รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 507 ท่านย่าปรากฏตัว
คิดแบบนี้ คุณนายคนนั้นก็มองดูเล็บสีแดงของตัวเองแล้วพูดว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นพิศมัย เธอก็ไปถามสิว่าเธอมาทำไม ถ้ามาเอาใจท่านย่า เพื่อที่จะได้แต่งงานกับประธานเปปเปอร์อีกครั้ง เธอก็ถือโอกาสตอนที่ท่านย่ายังไม่ออกมา จะได้ไล่เธอออกไปก่อนไง”
พิศมัยสายตาเป็นประกาย “ใช่สิ กัลยา ขอบใจที่เตือนฉัน”
เธอจับมือคุณนายคนนั้นอย่างสนิทสนม
มองไปที่มือที่อ้วนท้วนและมันเยิ้มของพิศมัย รอยยิ้มบนในหน้าของเธอก็แข็งทื่อ แต่เพื่อไม่ให้พิศมัยดูออก เธอสูดหายใจเข้าลึกๆและรักษาท่าทีของตัวเอง ถึงได้ไม่สะบัดมือออกจากพิศมัย
คุณนายคนอื่นๆก็แอบยกนิ้วโป้งให้คุณนายคนนั้น ชื่นชมในความพยายามและความอดทนของเธอ
“เอาล่ะพิศมัย เธอรีบไปถามสิ” คุณนายคนนั้นเตือนพิศมัย “ถ้ายังไม่ไป เดี๋ยวท่านย่าก็ออกไปพอดี”
“เธอพูดถูก ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ” พิศมัยปล่อยมือคุณนายคนนั้น จากนั้นก็เดินไปหามายมิ้นท์ด้วยความโมโห
คุณนายคนนั้นเห็นว่าเธอเดินออกไปแล้ว ก็รีบเปิดกระเป๋าตัวเองแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมือ เช็ดมือพร้อมกับพูดด้วยความรังเกียจว่า “ขยะแขยง น่าขยะแขยงจริงๆ!”
“เอาหน่า เบาๆหน่อย อย่าให้เธอเห็นล่ะ ถ้าเธอเห็นเข้าแล้วเอะอะโวยวาย ประธานเปปเปอร์รู้เข้า ถึงตอนนั้นเรื่องที่เราคิดร้ายกับเธอ เห็นเธอเป็นตู้กดเงินก็คงจะปิดไม่อยู่” คุณนายอีกคนเห็นแบบนี้ก็รีบเตือน
ได้ยินแบบนี้ คุณนายคนนั้นก็หยุดเช็ดมือทันที เก็บผ้าเช็ดหน้าแล้วลุกขึ้นยืน “งั้นฉันไปล้างมือที่ห้องน้ำก่อน”
พูดจบ ก็เดินออกไปจากห้องโถง
อีกฝั่งหนึ่ง มายมิ้นท์กำลังคุยกับทามทอย
จะว่าไปก็บังเอิญ เธอพึ่งจะเดินเข้ามาได้ไม่นาน ทามทอยก็มาพอดี แล้วยังมาทักทายเธอ
ท่านย่ายังไม่ออกมา ลาเต้และคุณลุงคุณป้ายังไม่มา เธอก็ไม่อยากไปทำความรู้จักคนอื่น ดังนั้นการมาของทามทอย ทำให้เธอมีคนคุยด้วย บรรเทาความเบื่อหน่ายของเธอ
“คุณป้าพิศมัยมาแล้ว” ทามทอยเหลือบไปเห็นพิศมัย เขาขมวดคิ้วแล้วเตือนมายมิ้นท์ “เธอเดินมาด้วยความโมโห น่าจะไม่มีเจตนาที่ดี”
“มองออกแล้ว” มายมิ้นท์เขย่าแก้วไวน์แล้วเหลือบมองพิศมัยที่กำลังเดินเข้ามา จิบไวน์แล้วตอบกลับเบาๆ ท่าทีไม่กลัวการมาของพิศมัยเลยแม้แต่น้อย
พิศมัยเดินมาหยุดอยู่หน้ามายมิ้นท์ ยืนกางขาออกเล็กน้อยแล้วยกมือสองข้างขึ้นมาจับเอว บวกกับรูปร่างที่อ้วนท้วนของเธอ มันทำให้เธอดูกลมไปหมด
มายมิ้นท์เห็นว่ามีแขกที่อดหัวเราะไม่ได้
และพิศมัยก็ยังไม่รู้อะไร เธอเบิกตากว้างมองมายมิ้นท์ด้วยความโมโห “นี่คืองานเลี้ยงของตระกูลนวบดินทร์ เธอเข้ามาได้ยังไง? แอบเข้ามางั้นเหรอ?”
แอบเข้ามา?
มายมิ้นท์ขมวดคิ้ว กำลังจะพูดอะไร
ทามทอยก็พูดออกมาก่อนด้วยความไม่พอใจ “คุณป้าพิศมัยครับ พูดแบบนี้มันไม่เหมาะสมรึเปล่า? เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยข้างนอกเข้มงวดขนาดนั้น ใครจะแอบเข้ามาได้? งั้นคุณป้าพิศมัยทำให้ดูหน่อยได้ไหมครับว่าแอบเข้ามายังไง?”
“นาย…” พิศมัยมองหน้าเขาแต่ไม่กล้าทำอะไรเขา
เพราะตระกูลของเขามีแต่ข้าราชการ
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่บรรดาคนรวยในแวดวงนี้ไม่อยากหาเรื่องข้าราชการ แล้วสามัญชนทั่วไปอย่างพิศมัยล่ะ เธอยิ่งไม่กล้าแตะต้องเขา แน่นอนว่าเธอกลัวข้าราชการมากกว่าคนรวยในแวดวงนี้ซะอีก ถึงแม้ว่าเธอจะอยู่ในตระกูลนวบดินทร์มาสิบกว่าปีแล้ว เสวยสุขกับชีวิตของคนสูงส่งมาสิบกว่าปี แต่ก็เปลี่ยนแปลงความหวาดกลัวที่เธอมีต่อข้าราชการไม่ได้
ดังนั้น ถึงแม้ว่าคำพูดของทามทอยจะทำให้เธออรู้สึกไม่พอใจ แต่เธอก็ต้องทน และไปโมโหใส่มายมิ้นท์แทน “พูดมาสิ เธอเข้ามาได้ยังไง? ถ้าไม่พูด เชื่อไหมว่าฉันจะให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาไล่เธอออกไป!”
เธอชี้หน้ามายมิ้นท์
“ฉันได้รับเชิญให้มา” มายมิ้นท์มองนิ้วของเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ไม่งั้นคุณคิดว่าฉันเข้ามายังไง?”
“ได้รับเชิญมา?” พิศมัยหัวเราะแห้ง “เธอกำลังโกหกฉันใช่ไหม ตระกูลนวบดินทร์จะเชิญเธอมาได้ยังไง เธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลนวบดินทร์ของเราตั้งนานแล้ว”
“ทำไมจะไม่ได้?” ทามทอยปัดมือที่ชี้หน้ามายมิ้นท์ของพิศมัยลง “คุณป้าพิศมัยอย่าลืมนะครับว่า มายมิ้นท์สนิทกับท่านย่ามากแค่ไหน วันเกิดท่านย่า คุณคิดว่าท่านย่าจะไม่เชิญมายมิ้นท์มาเหรอครับ?”
ทันทีที่ทามทอยพูดแบบนี้ พิศมัยก็ตกใจ จากนั้นก็ได้สติกลับมา ท่านย่าดีกับมายมิ้นท์จริงๆ ท่านอาจจะเชิญมายมิ้นท์มาจริงๆก็ได้
แต่…
พิศมัยกัดฟัน “ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบนั้นฉันก็ไม่ยอมรับ ท่านย่าสับสน เมื่อก่อนอยากจะจับคู่ให้เธอกับเปปเปอร์ ตอนนี้ก็คงยังไม่ยอมแพ้ เชิญเธอมา ท่านคงจะถูกเธอทำคุณไสยใส่แน่นอน เพราะว่าเธอชอบเปปเปอร์ เลยจงใจให้ท่านย่าเชิญเธอมา สร้างโอกาสให้กับเธอกับเปปเปอร์ คนอย่างเธอ ไม่มีสิทธิ์มาที่บ้านตระกูลนวบดินทร์ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เอาตัวเธอออกไป!”
ทันทีที่เธอพูดแบบนี้ ก็มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้ามาจริงๆ
สีหน้าของมายมิ้นท์มืดมนลง
สีหน้าของทามทอยก็ดูแย่ เขามองไปที่พิศมัยด้วยความโมโห “คุณป้าพิศมัย คุณ… “
เขายังพูดไม่จบ ก็มีเสียงที่เย็นชาผสมด้วยความโมโหดังขึ้นมา “หยุดเดี๋ยวนี้!”
“ใครกล้า!” ในขณะเดียวกันก็มีเสียงที่ดูแก่ชราแต่กลับมีความอันตรายดังขึ้นมา
เจ้าของเสียงทั้งสองนั้นก็คือเปปเปอร์และท่านย่า
เห็นพวกเขาสองคน สีหน้าของพิศมัยก็เปลี่ยนไป เธอหน้าซีดทันที สายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและไม่สบายใจ “คุณแม่คะ เปปเปอร์ ทำไมถึงออกมาเร็วแบบนี้? ยังไม่ถึงเวลาออกมาไม่ใช่เหรอคะ…”
“ถ้าฉันรอออกมาตอนนั้นจริงๆ เกรงว่าคงจะไม่เห็นแขกสักคน คงจะโดนเธอไล่ออกไปหมดแล้ว!” ท่านย่ามองพิศมัยด้วยสายตาที่เย็นชา
พิศมัยหดคอลง “หนู… หนูไม่ได้ หนูจะทำแบบนั้นได้ยังไงคะ…”
“เธอไม่ได้ทำแบบนั้น?” ท่านย่ากระแทกไม้เท้าด้วยความโมโห “เธอกำลังจะไล่มายมิ้นท์ออกไปไม่ใช่เหรอ?”
“นี่มันไม่เหมือนกันค่ะ เธอมีเจตนาร้าย” พิศมัยเบิกตามองมายมิ้นท์
มายมิ้นท์ไม่ได้สนใจเธอ แต่กลับมองไปที่เปปเปอร์
ไม่เจอกันสองสามวัน เขาดูผอมลง
แล้วยังดูไม่ค่อยมีชีวิตชีวา
เขารักษาตัวอยู่ไม่ใช่เหรอ?
ทำไมยิ่งรักษายิ่งแย่ลงเรื่อยๆ?
มายมิ้นท์ขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ
รู้สึกถึงสายตาของเธอ เปปเปอร์ก็ก้มหน้ามองออกไป
มายมิ้นท์คิดไม่ถึงว่าเขาจะมองมาตอนนี้ เธอตกใจ จากนั้นก็หันหน้าหนีอย่างรวดเร็ว
เธอยังจำคำพูดที่เขาเคยพูดได้ บอกให้เธออย่ามาให้เขาเห็นหน้าอีก
แต่วันนี้เป็นวันเกิดของท่านย่า เธอหลบไม่ได้ จึงต้องมาให้เขาเห็นหน้า
แต่เธอไม่สบตากับเขาก็ได้
แค่ไม่สบตากับเขา เธอก็จะได้โกหกตัวเองในใจว่าเธอไม่ได้เจอเขา
เห็นมายมิ้นท์หลบหน้าตัวเอง สายตาของเปปเปอร์ก็มืดมนลง เขาแอบถอนหายใจในใจ
เขารู้ว่าทำไมเธอถึงหลบหน้าตัวเอง
ทุกอย่างเป็นเพราะตัวเอง
ทามทอยเห็นพฤติกรรมที่ละเอียดอ่อนของพวกเขาสองคน ทามทอยสายตาเป็นประกาย ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“มายมิ้นท์มีเจตนาร้ายอะไร?” ท่านย่าถามด้วยความโมโห
พิศมัยเหลือบมองเปปเปอร์ “ยังต้องพูดอีกเหรอคะ ก็เพราะว่าเปปเปอร์ มายมิ้นท์ชอบเปปเปอร์ มาร่วมงานเลี้ยง ไม่ใช่เพราะวันเกิดท่านแน่นอน แต่เพราะว่าเปปเปอร์ เธอ…”
“พอแล้ว!” เปปเปอร์ดุเธอด้วยใบหน้ามืดมน “คุณแม่ วันนี้เป็นวันเกิดของท่านย่า ไม่ใช้ให้แม่มาก่อเรื่อง แม่ทำแบบนี้ เพราะไม่ชอบท่านย่า อยากจะทำลายงานเลี้ยงวันเกิดของท่านย่า ทำให้ตระกูลนวบดินทร์กลายเป็นตัวตลกของทุกคนเหรอ?”
“แม่…แม่ไม่ได้…” พิศมัยเห็นเขาพูดรุนแรงขนาดนั้น เธอก็รีบส่ายหน้าและสะบัดมืออธิบาย
เปปเปอร์หรี่ตาลง “คุณแม่ไม่ได้? งั้นคุณแม่ลองหันไปดูว่าแขกล้วนแต่มีปฏิกิริยายังไง!”
ได้ยินแบบนี้ พิศมัยก็หันหลังกลับไปดู เห็นสายตาที่ดูถูกเหยียดหยามและเยาะเย้ยของแขกพวกนั้น เธอก็ตัวแข็งทื่อทันที