รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 518 เจ้าพ่อแฟชั่นเปปเปอร
ในฐานะที่มายมิ้นท์เป็นโจทก์ในคดีของส้มเปรี้ยว ดังนั้นขอแค่เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวส้มเปรี้ยว ทางตำรวจก็จะมารายงานกับมายมิ้นท์ทั้งหมด
ด้วยเหตุนี้ พอส้มเปรี้ยวฆ่าตัวตายขึ้นมา เขาก็เลยรีบติดต่อมายมิ้นท์มาทันที และบอกเรื่องนี้กับมายมิ้นท์
“ส้มเปรี้ยว…… ตายแล้ว……” มายมิ้นท์พึมพำเสียงต่ำขึ้นมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ผู้ช่วยเหมันตร์เองก็อ้าปากค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ไม่ใช่มั้ง ส้มเปรี้ยวฆ่าตัวตายไปแล้ว นี่มันช่างทำให้คน……”
เปปเปอร์คว้าขวับแย่งโทรศัพท์ไปจากมือมายมิ้นท์ “แล้วสาเหตุที่ส้มเปรี้ยวฆ่าตัวตายล่ะ?”
พอพลตำรวจภูทิศได้ยินเสียงของเปปเปอร์ ก็ตอบกลับมาตรง ๆ ว่า “ตอนนี้ยังไม่ทราบสาเหตุครับ เพราะว่าส้มเปรี้ยวฆ่าตัวตายขึ้นมากะทันหัน ดังนั้นจึงไม่มีคนรู้ว่าเธอฆ่าตัวตายทำไม ข้อสมมติฐานเดียวในตอนนี้ ก็คือเธออาจจะต้องการหลบหนีจากการติดคุก เพราะว่าวันพรุ่งนี้ เป็นวันสุดท้ายของการฝากขังแล้ว แล้วก็เป็นวันที่ที่จะต้องโดนส่งตัวเข้าไปอยู่ในคุกแล้ว แต่……”
“แต่ความเป็นไปได้ของการคาดเดานี้มันไม่ได้สูงมากนัก” เปปเปอร์หรี่ตาพูดขึ้นมา
พลตำรวจภูทิศพยักหน้าขึ้นมาเล็กน้อย “ใช่ครับ ถ้าส้มเปรี้ยวจะหลบหนีการติดคุกด้วยการฆ่าตัวตายจริง ๆ เธอก็ไม่มีทางรอมาจนถึงตอนนี้แน่ ๆ คิดว่าคงจะฆ่าตัวตายไปตั้งแต่วันแรกที่ฝากขังแล้ว แต่ว่าตอนนี้พวกเราก็ได้แต่ใช้ข้อสมมติฐานนี้ไปก่อน สำหรับเหตุผลของการฆ่าตัวตายโดยรวมนั้น ทางตำรวจเราก็ยังคงตรวจสอบอยู่ครับ”
“ฉันรู้แล้ว เดี๋ยวฉันจะรีบไปที่ที่เกิดเหตุเดี๋ยวนี้เลย” เปปเปอร์พูดจบ ก็กดวางสายไป แล้วก็เอาโทรศัพท์คืนให้กับมายมิ้นท์
มายมิ้นท์รับโทรศัพท์มาอย่างมึน ๆ งง ๆ “นี่ส้มเปรี้ยวหล่อน……ฆ่าตัวตายไปจริงเหรอคะ?”
เห็นได้ชัด ว่าเธอยังออกมาจากความตื่นตกใจไม่ได้เลย
เปปเปอร์ลูบหัวเธอเล็กน้อย “ใช่”
เรียวปากของมายมิ้นท์สั่นไหวเล็กน้อย แล้วก็ไม่พูดอะไร ในใจสับสนวุ่นวายไปหมด ทำยังไงก็ไม่มีทางสงบสติลงมาได้
ส้มเปรี้ยว……ตายไปแบบนี้จริง ๆ เหรอ!
มายมิ้นท์กัดริมฝีปากไป
เปปเปอร์เองก็ไม่ได้พูดอะไรแล้ว
พูดตามตรง เรื่องที่ส้มเปรี้ยวฆ่าตัวตาย เป็นเรื่องที่เขา หรือว่าใคร ๆ ต่างก็คาดคิดกันไม่ถึงเลย
ที่สำคัญ เขามักจะรู้สึกว่าเรื่องที่ส้มเปรี้ยวฆ่าตัวตายนั้นมันไม่ธรรมดาแน่
อย่างแรกคือเรื่องของเวลา อย่างที่สองคือเหตุผลของการฆ่าตัวตาย
พอเอาจุดน่าสงสัยทั้งสองจุดมารวมเข้าด้วยกันแล้ว แค่มองดูก็มีปัญหาแล้ว
แต่ว่าจะเป็นปัญหาอะไรนั้น ก็จะต้องไปดูด้วยตัวเองถึงจะรู้
“ไป ไปดูที่สถานที่เกิดเหตุสักหน่อย เรื่องที่ส้มเปรี้ยวฆ่าตัวตายมันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ คุณเป็นโจทก์ของหล่อน ก็จำเป็นที่จะต้องไปดูสถานการณ์ให้เข้าใจสักหน่อย” เปปเปอร์ลูบหน้าของมายมิ้นท์ไป แล้วเชยคางขึ้นมาเบา ๆ แล้วพูดขึ้น
มายมิ้นท์จ้องมองไปที่เขา แล้วตอบอืมไปคำหนึ่ง “ได้ค่ะ”
“ออกรถ” เปปเปอร์ปล่อยใบหน้าของเธอออก แล้วออกคำสั่งกับผู้ช่วยเหมันตร์
ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้ารับ “ครับ!”
แล้วทั้งสามคนก็ขึ้นรถไป แล้วมุ่งหน้าตรงไปที่โรงพยาบาลนิวเวอร์
ตลอดทาง ทั้งสามคนต่างก็ไม่พูดไม่จา บรรยากาศในรถทั้งคันค่อนข้างที่จะเคร่งขรึมจนทำให้คนอึดอัด
มันช่วยไม่ได้ เพราะว่าเรื่องที่ส้มเปรี้ยวฆ่าตัวตายมันทำให้คนตกตะลึงมากจริง ๆ
พวกเขาสงบนิ่งกันไม่ได้แล้ว
ผู้ช่วยเหมันตร์ขับรถไปอย่างรวดเร็วมาก ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็มาถึงโรงพยาบาลนิวเวอร์แล้ว
ในตอนที่ลงรถนั้น มายมิ้นท์ก็เห็นตรงนอกโรงพยาบาลมีรถตำรวจจอดอยู่หลายคัน มีตำรวจหลายนายยืนกันเป็นแถวอยู่ แล้วลากเทปกั้นกันที่เกิดเหตุ และไม่ยอมให้คนอื่นเข้าไปในโรงพยาบาลนอกจากผู้ป่วยฉุกเฉิน
พอมายมิ้นท์มองเห็น ว่าคนที่โดนกั้นอยู่นอกเทปกั้น เกือบหกสิบเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป ล้วนเป็นนักข่าวของพิมเพอร์มีเดีย
นักข่าวพวกนี้ต่างก็ชูไมค์ขึ้นมาและยกกล้อง แล้วคอยเบียดเสียดไปทางเทปกั้น อยากจะเบียดให้เทปกั้นขาดแล้วฝ่าเข้าไป เพื่อจะแย่งข่าวหน้าหนึ่งกัน
พอเห็นสิ่งเหล่านี้แล้ว มายมิ้นท์ก็หรี่ตาลง
ดูท่าข่าวที่ส้มเปรี้ยวโดดตึกฆ่าตัวตาย น่าจะแพร่ออกไปแล้ว
ไม่แน่ตอนนี้ในโลกโซเชียลอาจจะลุกฮือกันขึ้นมาแล้ว
ในขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น มายมิ้นท์ก็รู้สึกว่าบนหัวโดนของอะไรคลุมลงมา
เธอยกมือขึ้นไปลูบเล็กน้อย “หมวกเหรอ?”
“อืม พอจะปิดบังใบหน้าของคุณไปได้บ้าง ไม่งั้นเดี๋ยวลงจากรถไป ถ้าพวกนักข่าวพวกนั้นจำคุณขึ้นมาได้ จะต้องจับตัวคุณไว้ แล้วซักถามคำถามต่าง ๆ ไม่ยอมปล่อยตัวคุณแน่” เปปเปอร์พูดไป แล้วก็เอาเสื้อคลุมมาคลุมให้เธออีกตัว
เสื้อคลุมตัวนี้ไม่ได้ถอยออกมาจากตัวเขา แต่เป็นเสื้อคลุมที่เขาเก็บไว้เผื่อใช้ในรถเมื่อก่อนหน้านี้
มาตอนนี้ก็ได้เอาออกมาใช้ได้พอดี
มายมิ้นท์จ้องมองเสื้อที่อยู่บนไหล่ แล้วก็บิดร่างกายเล็กน้อย “หมวกอันนี้ฉันรับไว้ได้ แต่เสื้อนี้นี่……”
“ใส่ไว้!” เปปเปอร์ขัดคำพูดของเธอขึ้นมาอย่างไม่ยอมให้ปฏิเสธ แล้วก็เอามือกดเสื้อคลุมไว้บนไหล่เธออย่างแน่นหนา ไม่ยอมให้เธอสะบัดออกอีก “ข้างนอกหนาวซะขนาดนี้ คุณจะใส่แค่ชุดราตรีออกไปเหรอ?”
“เอ่อ……” คำพูดนี้พูดมาจนมายมิ้นท์อ้ำอึ้งไปชั่วขณะ
ใช่ซิ ข้างนอกหนาวซะขนาดนี้ นี่มันแค่กี่องศาเอง
ในรถและที่บ้านเก่าต่างก็มีฮีตเตอร์ เพราะฉะนั้นเธอใส่แค่ชุดราตรีชุดหนึ่งอยู่ จึงไม่ได้รู้สึกหนาว ด้วยเหตุนี้ก็เลยลืมไปเลยว่าตอนนี้เป็นฤดูหนาวอยู่
เพราะฉะนั้นถ้าเธอไม่ใส่เสื้อคลุมแล้วก็ลงจากรถไปเลย จะต้องหนาวจนตัวสั่นแน่นอน
“งั้นก็คลายมือออก ฉันใส่ก็ได้” มายมิ้นท์พูดเสียงต่ำขึ้นอย่างเขินอายเล็กน้อย
พอได้ยินคำพูดนี้ของเธอ เปปเปอร์ถึงได้คลายมือออกอย่างพึงพอใจ
มายมิ้นท์เอาแขนสอดเข้าไปในแขนเสื้อ แล้วก็ใส่เสื้อไปอย่างเชื่อฟัง
เสื้อตัวใหญ่มาก จนบังน่องของเธอไปได้เลย แล้วบวกกับแขนเสื้อที่ยาวเหยียด ดูไปแล้วเหมือนกับเด็กแอบใส่เสื้อผู้ใหญ่ยังไงอย่างงั้น
มายมิ้นท์จ้องมองตัวเองที่เป็นแบบนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะขำดีหรือจะร้องไห้ดี “นี่ฉันไปเล่นงิ้วได้เลยนะเนี่ย”
“ดูใหญ่ไปหน่อยจริง ๆ” เปปเปอร์ลูบคางของตัวเองแล้วพูดวิเคราะห์เธอไป
ในเมื่อนี่เป็นเสื้อผ้าของเขา พอเธอเอาไปใส่แล้วจะมีผลออกแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
“อย่าขยับ เดี๋ยวผมจัดเสื้อให้สักหน่อย” เปปเปอร์พูดแล้ว ก็ใช้มือเดียวแกะเนกไทบนคอตัวเองลงมา
มายมิ้นท์จ้องมองการกระทำของเขา แล้วก็ถามอย่างสงสัยขึ้นว่า “นี่คุณจะทำอะไรคะ?”
เปปเปอร์ไม่ได้ตอบ แล้วใช้มือข้างเดียวสะบัดไป แล้วเนกไทก็เหมือนกับเป็นงูที่คล่องแคล่วตัวหนึ่ง พันไปรอบเอวของเธอ
จากนั้นเปปเปอร์ก็ใช้มือข้างเดียวผูกโบที่บนเนกไทอันหนึ่ง
พอผูกเสร็จ เขาก็ขยับโบไปที่ด้านข้างเอวเธอ
พอเป็นแบบนี้ เนกไทของเขา ก็กลายร่างไปเป็นเข็มขัดของเธอได้สำเร็จ และทำให้เสื้อที่ตัวหลวมใหญ่บนตัวเธอ เก็บเอวเข้าทันที
ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าดูแล้วก็มีความเป็นแฟชั่นอยู่มากเลย
เนกไทของเขาเป็นลายเส้นสีน้ำเงิน แต่ว่าชุดราตรีและเสื้อคลุมบนตัวเธอต่างก็เป็นสีดำ
พอคาดด้วยสีน้ำเงิน ก็เหมือนกับในความมืดมิดก็ได้มีแสงจันทร์เพิ่มขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง จนกลายเป็นจุดเด่นที่สุดไปเลย
“ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว” เปปเปอร์จัดโบที่เอวมายมิ้นท์เล็กน้อย แล้วก็เก็บมือกลับไป
มายมิ้นท์ก้มหน้าลงไปมองผลงานชิ้นโบแดงของเขา “ก็ไม่เลวนะคะ คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าคุณจะมีความสามารถแบบนี้ด้วย”
เปปเปอร์ยิ้มจาง ๆ ขึ้นมา “ถือซะว่าคุณชมผมแล้วกัน เอาล่ะ ลงรถเถอะ”
เขาก็ใส่หมวกให้ตัวเองไปใบหนึ่งเหมือนกัน
หมวกสองใบนี้ ล้วนเป็นหมวกที่ผู้ช่วยเหมันตร์ลงไปซื้อในร้านละแวกนี้ก่อนเมื่อสักครู่ ตอนที่เพิ่งมาจอดรถลง
เปปเปอร์เปิดประตูรถออก แล้วลงไปก่อน
พอลงไปแล้ว เขาก็ยื่นมือมาให้มายมิ้นท์
มายมิ้นท์เองกลับไม่ได้ปฏิเสธเขา แล้วก็เอามือวางลงบนมือเขา
เปปเปอร์จับมือเธอไว้ แล้วพยุงเธอลงจากรถ จากนั้นก็เดินไปทางเทปกั้น
พอมาถึงหน้าตำรวจนายหนึ่งตรงที่เทปกั้น มายมิ้นท์ก็ข่มเสียงให้ต่ำแล้วบอกสถานะของตัวเองออกไป
นายตำรวจได้รับคำสั่งของผู้บังคับบัญชามาก่อนแล้ว จึงรู้ว่าพวกเขาจะมา ดังนั้นพอดูบัตรประชาชนของมายมิ้นท์แล้ว ก็ยกเทปกั้นขึ้นมา แล้วให้เธอกับเปปเปอร์รวมทั้งผู้ช่วยเหมันตร์เข้าไปเลย
พอพวกมายมิ้นท์ย่อตัวลอดเข้าไปในเทปกั้นแล้ว พวกนักข่าวที่ตั้งหน้าตั้งตารอถึงตั้งสติกลับมาได้ แล้วดูสถานะของพวกเขาออกขึ้นมาได้
แต่จะมาขวางพวกเขาในตอนนี้ก็ไม่ทันการแล้ว เพราะว่าพวกมายมิ้นท์ได้เข้าไปในเขตเทปกั้นแล้ว
แล้วพวกนักข่าวอย่างพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะแทรกเข้าไปจริง ๆ ดังนั้นจึงทำอะไรไม่ได้ แต่ละคนจึงทำได้แค่ชะเง้อคอ แล้วถลึงตาโตและร้องตะโกนเสียงดังตามหลังพวกมายมิ้นท์ไป ร้องถามพวกเขาว่ารู้สึกยังไงกับเรื่องที่ส้มเปรี้ยวฆ่าตัวตายนี้
แต่มายมิ้นท์กับเปปเปอร์กลับทำเป็นไม่ได้ยินอย่างเข้าขากันเป็นอย่างมาก แล้วเดินหน้าต่อไป แล้วเงาก็หายวับไปจากสายตาของพวกนักข่าวพวกนี้ไปอย่างรวดเร็ว
พอมาถึงแถวแผนกห้องพักผู้ป่วย
จากที่ไกล ๆ มายมิ้นท์ก็เห็นว่าที่ใต้ตึกหอพักผู้ป่วยตึกหนึ่ง มีตำรวจหลายนาย หมอและพยาบาลยืนอยู่
นอกเหนือจากนี้ ก็ไม่มีคนทั่วไปอยู่ด้วยสักคนเลย น่าจะเป็นเพราะว่าโดนเคลียร์สถานที่ไปแล้ว
“คือที่นี่แหละ” เรียวปากของเปปเปอร์ขยับพูดขึ้นมา