รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 517 ส้มเปรี้ยวฆ่าตัวตาย
“ช่างมีลับลมคมในจริง ๆ” ท่านย่ายกน้ำชาที่เขาเติมให้ขึ้นมาจิบไปคำหนึ่ง “ในเมื่อแกพูดอย่างนี้แล้ว งั้นยัยแก่อย่างฉันก็จะไม่ถามแล้ว แต่ว่ามีอยู่เรื่องหนึ่งที่ฉันอยากรู้ มิ้นท์ยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ ว่าตัวเธอจิตใจหวั่นไหวกับแกใหม่อีกครั้งแล้ว ตอนนั้นฉันอยากจะพูดให้แจ่มแจ้งไปเลย แต่กลับโดนแกมาขัดขวางไป ฉันอยากรู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร?”
“เพราะว่ายังไม่ถึงเวลาครับ” เปปเปอร์พิงไปด้านหลังเล็กน้อย “ตอนนี้มายมิ้นท์ยังไม่รู้สึกถึงความรู้สึกที่มีต่อผม ถ้าเกิดพวกเราพูดออกไปตรง ๆ เธอจะต้องไม่มีทางยอมรับได้แน่นอน และมีโอกาสที่จะทำให้เธอเกิดความเกลียดชังและต่อต้านขึ้นมา ดังนั้นความคิดของผมคือ ให้เธอมาเป็นคนรู้สึกได้เอง และค่อย ๆ ไปยอมรับความจริงต่อเรื่องที่เธอจิตใจหวั่นไหวกับผมครับ”
ถ้าคนอื่นไปบอกมายมิ้นท์ งั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการไปฝืนกฎธรรมชาติเลย
แถมอาจจะเพราะว่าเธอยอมรับไม่ได้ แล้วการกระทำอย่างเช่นวิ่งหนี หรือหลบหน้าเขาขึ้นมาก็ได้
เพราะฉะนั้นทางที่ดีที่สุดก็คือ ให้มายมิ้นท์เป็นคนคิดเรื่องพวกนี้ออกเอง แบบนั้นโอกาสที่เธอจะยอมรับเขาได้อีกครั้ง ก็อาจจะมีมากขึ้นมาอีกเยอะเลย
ท่านย่าพยักหน้าไปอย่างครุ่นคิด “ที่แกพูดมามันก็มีเหตุผล ช่างเถอะ ในเมื่อแกตัดสินใจแบบนี้แล้ว งั้นฉันก็จะทำตามความคิดของแกละกัน แต่ว่ายังไงฉันก็หวังว่าแกจะรีบแต่งงานกับมิ้นท์ซะ สำหรับทางพิศมัยนั้น แกไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว ฉันจะข่มหล่อนไว้เอง จะไม่ให้หล่อนมาก่อเรื่องแน่”
พอพูดถึงพิศมัย ใบหน้าที่เหี่ยวย่นของท่านก็เคร่งขรึมลงมาเล็กน้อย
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าผู้หญิงคนนั้น มีพระคุณที่เลี้ยงดูเปปเปอร์มา แล้วก็เป็นแม่แท้ ๆ ของปีโป้ ท่านก็คงจะขับไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปจากตระกูลนวบดินทร์ตั้งนานแล้ว
แต่ละวัน ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่อง มีแต่ก่อเรื่องทั้งนั้น
“แล้วผมจะทำตามครับท่านย่า ทางด้านคุณแม่ ก็ฝากท่านย่าด้วยนะครับ” เปปเปอร์ลุกขึ้นมา แล้วโค้งคำนับให้ท่านย่าทีหนึ่ง
ท่านย่าทำมือกดต่ำลง เพื่อบอกให้เขานั่งลง จากนั้นในตอนที่กำลังอยากจะพูดอะไรขึ้นมา ก็เห็นผู้ช่วยเหมันตร์พามายมิ้นท์เดินตรงมาแล้ว
แล้วท่านย่าก็ยิ้มขึ้นมาทันที “มิ้นท์มาแล้วเหรอ”
เปปเปอร์รีบหันหน้าไปมอง ก็เห็นมายมิ้นท์มาจริง ๆ ด้วย
มายมิ้นท์เองก็คิดไม่ถึงว่าจะบังเอิญขนาดนี้ เปปเปอร์เองก็อยู่ที่นี่ด้วย หลังจากที่ในดวงตาเกิดความแปลกใจขึ้นมาทีหนึ่งแล้ว ก็หันสายตาออกไปจากตัวเขา แล้วก็แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น และหันไปยิ้มให้กับท่านย่าทีหนึ่ง “ท่านย่า”
“มิ้นท์มานั่งเร็ว” ท่านย่าตบที่นั่งด้านข้างตัวเองเล็กน้อย
มายมิ้นท์ส่ายหน้าเล็กน้อย “ไม่แล้วค่ะท่านย่า หนูจะมาบอกลาท่านย่าเท่านั้น นี่ก็ดึกมากแล้ว หนูก็ควรจะกลับได้แล้วค่ะ”
“แบบนี้เองเหรอ งั้นก็ได้” ท่านย่าเองก็รู้ว่าเวลานี้มันดึกมากพอสมควรแล้ว พรุ่งนี้เธอยังต้องไปทำงานอีก ก็เลยไม่ได้รั้งตัวไว้อีก แล้วก็ยันไม้เท้าไว้แล้วก็ลุกขึ้นมา “เธอดื่มเหล้าไป จะกลับบ้านคนเดียวได้ยังไง เดี๋ยวฉันให้เปปเปอร์ไปส่งเธอนะ”
ให้เปปเปอร์ไปส่งเหรอ?
มายมิ้นท์รีบปฏิเสธขึ้นมาทันที “ไม่ต้องหรอกค่ะท่านย่า เดี๋ยวหนูเรียกคนมาช่วยขับก็ได้ค่ะ ตัวเขาเองก็ดื่มเหล้าไปเหมือนกัน จะไปส่งหนูได้ยังไงคะ?”
ใบหน้าหล่อเหลาของเปปเปอร์เคร่งขรึมแล้วพูดขึ้นว่า “เหมันตร์ไม่ได้ดื่ม เขาขับไปส่งพวกเราได้”
“พวกเราเหรอคะ?” มายมิ้นท์นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง
เปปเปอร์วางแก้วน้ำชาแล้วลุกขึ้นมา “ท่านย่าครับ ผมเองก็สมควรกลับแล้ว พอดีเลยจะได้ให้เหมันตร์ช่วยขับรถให้ เขาเองก็จะได้เลิกงานเร็วหน่อยด้วยครับ”
“ได้ งั้นพวกแกก็ไปพร้อมกันเลยนะ” ท่านย่ามองตาขาวใส่เขาทีหนึ่ง
อย่านึกว่าท่านจะไม่รู้นะ ตัวเขานั้นอยากจะกลับไปพร้อมมิ้นท์นะแหละ
แต่ก็ดีเหมือนกัน นี่ก็เป็นความตั้งใจแรกของท่านเหมือนกัน
ในเมื่อ เมื่อกี้ท่านก็จะให้เขาไปส่งมิ้นท์กลับอยู่เหมือนกัน
“คือว่า ฉันไม่ต้องให้พวกคุณไปส่งหรอก ฉันกลับเอง……”
มายมิ้นท์ยังอยากจะพูดอะไรหน่อย แต่ท่านย่ากลับตบหลังมือเธอเล็กน้อย “เอาล่ะมิ้นท์ รีบไปเถอะ ให้พวกเปปเปอร์ไปส่งเธอ ฉันเองก็จะได้วางใจ ถ้าเรียกคนมาช่วยขับ ฉันก็จะไม่ไว้วางใจได้นะ”
พูดจบ ท่านย่าก็มองไปทางเปปเปอร์ แล้วแสร้งทำเป็นตักเตือนอย่างเคร่งขรึมขึ้นมาว่า “เปปเปอร์ ส่งมิ้นท์กลับบ้านดี ๆ นะ ถ้ามิ้นท์เกิดเรื่องอะไรขึ้นมา ฉันก็จะมาเอาเรื่องกับแกคนเดียวเลย”
“ได้ครับ” เปปเปอร์พยักหน้าขึ้นมา
มายมิ้นท์ยิ้มอย่างขมขื่นขึ้นมา
ดีเลย ท่านย่าจัดแจงทุกอย่างไว้ให้เธอหมดแล้ว เธอยังจะทำอะไรได้อีก?
ถ้ายังคงปฏิเสธต่อไปละก็ ก็เหมือนกับว่าจะไม่ค่อยไว้หน้าท่านย่าเลย
ช่างเถอะ เอาตามนี้ไปก่อนเถอะ
“งั้นท่านย่าคะ พวกเรากลับก่อนนะคะ” มายมิ้นท์จัดผมเฝ้าเล็กน้อย แล้วก็กล่าวร่ำลาท่านย่า
พอเปปเปอร์ได้ยินคำว่าพวกเราของเธอ เรียวปากก็ค่อย ๆ คลี่ยิ้มขึ้นมา
ท่านย่าปิดปากแล้วหัวเราะเหอะ ๆ ขึ้นมาสองคำ “ได้ ได้ ได้ รีบไปกันเถอะ”
มายมิ้นท์ตอบอืมไปคำหนึ่ง แล้วเดินตามหลังเปปเปอร์เดินออกมาจากศาลา
พอเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าว เธอก็ได้ยินด้านหลังมีเสียงหัวเราะเยาะของท่านย่าดังลอยมา “แดง เธอดูมิ้นท์กับเปปเปอร์อยู่ด้วยกันซิ เหมือนสองสามีภรรยากันเลยนะ”
“ใช่ค่ะ เหมือนมากเลยค่ะ” ป้าแดงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
แล้วเท้าของมายมิ้นท์ก็เซไปเล็กน้อย จนเกือบจะล้มลง
เปปเปอร์รีบกอดเอวของเธอไว้ แล้วพูดเสียงอ่อนโยนขึ้นว่า “ระวังหน่อยซิ”
“ฉันรู้แล้วค่ะ ของคุณค่ะ” พอเธอยืดตัวตรงขึ้นมา ก็จะผลักมือเขาออกเลย
แต่พอเปปเปอร์คลายมือออกจากเอวของเธอแล้ว กลับจูงมือเธอขึ้นมา
มายมิ้นท์ถลึงตาโตใส่ “คุณ……”
“ผมจูงมือคุณเดินดีกว่า พื้นที่สวนตรงนี้ตกแต่งเป็นสไตล์สวนแบบโบราณ ดังนั้นจึงปูพื้นด้วยหินกรวดทั้งนั้น แล้วคุณใส่รองเท้าส้นสูงอยู่มาเดินที่นี่ไม่มีทางเดินได้มั่นคงแน่ จะทำให้หกล้มไปได้ง่าย ๆ นะ” เปปเปอร์พูดขึ้นมาเสียงเรียบ
เรียวปากแดงของมายมิ้นท์ขยับเล็กน้อย แล้วเงียบขรึมลง
เพราะว่าเธอไม่มีทางโต้เถียงคำพูดของเขาได้ เพราะทางเส้นนี้เดินยากมากจริง ๆ
เมื่อกี้ตอนที่เธอเดินมากับผู้ช่วยเหมันตร์นั้น ก็เดินสะดุดไปสะดุดมาเหมือนกัน ถ้าไม่ใช่ว่าผู้ช่วยเหมันตร์คอยพยุงเธออยู่บ่อย ๆ ละก็ มีหลายครั้งที่เธอเกือบจะหกล้มลงไปแล้ว
ดังนั้น จะให้เปปเปอร์มาจูงเธอไว้หน่อย ก็คงจะไม่มีอะไรหรอกมั้ง
เธอก็แค่ไม่อยากจะหกล้มเท่านั้น ไม่ได้มีความหมายอย่างอื่นเลย
มายมิ้นท์ก้มหน้าลง แล้วในใจก็คิดแบบนี้ไป
พอเปปเปอร์รู้สึกว่ามือของเธอไม่ได้มีแรงขัดขืนแล้ว ก็รู้ว่าเธอแอบยอมรับให้เขาจูงมือเธอแล้ว หลังจากที่ยิ้มจาง ๆ ขึ้นมาแล้ว ก็จับมือเธอแน่นขึ้นไปอีก จากนั้นก็เอาซุกเข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูทของตัวเอง
มายมิ้นท์จ้องมองเขาอย่างตกตะลึง “นี่คุณ……”
“มือของผมเย็นเกินไปแล้ว ดังนั้นก็เลยเอาซุกเข้าไปให้อุ่นสักหน่อย” เปปเปอร์พูดอย่างโดยใบหน้าไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย
มุมปากของมายมิ้นท์กระตุกไปทีหนึ่ง
มือของเขาเย็นเหรอ?
เขากำลังพูดไปเรื่อยนะซิ ทั้ง ๆ ที่มือของเขาอุ่นจะตาย
ถ้าจะบอกว่าเย็น มือของเธอต่างหากที่เย็นถึงจะถูก
เดี๋ยวนะ!
มายมิ้นท์ลืมตาโตขึ้นมา
ที่เขาทำแบบนี้ คงจะไม่ใช่ว่าต้องการที่จะให้มือเธออบอุ่นหรอกนะ?
มายมิ้นท์จ้องมองไปที่เปปเปอร์ จนเหม่อลอยไปชั่วขณะเลย
เปปเปอร์ถามขึ้นมาเบา ๆ ว่า “ทำไมเหรอ?”
“ไม่……ไม่มีอะไรค่ะ” มายมิ้นท์ก้มหน้าลงไป แล้วตอบกลับไปเสียงเบา
พอเปปเปอร์เห็นว่าเธอไม่อยากจะพูดให้ชัดเจน ก็ไม่ได้บีบบังคับ แล้วก็จับมือเธอไปเบา ๆ เสร็จแล้วก็หันสายตากลับไป
ไม่นาน ทั้งสามคนก็ออกไปจากหน้าประตูของบ้านใหญ่ แล้วก็มาถึงที่หน้ารถ
แล้วก็ในเวลานี้เอง จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ของมายมิ้นท์ก็ดังขึ้นมา
เธอใช้อีกมือหนึ่งเปิดกระเป๋าออก แล้วเอาโทรศัพท์ออกมา พอเห็นสายเรียกเข้า ก็ร้องเอ๊ะขึ้นมาอย่างสงสัยคำหนึ่ง
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” เปปเปอร์ถามขึ้นอย่างเป็นห่วง
มายมิ้นท์เอาโทรศัพท์ให้เขาดูทีหนึ่ง “น่าแปลกจังเลย นี่มันเป็นเวลาดึกดื่นห้าทุ่มแล้วนะ แต่ทางตำรวจยังโทรศัพท์มาหาฉันอีก”
“ตำรวจเหรอ?” เปปเปอร์ขมวดคิ้วขึ้นมา “ช่วงนี้คุณไปแจ้งความไว้เหรอ?”
“เปล่านี่คะ” มายมิ้นท์ส่ายหน้า “เพราะฉะนั้นฉันก็เลยรู้สึกแปลกใจว่าตำรวจโทรมาหาฉันทำไม”
เบอร์โทรศัพท์เบอร์นี้ เป็นเบอร์สถานีตำรวจที่เธอเคยบันทึกไว้ก่อนหน้านี้
เพราะฉะนั้นแค่ดูทีเดียวก็รู้เลยว่าเป็นเบอร์ของใครโทรมา
“ในเมื่อไม่รู้ งั้นก็รับสายสักหน่อยซิ” เปปเปอร์พูดขึ้นมา
มายมิ้นท์ตอบอืมขึ้นมาคำหนึ่ง แล้วนิ้วโป้งก็รูดผ่านแถบสีเขียวที่เอาไว้รับสาย แล้วเอาโทรศัพท์มาแนบไว้ข้างหู “สวัสดีค่ะ”
“คุณมายมิ้นท์ เกิดเรื่องแล้วครับ” อีกฝั่งของโทรศัพท์ มีน้ำเสียงที่เคร่งขรึมของผู้ชายดังลอยมา
พอฟังความหนักหน่วงในน้ำเสียงของผู้ชายนี้ออก ท่าทีของมายมิ้นท์ก็จริงจังขึ้นมาด้วย “พลตำรวจภูทิศ เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาเหรอคะ?”
“ส้มเปรี้ยวโดดตึกฆ่าตัวตายแล้วครับ” พลตำรวจภูทิศที่อยู่ปลายสายตอบกลับมาเสียงขรึม
ในสมองของมายมิ้นท์เกิดเสียงบึ้มขึ้นมาทีหนึ่ง แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไปเลย “คุณพูดว่าอะไรนะคะ? ส้มเปรี้ยวโดดตึกฆ่าตัวตายเหรอคะ?”
พอได้ยินคำพูดนี้ ท่าทีของเปปเปอร์ก็นิ่งอึ้งไปเลยเหมือนกัน
ผู้ช่วยเหมันตร์ก็ยิ่งตกตะลึงมากกว่า “ส้มเปรี้ยวฆ่าตัวตายเหรอครับ? มันเป็นไปได้ยังไงกัน!”
“เปิดลำโพง!” เปปเปอร์เปิดปากพูดกับมายมิ้นท์ขึ้นมา
มายมิ้นท์กลืนน้ำลายลงไป จากนั้นก็รีบตามอย่างรวดเร็ว
ทีนี้ ทั้งสามคนก็จะสามารถได้ยินเสียงของพลตำรวจภูทิศได้พร้อมกันแล้ว “ใช่ครับ เมื่อสิบนาทีก่อน เธอตกลงไปจากหน้าต่างของห้องพักผู้ป่วยในโรงพยาบาล แล้วก็ตายคาที่เลยครับ”