงินเสริมที่ได้เร็วๆ สงสัยว่าคลิปเสียงท่อนนั้นนักข่าวคนนี้อาจจะเป็นคนปล่อยออกมา
หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้า เปปเปอร์ให้ผู้ช่วยเหมันตร์ติดต่อชายหนุ่มมาที่นี่ หลังจากที่เข้ามาในห้องทำงาน เขายังไม่ทันได้ถามอะไร นักข่าวคนนี้ก็พูดออกมาเองทุกอย่าง
“ประมาณสี่สิบนาทีครับ” ชายหนุ่มรีบตอบกลับทันที “ผมเอาเครื่องอัดเสียงเข้าไปวางไว้ ในตอนที่ยังไม่มีใครเข้ามาในห้อง คลิปเสียงที่ถูกปล่อยออกมา ก็เป็นคลิปที่ผ่านการตัดต่อมาแล้วครับ”
ชายหนุ่มล้วงเอาเครื่องอัดเครื่องออกมาวางบนโต๊ะ “นี่คือเครื่องอัดเสียงอันนั้น ผมรับประกันว่าไม่มีเครื่องสำรองแน่นอนครับ”
เปปเปอร์หยิบเครื่องอัดเสียงขึ้นมา ด้วยดวงตามืดมัว
อุบัติเหตุที่เกิดจากฝีมือของใครบางคนเมื่อหกปีก่อน บวกกับเรื่องของนักข่าว ทำให้เปปเปอร์ค่อยๆเกิดความสงสัยขึ้นมาในใจ :คนที่จงใจทำให้เกิดอุบัติเหตุเพื่อแต่งงานกับเขา คนที่อ่อนโยนแต่ร้ายกาจคนนั้น ใช่“ต้นไผ่”ที่เขียนจดหมายโต้ตอบกับเขาเมื่อหกปีก่อนจริงๆหรือ?
เขากับ“ต้นไผ่”ตอบโต้กันทางจดหมายนับครั้งไม่ถ้วน จนเขาสามารถรับรู้ความชอบทุกอย่างของ“ต้นไผ่”ผ่านจดหมาย
เด็กสาวที่อยู่ในจดหมายร่าเริงสดใส และมีชีวิตชีวา ความคิดหลายๆอย่างของพวกเขาบังเอิญตรงกันโดยไม่ได้นัดหมาย แต่ส้มเปรี้ยวที่ฟื้นขึ้นมาในภายหลัง ทั้งๆที่อยู่ข้างๆเขาแท้ๆ แต่กลับไม่เคยพูดจาตรงกันเลยสักเรื่องเดียว เหมือนเธอจะห่างเหินจากเขาไปไกลมาก
ผ่านไปนานพอสมควร เปปเปอร์ถึงได้แกะเครื่องอัดเสียงอันนั้นออก แล้วทำลายชิปข้อมูลภายในนั้นทิ้งทั้งหมด
“ฉันให้เวลานายหนึ่งชั่วโมง กลับไปเก็บของแล้วออกไปจากเมืองเดอะซีซะ” เปปเปอร์โยนของในมือลงถังขยะ เสียงทุ้มเย็นดังขึ้นมาอีกว่า “ไปแล้ว ก็อย่ากลับมาที่เมืองเดอะซีอีก ถ้าเธอถาม นายก็บอกเธอว่าได้ย้ายงาน เข้าใจไหม?”
“ครับๆ ไม่ต้องห่วง ผมจะไม่ให้ความแตกแน่นอน” เมื่อเห็นว่าตัวเองพ้นผิดแล้ว ชายหนุ่มจึงโล่งใจเป็นอย่างมาก กำลังเตรียมเดินออกไปอย่างเร่งรีบ เพิ่งหันหลังกลับได้ไม่ทันไรก็ถูกเปปเปอร์เรียกเอาไว้เสียก่อน
เปปเปอร์ชี้บัตรที่วางอยู่บนโต๊ะ “เอาไปด้วย”
“ขอบคุณครับประธานเปปเปอร์ ขอบคุณ!” ชายหนุ่มพูดขอบคุณไม่หยุด เมื่อหยิบบัตรขึ้นมา ก็หันไปโค้งให้ผู้ช่วยเหมันตร์ แล้วเดินออกไปจากห้องทำงานอย่างรวดเร็ว
ผู้ช่วยเหมันตร์ที่ยืนฟังทุกอย่างอยู่ข้างๆมีสีหน้าเรียบนิ่ง ทว่ากลับถอนหายใจออกมา
เฮ้อ!คนเรานี่รู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าคุณส้มเปรี้ยวที่ภายนอกดูอ่อนโยนจิตใจดี จะบงการคนอื่นให้ทำเรื่องอะไรแบบนี้
คุณมายมิ้นท์นี่น่าสงสารจริงๆ!
เมื่อผู้ชายคนนั้นออกไป ผู้ช่วยเหมันตร์ก็เดินเข้ามารายงานเปปเปอร์ว่า “ประธานเปปเปอร์ ทางเราค้นหาร่องรอยของเจ้าของบริษัทดีย์คูเปอร์เจอแล้วครับ กำลังพักร้อนอยู่ที่ยาบูลี่ สกีรีสอร์ท”
เปปเปอร์ตอบอืมออกมา “ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว นายก็ออกไปก่อน”
“ประธานเปปเปอร์ คราวก่อนที่ผมไปตระกูลภักดีพิศุทธิ์กับคุณ ผมเห็นว่าพรมที่ปูอยู่ตามขั้นบันไดล้วนแล้วแต่เป็นของนำเข้าจากเปอร์เซีย และมันก็นุ่มมากครับ “ผู้ช่วยเหมันตร์เอ่ยพูดขึ้นมาว่า “โคมไฟระย้าที่อยู่ตรงบันไดก็สว่างมาก ยังไงก็ต้องมองเห็นขั้นบันไดชัดแน่ๆ”
ความหมายที่เขาจะสื่อก็คือ : ต่อให้ส้มเปรี้ยวตาบอด ก็ไม่มีทางเผลอก้าวพลาดบนบันไดแบบนั้นได้อย่างแน่นอน
แต่ส้มเปรี้ยวกลับก้าวพลาดเสียอย่างนั้น แถมหัวยังไปกระแทกราวบันไดจนหัวแตกเลือดไหลอีก ดูยังไงมันก็เป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่ออยู่ดี
เปปเปอร์ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เรื่องที่ส้มเปรี้ยวเกิดอุบัติเหตุลื่นล้ม เปปเปอร์ เองก็เคยสงสัยเหมือนกัน เพียงแต่พอได้เห็นส้มเปรี้ยวนอนอยู่บนนเตียงด้วยใบหน้าขาวซีดราวกับกระดาษ เขาก็ใจอ่อนและเกิดความสงสาร จึงล้มเลิกที่จะถามสิ่งที่คิดออกไป
“ฉันรู้” เปปเปอร์พูดออกมาเสียงเย็น “ออกไปเถอะ”
ผู้ช่วยเหมันตร์ถอยออกมาอย่างเงียบๆ
เปปเปอร์นั่งอยู่ในห้องคนเดียวเป็นเวลานาน สายตาเย็นชากวาดมองเอกสารเกี่ยวกับเจ้าของบริษัทดีย์คูเปอร์ อย่างนิ่งๆ
ผ่านไปนานเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเข้าวีแชทของมายมิ้นท์ จากนั้นก็ส่งข้อความไปหาเธอ
ภายในสนาม ปีโป้หาจังหวะชู๊ตลูกได้อย่างแม่นยำ จนเอาชนะไปได้ในสามต่อสองเกม นอกสนาม มายมิ้นท์กวาดสายตามองสีหน้าของผู้ปกครองพวกนั้น เอ่ยพูดนิ่งๆว่า “ฝีมือสู้ไม่ได้ก็แค่ยอมรับ อย่าฝืนตัวเองเลยค่ะ เดี๋ยวจะกลายเป็นตัวตลกเอา”