รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 513 เธอเป็นลูกพี่ลูกน้อง
พี่ลีน่าหมุนรอบมือเขาไปรอบหนึ่ง แล้วเอามือพาดไว้บนไหล่เขา แล้วก็ถามขึ้นอย่างแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ “ทามทอย นายหมายถึงเรื่องอะไรล่ะ?”
“พี่ลีน่า เรื่องมันมาถึงจุดนี้แล้ว พวกเราก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องแล้ว คุณกับเปปเปอร์ตั้งใจวิ่งตามมา แล้วมาเต้นรำอยู่ข้าง ๆ ผมกับมายมิ้นท์ เพื่อหวังว่าจะฉวยโอกาสตอนที่หมุนตัวครั้งใหญ่ มาเปลี่ยนตัวกับมายมิ้นท์ใช่ไหมครับ?” ทามทอยก้มหน้าลงมองเธอ และพูดด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก
เรียวปากแดงของพี่ลีน่าคลี่ยิ้มออกมา “โอ๊ะ โอ๊ะ ปิดบังนายไม่ได้จริง ๆ ด้วย ฉันเองก็ไม่มีทางออกแล้ว ใครใช้ให้เปปเปอร์เป็นน้องชายฉันล่ะ ผู้หญิงที่เขาชอบ ฉันก็จะต้องช่วยเขาอยู่แล้ว”
“ถึงจะเป็นแบบนั้น แต่ว่ามาแย่งคนไปจากมือคนอื่น นี่มันก็ช่างไม่มีศีลธรรมเลยนะครับ” ทามทอยผลักเธอออกทีหนึ่ง แล้วหยุดการเต้นรำลง
พี่ลีน่าเซถอยหลังไปสองก้าวถึงจะยืนมั่งคงได้ แต่ก็ไม่โกรธ ปัดผมยาวออกแล้วยิ้มจาง ๆ และพูดขึ้นว่า “ฉันไม่รู้สึกว่านี่มันไม่มีศีลธรรมเลยนะ นายกับมายมิ้นท์ก็ยังไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อย ดังนั้นนี่จึงสามารถพูดได้ว่าเป็นแค่การแข่งขันกัน เพียงแต่ว่านายขาดผู้ช่วยไปคนหนึ่งเท่านั้น เพราะฉะนั้นมันก็เลยดูไม่ค่อยยุติธรรมเท่าไหร่ และที่สำคัญทามทอย นายเองก็น่าจะดูออกนะ ว่าเปปเปอร์กับมายมิ้นท์นั้นรักกันอยู่ ไม่งั้นนายคิดว่าฉันกับมายมิ้นท์จะเปลี่ยนตัวกันได้ง่าย ๆ แบบนี้เลยเหรอ?”
ถ้าเกิดว่ามายมิ้นท์ไม่ได้มีความรู้สึกต่อเปปเปอร์ ถึงเปปเปอร์จะลากตัวมายมิ้นท์ไป มายมิ้นท์ก็ไม่มีทางที่จะตามเปปเปอร์ไปแน่นอน คิดว่าคงจะฟาดหนึ่งฝ่ามือไปที่เปปเปอร์แล้ว
แต่มายมิ้นท์ก็ไม่ได้ทำ แล้วในทางกลับกันพอเปปเปอร์ลากไปหน่อยก็เดินตามไปเลย
ซึ่งนี่หมายความว่า หมายความว่ามายมิ้นท์ก็อยากจะตามเปปเปอร์ไปด้วย
พี่ลีน่าสามารถคิดออกได้ แน่นอนว่าทามทอยเองก็สามารถคิดออกได้เช่นกัน
เขาเบือนหน้าไปมองทั้งสองคนที่กำลังเต้นรำอยู่แล้วในที่ไม่ไกลนัก หมัดก็กำเข้าหากันแน่น ในใจเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “แน่นอนว่าผมรู้อยู่แล้วว่าพวกเขารักกัน แต่ว่า……”
“ในเมื่อพวกเขารักกัน ก็ให้พวกเขาสมปรารถนาไม่ได้เหรอ?” พี่ลีน่าผายมือออกพูดขัดเขาขึ้นมา “ฉันรู้ว่านายชอบมายมิ้นท์ แต่มายมิ้นท์ไม่ได้ชอบนายนี่ นายจะมาดื้อดึงอยู่แบบนี้ทำไมกัน สุดท้ายก็จะมีแต่บาดแผลไปทั่วทั้งตัว แถมยังต้องมาทนเห็นเปปเปอร์กับมายมิ้นท์อยู่ด้วยกันอีก ดังนั้นมีแต่ปล่อยมือเท่านั้นถึงจะเป็นทางเลือกที่ถูกต้องที่สุดของนาย”
ทามทอยก้มหน้าลง
ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าที่เธอพูดมานั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
แต่ว่ายังไงเขาก็ไม่พอใจอยู่ดี
ถึงแม้ว่าเขาจะมีชื่อเสียงไม่ดีมาตลอด แต่ก็ไม่เคยตกหลุมรักใครมาก่อน
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจิตใจหวั่นไหวต่อคนคนหนึ่ง แล้วเขาจะยอมปล่อยคนที่ทำให้เขาจิตใจหวั่นไหวไปได้ยังไง?
ทามทอยไม่พูดอะไรอีก พี่ลีน่าเดินหน้าเข้ามา และลากแขนของเขามา “เอาล่ะ เอาล่ะ มีเรื่องอะไรเดี๋ยวค่อยคุยกันดีกว่า ทามทอย เรามาเต้นรำกันต่อดีกว่า ยังมีอีกช่วงหนึ่งก็จะจบแล้ว”
“ไม่ละครับ ผมไม่มีอารมณ์แล้ว พี่ลีน่าเต้นไปเองคนเดียวเถอะครับ” ทามทอยสะบัดมือของเธอออก แล้วหมุนตัวออกจากฟลอร์เต้นรำไป แล้วก็เดินตรงไปที่ทางออกของห้องโถงงานเลี้ยงเลย
พี่ลีน่าจ้องมองดูแผ่นหลังของเขา แล้วแลบลิ้นออกเล็กน้อย “โอ๊ะ โอ๊ะ เหมือนฉันจะทำร้ายจิตใจที่บริสุทธิ์ของเด็กหนุ่มคนหนึ่งไปแล้ว เปปเปอร์ พี่สาวของนายอย่างฉัน ได้ทำบาปอย่างหนักเพื่อนายแล้วจริง ๆ”
เธอจ้องมองไปที่ชายหญิงที่เต้นรำอยู่แล้วพึมพำไป
อีกด้านหนึ่ง พอมายมิ้นท์ตั้งสติจากความตกตะลึงที่โดนเปปเปอร์พาตัวมาได้แล้ว เธอก็ชักมือตัวเองกลับเล็กน้อย อยากจะชักมือตัวเองออกมาแล้วแยกออกเขา
แต่มือของเปปเปอร์ กลับเป็นเหมือนกับนอต ไม่ว่าเธอจะชักกลับมายังไง ก็ไม่มีทางที่จะชักกลับมาได้เลย
แล้วเขาก็มีทักษะในการจับที่ดีมาก สามารถจับเธอไว้ได้แน่น แล้วก็ไม่ทำให้เธอเจ็บด้วย
“เปปเปอร์ คุณปล่อยมือนะ!” มายมิ้นท์ขมวดคิ้วขึ้นมา แล้วตะคอกขึ้นมาเสียงต่ำ
เปปเปอร์จ้องมองเธอ “อย่าขยับไปเรื่อย ร่างกายของผมยังไม่หายดี มีแค่มือเดียวที่ใช้งานได้แล้ว ถ้าคุณรุนแรงมากเกินไป แล้วเดี๋ยวผมเกิดไปชนกับใครเข้าแล้วแขนหลุดอีกจะทำยังไง?”
“นั่นก็เป็นเพราะว่าคุณสมควรโดนแล้ว ใครใช้ให้คุณร่างกายยังไม่หายดี แขนยังต้องคล้องอยู่ข้างหนึ่งก็มาเต้นรำล่ะ?” มายมิ้นท์ถลึงตาใส่เขาอย่างโมโห
ดวงตาของเปปเปอร์เคร่งขรึมลง “ช่วยไม่ได้ จู่ ๆ ก็รู้สึกอยากจะเต้นรำมากขึ้นมา”
พอมองเห็นเธอเต้นรำอยู่กับทามทอย เขาจะไปยอมรับได้ยังไงกัน
แต่เขาจะพุ่งเข้ามาในฟลอร์เต้นรำ แล้วจับเธอแยกออกจากทามทอยไม่ได้ แบบนั้นจะทำลายงานเลี้ยงฉลองวันเกิดท่านย่าได้
ดังนั้น เขาก็เลยต้องลงมาในฟลอร์เต้นรำด้วยตัวเอง แล้วใช้ช่วงจังหวะของการเต้น มาแย่งตัวเธอไปจากทามทอยอย่างแยบยล และไม่ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวด้วย
แต่มายมิ้นท์ไม่รู้เรื่อง พอเธอได้ยินเปปเปอร์บอกว่าจู่ ๆ ก็อยากจะเต้นรำ
ปฏิกิริยาแรกก็คือ เขาจู่ ๆ ก็อยากจะเต้นรำกับพี่ลีน่าคนนั้น ถึงได้ลงมาที่ฟลอร์เต้นรำ ในใจก็เกิดไฟโกรธปะทุขึ้นมาระลอกหนึ่งทันที แล้วพูดด้วยใบหน้าเรียวเคร่งขรึมขึ้นว่า “ในเมื่อประธานเปปเปอร์อยากจะเต้นรำ แล้วจะพาตัวฉันมาทำไมคะ ยังไม่รีบปล่อยตัวฉันไป แล้วไปหาพี่ลีน่าคนนั้นอีก?”
เปปเปอร์ยักไหล่ขึ้น “คุณกำลังหึงอยู่เหรอ”
“ห๋า?” มายมิ้นท์เหมือนกับเป็นแมวที่โดนเหยียบหาง ท่าทีเปลี่ยนไปทันที แววตาล่อกแล่กสั่นไหวไป แล้วปรับเสียงให้สูงและถามกลับว่า “คุณพูดไปเรื่อยอะไร ใครหึงกัน? ฉันจะไปหึงได้ยังไงกัน!”
เธอไม่ได้รักเขาสักหน่อย ทำไมจะต้องหึงด้วย?
ใช่ ถูกต้อง เป็นแบบนี้แหละ!
มายมิ้นท์กัดริมฝีปากไว้ แล้วพยักหน้าไป
เปปเปอร์จ้องมองเธอ แล้วยิ้มจาง ๆ ขึ้นมา “ใช่ ใช่ ใช่ คุณไม่ได้หึง แต่ผมก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปหาพี่ลีน่าด้วย”
“ทำไมละคะ?” มายมิ้นท์รู้สึกไม่ค่อยเข้าใจ
เรียวปากของเปปเปอร์ขยับขึ้นเล็กน้อย แล้วก็พูดโกหกขึ้นมาอย่างไม่สะทกสะท้าน “พี่สาวผมเธอ อยากจะเต้นรำกับทามทอยน่ะ”
“เดี๋ยวนะคะ เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะคะ? พี่สาวเหรอคะ?” มายมิ้นท์เงยหน้าขึ้นมามองเขาอย่างตกตะลึง
ถ้าเกิดเธอไม่ได้ฟังผิดไปละก็ เขาเรียกว่าพี่สาวใช่ไหม?
เปปเปอร์พยักหน้าขึ้นมา “อืม พี่ลีน่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของผม ชื่อเต็มคือโรสแมรี่ แม่ของเธอกับแม่ของผมเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ดังนั้นเธอจึงเป็นพี่สาวผม”
พี่สาว……เป็นลูกพี่ลูกน้องกันนี่เอง!
พี่ลีน่าเป็นพี่สาวของเขา แต่ไม่ใช่ผู้หญิงอะไรที่มาทำให้เขาจิตใจใฝ่หาเหรอ
เพราะฉะนั้นก่อนหน้านี้เธอเข้าใจเขาผิดไปเอง……
พอคิดมาถึงตรงนี้ เรียวปากแดงของมายมิ้นท์ก็เม้มเข้าหากันแน่น แล้วก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย ใบหน้าเรียวเล็กอดกลั้นจนแดง ในขณะที่ในใจอึดอัดจนรู้สึกลำบากใจอยู่นั้น ก็ยังมีความดีใจอยู่จาง ๆ เล็กน้อย
ถึงแม้ว่า เธอจะไม่รู้ว่าดีใจเรื่องอะไรบ้าง แต่เธอสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจน ว่าตัวทั้งตัวของตัวเองนั้นผ่อนคลายลงแล้ว
เหมือนอย่างกับว่าก้อนหินที่ทับอยู่ในใจตั้งแต่แรก อยู่ ๆ ก็โดนยกออกไปแล้วยังไงอย่างงั้น และรู้สึกสบายขึ้นมาทันทีเลย
พอเห็นว่ามายมิ้นท์ค่อย ๆ คลี่ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ดวงตาของเปปเปอร์ก็อ่อนโยนราวกับจะมีน้ำเอ่อล้นออกมา
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขารู้ว่ามันยังไม่ถึงเวลา เขาก็อยากจะรวบตัวเธอมากอดไว้ในอ้อมกอดมากจริง ๆ อยากมากจริง ๆ
อดทนไว้หน่อยเถอะ
อดทนอีกช่วงหนึ่ง
เปปเปอร์บอกกับตัวเองในใจไปแบบนั้น
ผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงดนตรีก็จบลง ซึ่งหมายความว่าการเต้นรำก็ได้จบลงแล้ว
มายมิ้นท์กับเปปเปอร์ยืนเป็นแถวเดียวกัน จูงมือกันไว้และทำท่าทางขอบคุณให้กับผู้คนรอบข้างที่ไม่ได้มาเต้นรำด้วย และแขกที่มาเป็นผู้ชมด้วยทีหนึ่ง
แขกผู้มีเกียรติเหล่านั้นค่อย ๆ ปรบมือกันขึ้นมา
ท่ามกลางเสียงปรบมือ มายมิ้นท์ก็ยืดตัวตรงขึ้น แล้วก็ชักมือกลับมาจากมือเปปเปอร์
เปปเปอร์จ้องมองมือที่ว่างเปล่าของตัวเอง ในดวงตาก็มีแววเสียดายกะพริบขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง แล้วก็หายวับไปในทันที
ในเวลานี้เอง ท่านย่าก็โดนป้าแดงประคองไว้และปรากฏตัวออกมาในงานอีกครั้ง และเดินไปทางเวที น่าจะไปกล่าวอะไรสักหน่อย
เปปเปอร์หันหน้ามาพูดกับมายมิ้นท์ขึ้นว่า “ท่านย่าจะขึ้นไปกล่าวบนเวทีแล้ว ผมต้องไปดูสักหน่อย เดี๋ยวคุณไปนั่งกินอะไรที่มุมพักผ่อนก่อนนะ”
มายมิ้นท์ตอบอืมไปคำหนึ่ง “ได้ค่ะ”
เปปเปอร์ยกฝีเท้าขึ้นมา แล้วเดินไปทางท่านย่า
มายมิ้นท์หมุนตัวไป แล้วเดินไปทางมุมพักผ่อนเลย
เธอไม่ได้เต้นรำมานานมากแล้ว ที่สำคัญยังเป็นการเต้นทั้งเพลงอีก เพราะฉะนั้นพอเต้นเสร็จแล้วจนถึงตอนนี้ เธอก็รู้สึกว่าเหนื่อยจนหมดเรี่ยวแรงขึ้นมาหน่อยแล้ว
พอมาถึงที่มุมพักผ่อน มายมิ้นท์ก็หยิบน้ำผลไม้มาแก้วหนึ่งแล้วก็ไปนั่งลงที่โซฟา แล้วก็จิบคำเล็ก ๆ ไปด้วย แล้วก็มองไปทางเวทีด้วย และฟังท่านย่ากับเปปเปอร์พูดไป
แล้วอยู่ ๆ เธอก็นึกอะไรขึ้นมาได้ แก้วที่อยู่ในมือนิ่งค้างไปครู่หนึ่ง ตัวทั้งตัวก็นิ่งอึ้งไปเลย
ทามทอยล่ะ?
เหมือนกับว่าตั้งแต่ที่เธอโดนเปปเปอร์พาตัวไป ก็ไม่เห็นทามทอยอีกเลย
มายมิ้นท์รีบวางน้ำผลไม้ลงแล้วลุกขึ้นมา และมองซ้ายมองขวาไป มองหาเงาของทามทอยไป
แต่ว่าพอมองหาไปรอบหนึ่ง เธอก็ไม่เห็นทามทอยเลย ในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดและละอายใจขึ้นมา