รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 519 มายมิ้นท์ตกใจจนเป็นลมไป
มายมิ้นท์ตอบอืมไปคำหนึ่ง
“ไปกันเถอะ” เปปเปอร์พูดขึ้นมาอีกครั้ง
เรียวปากของมายมิ้นท์ขยับเล็กน้อย อย่างไม่ค่อยกล้า
ในเมื่อนี่คือคนตายนะ
นอกจากเคยเห็นในหนังแล้ว เธอก็ไม่เคยเห็นคนตายมาก่อนเลย แล้วก็ยิ่งไม่เคยไปสถานที่เกิดเหตุเลย
เพราะฉะนั้น ตอนนี้เธอก็เลยค่อนข้างรู้สึกกลัว
เปปเปอร์มองความหวาดกลัวของมายมิ้นท์ออก แล้วก็บีบมือของเธอเบา ๆ “ไม่เป็นไร มีผมอยู่ด้วยนะ”
มายมิ้นท์หันหน้าไปมองเขา
จ้องมองความสงบนิ่งบนใบหน้าของเขา รวมทั้งแววตาที่จริงจัง ความหวาดกลัวที่อยู่ในใจของเธอ ก็ลดลงไปไม่น้อย
“ไปกันเถอะ” พอเปปเปอร์รู้สึกว่าสภาพจิตใจของเธอดีขึ้นมาหน่อยหนึ่งแล้ว ก็จับมือเธอไว้ แล้วก็เดินเข้าไปข้างใน
มายมิ้นท์ปล่อยให้เขาพาตัวเองเดินไป จ้องมองแผ่นหลังที่กว้างใหญ่ของเขา สายตาสั่นไหวเล็กน้อย ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“พวกคุณมาแล้วเหรอครับ” พลตำรวจภูทิศที่ทำการจดบันทึกอยู่รอบนอกตอนแรก พอเห็นมายมิ้นท์กับเปปเปอร์และผู้ช่วยเหมันตร์ทั้งสามคนมาถึงแล้ว ก็รีบปิดสมุดบันทึกลงแล้วก็เดินมาหา
เปปเปอร์พยักหน้าเล็กน้อย “พลตำรวจภูทิศ สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”
สายตาของเขาจ้องมองไปข้างหน้า
ด้านหน้าโดนพวกหมอและตำรวจห้อมล้อมไว้อย่างมิดชิด จนทำให้มองไม่เห็นสถานการณ์เบื้องต้น
ดังนั้น เขาถึงต้องถามกับพลตำรวจภูทิศ
พลตำรวจภูทิศกดปีกหมวกลงต่ำเล็กน้อยแล้วตอบกลับมาว่า “ศพยังอยู่ตรงนั้น แพทย์นิติเวชยังไม่มา เพราะฉะนั้นก็เลยให้หมอของโรงพยาบาลนี้ทำการตรวจศพเบื้องต้นไปก่อน แต่ยังไงหมอพวกนี้ก็ไม่ใช่แพทย์นิติเวช ไม่ใช่คนที่ชันสูตรมืออาชีพ ดังนั้นจึงชักช้ามาก และตอนนี้ก็ยังไม่ได้ผลสรุปเลยครับ”
“ทำไมถึงไม่ตามการันต์มาล่ะ?” เปปเปอร์ขมวดคิ้วขึ้นมา
เจ้าหมอนั่น มีความสนใจเกี่ยวกับการวิจัยร่างกายมนุษย์เป็นอย่างมาก
เพราะฉะนั้นตอนที่อยู่ที่ต่างประเทศนั้น ได้ยินมาว่าคอยไปทำงานพิเศษเป็นแพทย์นิติเวชอยู่บ่อย ๆ
เพราะว่ามีแต่แพทย์นิติเวชเท่านั้น ที่จะสามารถทำการทดลองกับร่างกายมนุษย์ได้ตลอดเวลา
“ตามแล้วครับ” พลตำรวจภูทิศถอนหายใจแล้วพูดขึ้นมา “มีหมอแนะนำให้ตามตัวหมอการันต์มา แต่ว่าตอนนี้หมอการันต์กำลังผ่าตัดให้ผู้ป่วยอยู่ ก็เลยยังมาไม่ได้ ต้องรออีกเดี๋ยวถึงจะมาถึงครับ”
“ไม่ค่ะ เขามาถึงแล้วค่ะ” มายมิ้นท์ชี้ไปที่เงาร่างตรงหน้าเงาหนึ่งแล้วก็พูดขึ้นมา
เปปเปอร์กับพลตำรวจภูทิศหันไปมองพร้อมกัน ก็เห็นการันต์ที่ใส่ชุดผ่าตัดสีเขียวเต็มตัวที่ยังไม่ทันได้เปลี่ยนออก และใส่หมวกคลุมผ่าตัดอยู่กำลังเดินมาอย่างเร่งรีบ
พลตำรวจภูทิศมีสีหน้าดีใจทั้งหน้า “ดีมากเลย คุณหมอการันต์มาแล้ว ถ้าชันสูตรศพส้มเปรี้ยวเสร็จ ก็คงน่าจะหาสาเหตุในการฆ่าตัวตายของส้มเปรี้ยวได้แล้ว ประธานเปปเปอร์ คุณมายมิ้นท์ เดี๋ยวผมขอตัวไปหาหมอการันต์ก่อนนะครับ”
“อืม” เปปเปอร์พยักหน้าขึ้นมา
พลตำรวจภูทิศเดินไปทางการันต์เลย
แน่นอนว่าการันต์ก็มองเห็นเขาแล้ว แล้วก็เห็นมายมิ้นท์และเปปเปอร์ที่อยู่ข้างหลังเขาด้วย
การันต์ไม่ได้สนใจเปปเปอร์ แต่กลับพยักหน้ากับมายมิ้นท์เล็กน้อย ถือว่าเป็นการทักทาย
แน่นอนว่ามายมิ้นท์เองก็พยักหน้ากลับไปให้ครั้งหนึ่ง จากนั้นก็เห็นพลตำรวจภูทิศเริ่มพูดคุยกับเขาขึ้นมา
ทั้งสองคนพูดคุยกันไปไม่กี่ประโยค พลตำรวจภูทิศก็ให้ผู้คนที่ห้อมล้อมศพของส้มเปรี้ยวอยู่ถอยออกไป
พอคนถอยออกไป สภาพศพของส้มเปรี้ยว ก็ปรากฏเข้ามาอยู่ตรงหน้ามายมิ้นท์เลย
มายมิ้นท์กลัวศพคนตายตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แล้วตอนนี้ก็มาเห็นสภาพศพที่น่าอนาถของส้มเปรี้ยวโดยไม่ได้ตั้งใจ ก็ตกใจจนสีหน้าขาวซีดไปทันที แล้วก็กรีดร้องขึ้นมา “ว้าย!”
นั่นเป็นภาพยังไงเหรอ ก็คือส้มเปรี้ยวกำลังนอนคว่ำหน้าอยู่บนสนามหน้า เลือดสด ๆ ได้เลอะเทอะเปรอะเปื้อนจนสนามหญ้าผืนนั้นแดงเถือกไปหมด
และใบหน้าของส้มเปรี้ยว ก็กระแทกจนเนื้อหนังเละเทะ แม้แต่ใบหน้าก็ดูไม่ชัดเจน แม้แต่ศีรษะก็ยุบเข้าไปเป็นหลุมใหญ่ แถมยังมีของเหลวสีขาวไหลออกมาด้วย……
มายมิ้นท์ตกใจจนอวกไปสองที แล้วก็หลับตาลง คนทั้งคนก็หมดสติไปเลย
“มายมิ้นท์!” เปปเปอร์จ้องมองเธอเซมาทางตัวเอง สีหน้าก็ร้อนใจขึ้นมา แล้วรีบยื่นมือออกไป รวบตัวเธอมาไว้ในอ้อมกอด
เปปเปอร์อุ้มตัวเธอนั่งลง ให้เธอพิงอยู่ในอ้อมแขนของเขา จากนั้นก็เขย่าตัวเธอเบา ๆ “มายมิ้นท์ตื่นซิ”
ทางด้านโน้น พอการันต์พบเห็นสถานการณ์ของมายมิ้นท์ ตอนแรกตั้งใจจะไปชันสูตรศพให้ส้มเปรี้ยว ซึ่งใส่ถุงมือเสร็จเรียบร้อยแล้วด้วย แต่ตอนนี้กลับถอดออกไปเลย แล้วก็เดินมาทางเปปเปอร์กับมายมิ้นท์เลย
“เธอเป็นอะไรไป?” การันต์ถามขึ้นมา
เปปเปอร์ก้มหน้าลงไปมองมายมิ้นท์ ในดวงตามีแววหงุดหงิดกะพริบผ่านไปเสี้ยวหนึ่ง “ตกใจจนเป็นลมไปน่ะซิ”
ที่จริงในตอนนั้นเขาคิดไว้แล้วว่าพลตำรวจภูทิศจะต้องให้คนถอยไป
และก็ได้เตรียมตัวไว้แล้วว่าจะปิดตามายมิ้นท์ไว้
แต่คิดไม่ถึงว่าตอนนั้น มายมิ้นท์จะตอบสนองเร็วขนาดนี้ ในตอนที่มือของเขายังไม่ทันได้ปิดตาเธอเลย เธอก็มาพบเห็นภาพนั้นเข้าซะแล้ว
ครั้งนี้ เขาเป็นคนผิดพลาดเอง
การันต์ไม่ได้พูดอะไร ก็เปิดเปลือกตาของมายมิ้นท์ดูเล็กน้อย แล้วก็กดจุดระหว่างจมูกกับขอบปากของเธอเล็กน้อย และกดจุดต่าง ๆ ของเธอไปหน่อย
ไม่นาน มายมิ้นท์ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา ขนตาก็ขยับขึ้น น่าจะอยากฟื้นขึ้นมาแล้ว
และแล้ว วินาทีต่อมา มายมิ้นท์ก็ลืมตาขึ้นมา บนใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “เอ่อ……”
“ไม่ต้องกลัวนะ” เปปเปอร์ก้มหน้าลงไป ใช้หน้าผากของตัวเองแตะกับหน้าผากของเธอเอาไว้ “ไม่มีอะไรแล้วนะ ไม่ต้องกลัวนะ”
“เปปเปอร์เหรอ?” มายมิ้นท์กะพริบตาเล็กน้อย และจ้องมองชายหนุ่มไป
เปปเปอร์ตอบอืมไปคำหนึ่ง “ใช่ผมเอง ไม่ต้องกลัวนะ”
“เมื่อกี้ฉันเห็น……”
“ผมรู้ ไม่ต้องคิดมากนะ ขอแค่ไม่ต้องไปคิดถึง ไม่ต้องไปย้อนคิดก็จะไม่กลัวแล้ว” เปปเปอร์เงยหน้าขึ้นมาจ้องมองเธอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
มายมิ้นท์หายใจหอบ “มันเป็นไปไม่ได้ ฉันจะอดทนไม่ไปคิดถึงมันได้ยังไงกัน ภาพนั้นมันน่าสยดสยองมากเกินไปแล้ว มันวนเวียนอยู่ในหัวฉันตลอดเลย ฉันเอ่อ……”
เธอพูดยังไม่ทันจบ เปปเปอร์ก็ก้มหน้าลงไป ประกบเข้ากับเรียวปากแดงของเธอ
มายมิ้นท์ลืมตาโตขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ แล้วก็นิ่งอึ้งไปชั่วขณะเลย
ผู้คนรอบข้างก็ตกตะลึงกับการกระทำของเปปเปอร์ไปเหมือนกัน
โดยเฉพาะพลตำรวจภูทิศ แล้วมุมปากก็กระตุกเล็กน้อย
นี่ นี่ นี่ พวกคุณคงจะไม่ใช่แล้วมั้ง?
ที่นี่มันเป็นสถานที่เกิดเหตุฆ่าตัวตายนะ เลือดสาดมากขนาดนี้ พวกคุณชายหญิงชั่วคู่นี้ กลับมาจูบกันให้คนอื่นดูแบบนี้อีก
แมร่ง!
พลตำรวจภูทิศหมุนตัวจากไปอย่างโมโห
ไปเถอะ ไปเถอะ ไม่อยากดูแล้ว ไม่อยากสนใจแล้วจริง ๆ
ด้านข้าง ๆ ผู้ช่วยเหมันตร์ก็ปิดหน้าปิดตาไว้ แล้วเบือนหน้าไปอีกทางหนึ่ง
เขาเองก็ไม่อยากดูแล้วเหมือนกัน
พอการันต์เห็นภาพที่เปปเปอร์กับมายมิ้นท์จูบกัน ก็ยักคิ้วเล็กน้อยแล้วก็ลุกขึ้นมา “พอเลย ตอนแรกฉันยังอยากจะบอกว่าถ้าเธอลืมภาพนั้นไม่ได้จริง ๆ ละก็ ฉันสามารถช่วยเธอลบความทรงจำช่วงนั้นไป แต่ตอนนี้ดูแล้ว เหมือนกับว่าจะไม่จำเป็นแล้วนะ วิธีลบความทรงจำของใครบางคนต่างหากที่ใช้ได้ผลที่สุด!”
เขาแตะแว่นเล็กน้อยแล้วยิ้มขึ้นมา จากนั้นก็หมุนตัวเดินไป แล้วกลับไปตรงที่เมื่อกี้อีกครั้ง ไปเตรียมชันสูตรศพให้ส้มเปรี้ยว
ส่วนทางด้านนี้ ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว
นานจนมายมิ้นท์รู้สึกหายใจไม่ค่อยออกแล้ว เปปเปอร์ถึงได้ปล่อยตัวเธอออก
มายมิ้นท์อ้าปากออกเล็กน้อย แล้วหายใจไปด้วย และใช้ใบหน้าเรียวที่แดงก่ำจ้องมองเปปเปอร์ไปด้วย “คุณ……”
เปปเปอร์ปล่อยตัวเธอออก แล้วให้เธอลุกยืนขึ้นมาก่อน
ในตอนที่เธอลุกยืนขึ้นมาแล้ว ตัวเขาถึงจะลุกขึ้นมาทีหลัง แล้วเอานิ้วโป้งลบคราบลิปสติกตรงมุมปากออกแล้วพูดขื้นว่า“ตอนนี้คงจะไม่รู้สึกกลัวพอนึกถึงภาพนั้นแล้วใช่ไหม?”
“……” มายมิ้นท์ไม่ได้พูดอะไร
ที่จริง ตอนนี้ในสมองของเธอมีแต่ภาพที่เขาจูบเธอ แล้วนึกภาพสภาพศพที่น่าอนาถของส้มเปรี้ยวที่ตัวเองเห็นเมื่อกี้ไม่ออกเลยสักนิด
ดังนั้น จึงไม่มีทางกลัวแน่นอน
ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าวิธีนี้ของเขานั้น ได้ผลดีมากจริง ๆ
ถึงแม้ว่าจะทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้าง
“ขอบคุณค่ะ” มายมิ้นท์ก้มหน้าลง แล้วพูดขอบคุณเปปเปอร์เสียงเบาราวกับเสียงยุงบินไปคำหนึ่ง
เปปเปอร์ได้ยินแล้ว ก็ตอบอืมไปคำหนึ่ง “เดี๋ยวคุณไปนั่งรอข้าง ๆ ก่อน เดี๋ยวผมจะไปดูทางนั้นหน่อยนะ”
เขาชี้ไปที่เก้าอี้เอนหลังด้านข้าง
มายมิ้นท์พยักหน้าขึ้น “ได้ค่ะ”
เธอต้องการที่จะผ่อนคลายสักหน่อยจริง ๆ แล้วก็ไม่อยากไปดูสภาพศพที่น่าอนาถของส้มเปรี้ยวด้วย
กว่าเธอจะลืมภาพที่น่าสยดสยองนั่นไปได้ ก็ไม่อยากจะไปนึกขึ้นมาอีกหรอก
“เหมันตร์ นายอยู่เป็นเพื่อนเธอนะ” เปปเปอร์มอบมายมิ้นท์ไว้ให้ผู้ช่วยเหมันตร์ดูแล
ผู้ช่วยเหมันตร์ตอบรับมาคำหนึ่ง “ครับ”
“เดี๋ยวผมไปก่อนนะ มีเรื่องอะไรก็เรียกผมนะ” เปปเปอร์ตบหัวของมายมิ้นท์เบา ๆ แล้วก็ก้าวเท้าเดินไปทางที่การันต์อยู่
มายมิ้นท์จ้องมองดูแผ่นหลังของเขา แล้วก็จับหัวตรงที่เคยโดนเขาลูบไปเล็กน้อย เป็นครั้งแรกที่รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าไม่รังเกียจแล้ว
แถมแม้แต่ที่เขาจูบเธอเมื่อกี้ เธอก็ยังไม่รู้สึกรังเกียจหรือเกลียดชังอะไรเลย
นี่ตกลงมันคือ…….
“คุณมายมิ้นท์ครับ พวกเราไปทางนั้นเถอะครับ” มายมิ้นท์ยังไม่ทันได้คิดชัดเจน เสียงของผู้ช่วยเหมันตร์ก็ดังมาแล้ว
มายมิ้นท์ทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่ข่มความสงสัยในใจลง แล้วก็ฝืนยิ้มแล้วพยักหน้าไป “ได้”
ทางด้านโน้น เปปเปอร์เดินไปถึงข้างตัวการันต์แล้ว “เป็นยังไงบ้าง?”