รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 515 พวกเราไม่เหมาะสมกัน
“ทำไมงั้นเหรอ?” มายมิ้นท์โกรธมากจนขำขึ้นมา “คุณยังจะมาถามฉันว่าทำไมอีก? คุณเป็นคนบอกฉันเอง ว่าคุณจะปล่อยมือแล้ว คุณเป็นคนบอกฉันเองว่าให้ฉันอย่ามาปรากฏตัวต่อหน้าคุณอีก แต่ผลสุดท้ายเป็นไงล่ะ ตอนนี้คุณมาพูดคำพูดพวกนั้นต่อหน้าผู้คนมากมายอีก และได้ทำลายคำพูดที่คุณพูดไว้ในเมื่อก่อนไปหมดเลย ถ้าคุณไม่ได้ล้อฉันเล่นอยู่แล้วมันคืออะไรล่ะ? เปปเปอร์ ตกลงฉันทำผิดต่อคุณตรงไหนกัน คุณถึงต้องมาทำกับฉันแบบนี้ด้วย!”
เธอกำมือเข้าไว้ด้วยกัน ทุบหน้าอกของตัวเองไป แล้วก็ตะโกนออกมาเสียงดัง
เปปเปอร์ขยับเรียวปากเล็กน้อย น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นค่อนข้างลำบากใจและไม่ค่อยมีเหตุผลขึ้นมา “ขอโทษนะ คำพูดของเมื่อก่อนผมเป็นคนพูดไว้จริง ๆ แต่ทั้งหมดมันก็มีเหตุผลทั้งนั้น”
“คะ? เหตุผลเหรอ?” มายมิ้นท์สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง แล้วพยายามสงบสติอารมณ์ลง “งั้นก็ดีเลย งั้นคุณก็บอกฉันมา ว่ามันมีเหตุผลอะไรกัน”
เปปเปอร์หรี่เปลือกตาลง และไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับไปยังไง
ถ้าเกิดจะพูดไปตรง ๆ ว่าเป็นเพราะว่าตัวเองช่วยชีวิตเธอไว้ จนทำให้หัวใจเกือบจะย่ำแย่ไป ดังนั้นตอนนั้นถึงได้พูดคำพูดพวกนั้นออกไป
ถ้าหากว่าเธอรู้เรื่องแล้ว ด้วยนิสัยของเธอ คงจะต้องโดนความรู้สึกผิดมหาศาลมาทับถมจนล้มไปแน่
แถมยังอาจจะไปโรงพยาบาลไปทำการตรวจการเข้ากันได้ของอวัยวะด้วย……
ดังนั้น เขาจะพูดออกไปได้ยังไง!
พอเห็นเปปเปอร์เม้มปากไว้ไม่พูดอะไร ในดวงตาของมายมิ้นท์ก็มีแววผิดหวังกะพริบผ่านไป แล้วยิ้มเยาะเย้ยขึ้นมาทีหนึ่ง “ก็เป็นแบบนี้ทุกครั้ง ทำให้คนอื่นเกิดความสงสัยขึ้นมา แล้วก็ไม่ยอมพูดอะไรอีก เปปเปอร์ คุณนี่ช่างทำให้ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียนจริง ๆ!”
สะอิดสะเอียน!
ใบหน้าหล่อเหลาของเปปเปอร์ขาวซีดขึ้นมา มือทั้งสองข้างกำเข้าหากันแน่น และจ้องมองเธอไปด้วยดวงตาสั่นไหว “คุณพูดว่าผมน่าสะอิดสะเอียนเหรอ?”
ดวงตาของมายมิ้นท์สั่นไหวเล็กน้อย
ที่จริงในตอนที่เธอพูดประโยคนี้จบแล้ว ก็ได้รู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้ว
เพราะว่าตัวเธอเองก็รู้สึกตัวขึ้นมาแล้วว่า คำพูดของตัวเองนั้น พูดเกินไปแล้วจริง ๆ
อย่างที่สองก็คือ เธอติดค้างหนี้บุญคุณกับเขาไว้เยอะขนาดนี้ เธอก็ไม่ควรพูดคำพูดพวกนี้กับเขาเลย
แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็ข่มไฟโกรธในใจไว้ไม่อยู่ และโมโหที่เขาทำไมต้องปิดปังเธอไว้ทุกอย่าง
พอนวดหัวคิ้วไปเล็กน้อย มายมิ้นท์ก็มองไปที่เปปเปอร์อย่างรู้สึกผิด “ขอโทษค่ะ ฉันพูดเกินไปหน่อยแล้ว แต่ว่าเรื่องที่คุณทำให้ฉันผิดหวังนั้นเป็นเรื่องจริง ฉันไม่รู้ว่าคุณมีเหตุผลอะไร แต่ในเมื่อคุณตัดสินใจว่าจะปล่อยมือไปตั้งแต่แรก ก็ควรจะทำต่อไปตลอดซิคะ ไม่ใช่ว่าอยู่ ๆ ก็มาเปลี่ยนใจในตอนนี้ คุณทำแบบนี้มีแต่จะทำให้ฉันรู้สึกว่า ฉันเป็นแค่ของเล่นชิ้นหนึ่ง ที่ถูกโยนทิ้งไปในตอนที่คุณอารมณ์ไม่ดี แต่พอตอนที่อารมณ์ดีก็จะเก็บกลับมาอีก”
พอพูดมาถึงตรงนี้ เธอก็มองดูเขาเล็กน้อย “คุณรู้หรือเปล่าคะเปปเปอร์ ไม่ว่าคุณจะปล่อยมือ หรือว่าตอนนี้คุณจะเปลี่ยนใจแล้ว คุณเป็นคนตัดสินใจเองคนเดียวมาตลอด คิดแล้วก็จะทำเลย คุณไม่เคยสนใจความรู้สึกของฉันมาเลยสักนิด และก็พูดได้ว่า คุณไม่เคยให้เกียรติฉันมาก่อนเลย!”
พอพูดจบ เธอก็หมุนตัวจากไปเลย
ขายาว ๆ ของเปปเปอร์ก้าวไปหนึ่งก้าว แล้วแขนขวาก็คว้าไปข้างหน้าทีหนึ่ง รวบเอวเธอมาไว้ได้ และกอดตัวเธอมาจากด้านหลังไว้แน่น
มายมิ้นท์อึ้งไปครู่หนึ่ง “คุณ……”
“ผมไม่ได้จะล้อคุณเล่นจริง ๆ” เปปเปอร์ก้มหน้าลง แล้วเอาหน้าผากซุกไว้บนไหล่เธอ และพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมและแหบแห้งขึ้นว่า “และผมก็ไม่ได้เห็นว่าคุณเป็นของเล่นด้วย ตอนนั้นที่อยู่ ๆ ผมก็ปล่อยมือไปจากคุณนั้น เป็นเพราะว่าผมคิดไม่รอบคอบเอง และตอนนี้จู่ ๆ ก็เปลี่ยนใจ ก็เป็นความผิดของผมจริง ๆ และผมก็ยอมรับว่าที่ผมทำมาทั้งหมดนี้ ไม่เคยคิดถึงความรู้สึกของคุณเลย แต่ว่ามีอยู่อย่างหนึ่งที่ผมสามารถรับประกันได้ ก็คือที่ผมทำมาทุกอย่างนี้ เป็นความหวังดีต่อคุณจริง ๆ”
มายมิ้นท์โกรธจนขำขึ้นมา “หวังดีกับฉัน? อย่าเลย คำพูดพวกนี้อย่าเอามาพูดเลยดีกว่า สำหรับฉันแล้วมันไม่มีความซาบซึ้งอะไรเลยสักนิด มีแต่จะทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไม่มีศีลธรรมเท่านั้น บนโลกใบนี้ มีคนมากมายต่างก็อ้างว่าเพราะความหวังดีกับคุณ แล้วมาทำเรื่องที่ทำให้คนเสียใจมากมาย แล้วอีกอย่างเปปเปอร์ คุณคิดว่าความหวังดีที่คุณมีต่อฉัน เป็นการหวังดีต่อตัวฉันจริง ๆ เหรอ? และเป็นสิ่งที่ฉันต้องการจริง ๆ เหรอ?”
“……” ม่านตาของเปปเปอร์หดตัวเล็กน้อย แล้วก็พูดอะไรไม่ออกไปครู่หนึ่งเลย
เพราะว่าเขาไม่เคยคิดมาถึงจุดนี้เลยจริง ๆ
เขานึกว่า ขอแค่ตัวเองช่วยเธอแบกรับทุกอย่างไว้ ให้เธอมีชีวิตอยู่อย่างไม่มีแรงกดดันอะไรเลย ก็เป็นการหวังดีต่อเธอแล้ว
แต่ว่าไม่เคยคิดมาก่อนเลยจริง ๆ ว่านี่เป็นสิ่งที่เธอต้องการหรือเปล่า
มายมิ้นท์เงยหน้าขึ้นมามองท้องฟ้าที่ดำมืด ไม่มีแสงดาวไม่ได้ดวงจันทร์ “เปปเปอร์ จริง ๆ แล้วคุณปล่อยมือต่างหากถึงจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะว่าพวกเราสองคนไม่เคยเหมาะสมกันมาก่อนเลย ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา หรือว่าทัศนคติ หรือว่าจะเป็นอุปนิสัย พวกเราต่างก็ไม่มีจุดที่คล้ายกันเลย”
พูดจบแล้ว เธอก็ก้มหน้าลงไป แล้วก็แกะมือที่เขากอดเธอไว้แน่นตรงเอวออก จากนั้นก็จากไปโดยไม่หันหน้ากลับมาอีกเลย
เปปเปอร์ไม่ได้ตามไป แต่ยืนมองแผ่นหลังของเธอหายวับตามระเบียงทางเดินอยู่ตรงนั้น เรียวปากก็เม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง
ไม่มีจุดที่คล้ายกันเลยเหรอ?
จะเป็นไปได้ยังไง
ถ้าไม่มีจุดที่คล้ายกันเลย พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะเป็นเพื่อนทางจดหมายกันมาตั้งหลายปีได้หรอก
“ฉันรู้สึกว่า มายมิ้นท์พูดถูกนะ” อยู่ ๆ ด้านหลังก็มีเสียงที่สดใสของผู้หญิงดังมาเสียงหนึ่ง จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงจุดไฟแช็กทีหนึ่ง
เปปเปอร์ค่อย ๆ ขมวดคิ้วขึ้นมา แล้วหันหน้ากลับไปมองผู้หญิงที่กำลังสูบบุหรี่อยู่ “พี่ พี่รู้สึกว่าผมกับเธอไม่เหมาะสมกันเหรอ?”
“ไม่ ไม่ ไม่” โรสแมรี่สะบัดนิ้วเล็กน้อยแล้วเดินไป “ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น ฉันหมายถึงคำพูดชุดที่เธอพูดมาก่อนหน้านี้ เธอบอกว่านายไม่ให้เกียรติเธอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรนายก็เป็นคนตัดสินใจเองหมด ไม่เคยถามความคิดเห็นของเธอเลย คำพูดพวกนี้ฉันเห็นด้วยนะ”
เธอดีดขี้บุหรี่ออกเล็กน้อย แล้วพ่นควันบุหรี่ใส่หน้าเปปเปอร์เล็กน้อย
เปปเปอร์เบือนหน้าหนีไปอย่างรังเกียจ แล้วสะบัดมือพัดควันที่อยู่ตรงหน้าไป “ถ้าพี่ยังพ่นควันใส่ผมอีก ผมจะส่งตัวพี่กลับไปที่เมืองน้ำรุ้งเดี๋ยวนี้เลย”
พอได้ยินคำพูดนี้ โรสแมรี่ก็สลัดคราบนางพญาทิ้งไปทันที แล้วก็เปลี่ยนไปเป็นคนที่ทั้งขี้ขลาดและตอแหลขึ้นมาทันที แล้วยิ้มอย่างประจบประแจงและพูดขึ้นว่า “อย่าเลยน้องชาย พี่ผิดไปแล้ว พี่จะไม่พ่นควันใส่นายอีกแล้ว”
เปปเปอร์หึเสียงเย็นขึ้นมาคำหนึ่ง และไม่อยากจะตอบอะไรเธอ
โรสแมรี่รู้ว่าเขาไม่ได้ถือสาอะไรแล้ว แล้วก็โยนก้นบุหรี่ลงไปบนพื้น แล้วใช้รองเท้าส้นสูงขยี้ไฟให้ดับ แล้วท่าทีก็เปลี่ยนกลับไปเป็นผู้หญิงแกร่งที่ชาญฉลาดใหม่อีกครั้ง “นายเป็นน้องชายฉัน ฉันถึงเข้าใจนาย ว่าเป็นคนที่มีชีวิตร่ำรวยและอยู่ในตำแหน่งที่สูงส่งมาตลอด จนทำให้นายกลายเป็นคนที่มีนิสัยแข็งกร้าว เวลาเจอปัญหาก็จะไม่เคยสนใจความคิดเห็นของคนอื่น และรู้สึกว่าขอแค่ตัวเองจัดการให้เรียบร้อยได้ก็พอแล้ว”
“แล้วนี่มีอะไรไม่ถูกต้องเหรอ?” เปปเปอร์เม้มปากขึ้น คิดไม่ตกว่าที่ตัวเองทำแบบนี้มันจะมีอะไรไม่ถูกต้อง ทำไมมายมิ้นท์ถึงมีปฏิกิริยาที่รุนแรงขนาดนี้
แถมยังรู้สึกว่าตัวเองเอาศีลธรรมมากดดันเธออีก
“นายทำแบบนี้ไม่มีอะไรผิดหรอก” โรสแมรี่จ้องมองเขา “แต่ถ้านั่นเป็นสิ่งนายกระทำต่อลูกน้องนายเท่านั้น ถ้านายเป็นเจ้านาย นายก็ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงความคิดของลูกน้องจริง ๆ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็สามารถตัดสินใจเองได้ แต่มายมิ้นท์ไม่ได้เป็นลูกน้องของนาย เธอเป็นคนรักของนาย เท่าเทียมกับนาย ดังนั้นมีเรื่องมากมาย ที่นายไม่สามารถตัดสินใจแทนเธอได้ แล้วก็ไม่สามารถที่จะทำคนเดียวได้ นายจะต้องรู้ว่า เธอยินดีหรือเปล่า ถ้าเธอไม่ยินดี งั้นทุกอย่างที่นายทำมานี้ ก็จะเป็นการทำร้ายและไม่ให้เกียรติเธอ ดังนั้น ไปลองคิดดูให้ดีเถอะ”
โรสแมรี่ตบบ่าของเขาเล็กน้อย จากนั้นก็ค้นบุหรี่ออกมาอีกม้วนหนึ่ง แล้วคาบไว้ในปากแล้วก็จากไปเลย
เปปเปอร์หรี่ตาลงต่ำ แล้วเริ่มครุ่นคิดขึ้นมา
เขาพอที่จะเข้าใจความหมายในคำพูดพวกนี้ของเธอแล้ว
เพียงแต่หวังว่าต่อไปนี้ ก่อนที่เขาจะทำอะไรเพื่อมายมิ้นท์นั้น ช่วยคิดแทนมายมิ้นท์ให้มาก ๆ หน่อย
พอคิดได้แบบนี้ เปปเปอร์ก็นึกถึงเรื่องที่ตัวเองทำเพื่อมายมิ้นท์มาในช่วงนี้ และปิดบังมายมิ้นท์อยู่ ก็ไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของมายมิ้นท์จริง ๆ ถึงว่ามายมิ้นท์ถึงได้โกรธขนาดนี้
ดูท่า เขาจะทำผิดไปจริง ๆ
เปปเปอร์ถอนหายใจทีหนึ่ง แล้วก็เดินไปทางที่มายมิ้นท์เดินจากไปเมื่อกี้
เขาคิดว่า เขาน่าจะขอโทษเธอสักหน่อย
แต่ว่าตอนที่กลับมาถึงห้องโถงงานเลี้ยงนั้น เปปเปอร์ก็ไม่เห็นเงาของมายมิ้นท์เลย
หัวคิ้วของเปปเปอร์ขมวดกันเป็นเส้นสามเส้น
ตัวเธอล่ะ?
“ประธานเปปเปอร์ครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์เดินมาหา
เปปเปอร์จ้องมองเขา “นายมาได้เวลาพอดีเลย เห็นมายมิ้นท์ไหม?”
ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้า “เห็นครับ เมื่อกี้คุณลาเต้มา แล้วทั้งสองคนก็ไปที่ระเบียงดาดฟ้ากันแล้วครับ”
เขาชี้ไปที่ที่แห่งหนึ่งตรงด้านหลังเปปเปอร์
เปปเปอร์หันหน้าไปดู แล้วก็เห็นคู่ชายหญิงคู่หนึ่ง ยืนอยู่บนระเบียงดาดฟ้าเฉียงออกมาด้านหลัง แล้วก็เป็นลาเต้กับมายมิ้นท์จริง ๆ ด้วย