รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 502 ฐานลับ
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” แผนกต้อนรับส่ายหน้า “คุณมายมิ้นท์ลองโทรถามดูสิคะ”
มายมิ้นท์ยิ้มอย่างแผ่วเบา “โอเคค่ะ รบกวนคุณแล้ว”
เธอหันหลังเดินออกไป
กลับมาที่รถ มายมิ้นท์หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาลาเต้
แต่เสียงที่ดังออกมาจากโทรศัพท์ ไม่ใช่เสียงของลาเต้ แต่กลับเป็นเสียงผู้หญิงอัตโนมัติที่เย็นชา “สวัสดีค่ะ บริการฝากหมายเลขโทรกลับ…”
มายมิ้นท์ขมวดคิ้วและวางโทรศัพท์ลง
แปลก?
ปิดเครื่อง?
เกิดอะไรขึ้นกับเขา?
มายมิ้นท์กัดริมฝีปาก เธอยื่นนิ้วมือออกมาแตะหน้าจอโทรศัพท์สองสามครั้งแล้วโทรออกอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอโทรหาคุณนายราศรี
โทรศัพท์ของคุณนายราศรีไม่ได้ปิดเครื่อง เธอรับสายอย่างรวดเร็ว
ได้ยินเสียงที่อ่อนโยนของคุณนายราศรี “มายมิ้นท์ ทำไมถึงคิดโทรมาป้า?”
มายมิ้นท์ยิ้มและตอบว่า “คิดถึงคุณป้าไงคะ มีอะไรอยากจะถามคุณป้าด้วยค่ะ”
“เรื่องอะไร” คุณนายราศรีนั่งจิบกาแฟอยู่บนโซฟาอย่างสง่างาม
มายมิ้นท์เอนหลังพิงเบาะ “คือหนูอยากรู้ว่า ลาเต้อยู่ที่บ้านรึเปล่าคะ?”
“ลาเต้?” คุณนายราศรีส่ายหน้า “เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ ตอนนี้เขาน่าจะอยู่ที่บริษัท”
“เขาไม่ได้อยู่ที่บริษัทค่ะ” มายมิ้นท์นวดขมับ
คุณนายราศรีวางแก้วกาแฟลง “ไม่อยู่ที่บริษัท?”
“ใช่ค่ะ”
คุณนายราศรีครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “งั้นเขาน่าจะออกไปสังสรรค์ หรือไม่ก็ไปสำรวจโรงงาน มายมิ้นท์ถ้าหนูอยากจะไปหาเขา หนูก็โทรถามเขาสิ”
“หนูโทรไปแล้วค่ะ แต่เขาปิดเครื่อง” มายมิ้นท์จับหน้าผากตัวเองอย่างช่วยไม่ได้
คุณนายราศรียักไหล่ “งั้นป้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เด็กคนนั้นบางครั้งก็ดื้อรั้นจะตาย ถ้าเขาอยากจะหลบหน้าใคร ก็ไม่มีใครหาเขาเจอ เอ่อใช่มายมิ้นท์ หนูยังหาเขาไม่เจอ บวกกับการที่เขาหายไปกะทันหันแบบนี้ พวกหนูทะเลาะกันเหรอ?”
มายมิ้นท์ตอบกลับไปด้วยความสับสน “ไม่ใช่นะคะ หนูกับลาเต้ไม่ได้ทะเลาะกัน ก่อนหน้านี้เขาโทรมาหาหนู เราก็ยังคุยกันดีๆอยู่เลย แต่จู่ๆเขาก็ผิดปกติ ต่อมาก็เป็นแบบนี้ค่ะ หนูก็งงเหมือนกัน”
“พวกหนูคุยอะไรกัน บอกป้าได้ไหม ป้าช่วยหนูวิเคราะห์” คุณนายราศรีเสนอ
มายมิ้นท์พยักหน้าอย่างเห็นด้วย จากนั้นก็เล่าเรื่องที่ตัวเองคุยกับลาเต้ทางโทรศัพท์ให้คุณนายราศรีฟังคร่าวๆ
หลังจากที่คุณนายราศรีได้ยิน เธอก็เงียบ
มายมิ้นท์ไม่สบายใจ “คุณป้าคะ ทำไมไม่พูดล่ะคะ หนูพูดอะไรทำให้ลาเต้โกรธจริงๆเหรอคะ?”
“ไม่ใช่” คุณนายราศรียิ้ม แต่สีหน้ากลับเอือมระอา “หนูไม่ได้ทำให้เขาโกรธ มันคือปัญหาของเขาเอง”
“ปัญหาของเขาเอง?” มายมิ้นท์เอียงหัว ยิ่งฟังยิ่งไม่เข้าใจ เธอถาม “คุณป้าคะ คุณป้ารู้ใช่ไหมคะว่าลาเต้เป็นอะไร?”
“พอจะรู้แล้ว ไอ้หมอนั่น รู้ว่าตัวเองพลาดอีกแล้ว” คุณนายราศรีถอนหายใจ “ที่จริงตอนนั้นป้าก็เคยบอกแล้วว่า ให้เขากล้าหาญ อย่าปิดบัง แต่เขากลับไม่ฟัง ตอนนี้เป็นไง ไม่มีความหวังอีกแล้ว ป้าคิดว่า เขาทำตัวเองทั้งนั้น”
“คุณป้าคะ…” ได้ยินคำพูดของคุณนายราศรี มายมิ้นท์รู้สึกว่าตัวเองพอจะเดาอะไรออก แต่เธอไม่แน่ใจ
คุณนายราศรีพูดอีกว่า “เอาล่ะมายมิ้นท์ หนูไม่ต้องสนใจไอ้หมอนั้น ให้เขาหลบหน้าหนูไปเถอะ ผ่านไปสักพักเดี๋ยวเขาก็กลับมาเอง ป้าวางสายแล้วนะ ป้ามีนัดไปเสริมสวยกับคุณนายสองสามคน ใกล้ถึงเวลาแล้ว”
“โอเคค่ะ” มายมิ้นท์พยักหน้า
วางสาย เธอโยนโทรศัพท์ลงบนเบาะข้างคนขับ จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาบีบจมูกตัวเอง
ไม่ต้องสนใจลาเต้?
เธอจะทำได้ยังไง
เธอเป็นเพื่อนกับลาเต้มายี่สิบกว่าปี โตมาด้วยกัน และครั้งนี้จู่ๆลาเต้ก็ผิดปกติ มันน่าจะเกี่ยวกับเธอ ถ้าเธอไม่สนใจเขา เธอไม่สบายใจ รู้สึกผิดต่อมิตรภาพยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา
ดังนั้น ไม่ว่ายังไง เธอก็ต้องหาเขาให้เจอ
มายมิ้นท์นวดขมับตัวเองเบาๆ คิดว่าลาเต้น่าจะไปที่ไหน
ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง จู่ๆเธอก็เบิกตากว้างและนั่งตัวตรงขึ้นมา
เธอคิดออกแล้ว
เธอนึกถึงสถานที่ที่ลาเต้น่าจะไป
นั่นก็คือสวนสาธารณะที่พวกเขาชอบไปเมื่อก่อน
เธอจำได้ว่าตอนที่เธออายุแปดขวบ เธอถูกลำดวนตบหน้า จากนั้นก็วิ่งออกจากบ้านด้วยความเสียใจ และก็บังเอิญเจอกับลาเต้ที่มาเที่ยวที่บ้านตระกูลกิตติภัคโสภณพอดี
เมื่อลาเต้รู้ว่าเธอถูกตบ เขาก็ด่าลำดวน และก็ถือโอกาสตอนที่ลำดวนโมโหกำลังจะถือไม้กวาดมาตีพวกเขา ลาเต้ก็จับมือเธอวิ่งออกไปจากหมู่บ้าน จากนั้นก็พาเธอไปที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง
สวนสาธารณะแห่งนั้น เป็นสวนสาธารณะที่ร้างมาตั้งนานแล้ว แล้วก็เป็นฐานลับของลาเต้ ที่นั่น เธอสามารถพูดและหัวเราะได้ตามอำเภอใจ ไม่ได้ยินลำดวนบ่นว่าเธอเสียงดัง แล้วก็ไม่ต้องเห็นสายตาที่น่ารังเกียจของลำดวน
สุดท้าย ที่นั่นก็กลายเป็นฐานลับของเธอเหมือนกัน
ทุกครั้งที่ลาเต้โทรหาเธอ นัดเธอออกไปเที่ยว พวกเขาก็จะนัดเจอกันที่ฐานลับนั้น
พูดได้ว่าที่นั้น คือที่ที่เก็บความทรงจำอันสวยงามของเธอและลาเต้ในช่วงวัยเด็กและวัยรุ่นไว้ทั้งหมด
แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เธอไม่ได้ไปฐานลับของพวกเขาอีกเลย?
นับเวลาดูแล้ว ดูเหมือนจะตั้งแต่หกปีก่อน
หกปีก่อน ตั้งแต่เธอแต่งงานกับเปปเปอร์ เธอก็ไม่ได้ไปที่นั้นอีกเลย
ถ้าไม่ใช่เพราะลาเต้หายตัวไปกะทันหันแบบนี้ เธอก็คงจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำ ว่าพวกเขามีฐานลับนั้นอยู่
เธอหายใจเข้าลึกๆ มายมิ้นท์รู้สึกผิด จากนั้นเธอก็ใส่เกียร์และสตาร์ทรถ
ประมาณสี่สิบนาทีต่อมา รถก็มาหยุดอยู่ที่หน้าสวนสาธารณะร้างแห่งหนึ่ง
มายมิ้นท์เปิดประตูลงจากรถ เงยหน้าขึ้นมองป้ายสวนสาธารณะที่เป็นสนิมและตัวหนังสือขาดๆหายๆ สายตาของเธอก็มีความคิดถึง
ผ่านไปหกปีแล้ว ในที่สุด เธอก็กลับมาที่นี่อีกครั้ง ที่ที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเธอ
ก้มหน้าลงมา มายมิ้นท์ก้าวขาเดินเข้าไปในสวนสาธารณะ
เธอเดินเข้าไปพร้อมกับมองดูสภาพแวดล้อมของสวนสาธารณะ ดูว่ามันแตกต่างไปจากเดิมรึเปล่า
ในไม่ช้า มายมิ้นท์ก็เดินเข้ามาข้างในสุดของสวนสาธารณะ และก็เห็นคนที่เธอกำลังตามหา นั่งอยู่บนชิงช้าที่เก่าแก่
ลาเต้หันหลังให้เธอ เขาก้มหน้าก้มตา ใช้มือจับโซ่เหล็กทั้งสองข้างของชิงช้า ขยับเท้าบนพื้นไปมาเพื่อแกว่งชิงช้า
มายมิ้นท์ใส่รองเท้าส้นสูงเดินเข้าไป
ลาเต้ได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูง เขาก็หยุดขยับเท้า ชิงช้าที่กำลังแกว่งอยู่ก็หยุดแกว่งทันที
เขาปล่อยมือออกแล้วนั่งตัวตรง จากนั้นก็ค่อยๆหันหน้ามา
เขาคิดว่าคนที่มาคือคนแปลกหน้า ที่เข้ามาเพราะอยากรู้อยากเห็น
แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อเขาหันหน้ากลับมา คนที่เขาเห็นคือมายมิ้นท์
ลาเต้ลุกขึ้นยืนทันที เขามองเธอด้วยตกใจและเซอร์ไพรส์ “ที่รัก ทำไมคุณถึงมาที่นี่?”
“ตกใจเหรอ?” มายมิ้นท์ไม่ตอบคำถามแต่ถามกลับลาเต้
ลาเต้พยักหน้า “แน่นอนสิ คุณไม่มาที่นี่ตั้งหลายปีแล้ว ผมคิดว่าคุณลืมที่นี่ไปแล้วซะอีก แล้วคุณคิดยังไงถึงมาที่นี่?”
เขาถาม
มายมิ้นท์ขยับริมฝีปากสีแดง เธอพูด “ฉันหาคุณไม่เจอ ก็เลยคิดว่าคุณจะไปที่ไหน ฉันเลยนึกถึงที่นี่ขึ้นมา คิดไม่ถึงว่า คุณจะอยู่ที่นี่จริงๆ”
ลาเต้ดีใจ “งั้นก็หมายความว่า คุณมาผมที่นี่โดยเฉพาะ?”
“อืม” มายมิ้นท์พยักหน้า “จู่ๆคุณก็วางสายไปแปลกๆ ฉันเป็นห่วง เลยไปหาคุณที่บริษัทก่อน แต่แผนกต้อนรับของบริษัทบอกว่าคุณไม่อยู่ที่บริษัท ไม่รู้ว่าคุณไปไหน ฉันเลยโทรหาคุณ แต่คุณปิดเครื่อง ช่วยไม่ได้ ฉันก็เลยโทรไปหาคุณป้า โทรไปถามว่าคุณอยู่ที่บ้านไหม คุณไม่อยู่ที่บ้าน ฉันก็เลยหามาที่นี่”