รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 524 เกศวดีและขนมผิง
“รู้ตัวตนคนตายไหม?” เปปเปอร์ถามด้วยใบหน้าเย็นชา
นี่คือคำถามที่สำคัญที่สุดในปัจจุบัน
การันต์ดันแว่น “ตอนนี้ยังไม่แน่ชัด ฉันเก็บลายนิ้วมือศพ แล้วเอาไปตรวจที่ฐานข้อมูลลายนิ้วมือ แต่หาลายนิ้วมือที่จับคู่ด้วยไม่ได้ ดังนั้นตัวตนของผู้ตาย พวกคุณต้องสืบหาเอง”
“ต้องสืบหายากแน่” มายมิ้นท์กัดปากพูด
ก่อนหน้านี้เธอเห็นใบหน้าศพแล้ว
ใบหน้าของศพนั้นไม่ชัดเจนเลย และตอนนี้การันต์ไม่สามารถหาตัวตนผู้ตายโดยใช้ลายนิ้วมือของผู้ตายได้ ดังนั้นถ้าต้องการหาตัวตนของผู้ตาย ก็ยิ่งยากแล้ว
และในขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งถือข้อมูลกองหนึ่งวิ่งมาอย่างรวดเร็ว “หัวหน้า บันทึกการเยี่ยมส้มเปรี้ยวรวบรวมเรียบร้อยแล้วครับ”
เมื่อพูดออกมา สายตาทุกคนก็จับจ้องไปที่ข้อมูลในมือเจ้าหน้าที่ตำรวจคนนี้ทั้งหมด
“เอามาให้ฉัน” เปปเปอร์ก้าวขายาว หยิบข้อมูลฉบับนั้นได้มาก่อน
มายมิ้นท์รีบเดินไปยืนข้างเขา เอนศีรษะไปอ่านกับเขา ข้อมูลไม่หนา มีแค่กระดาษสองหน้าเท่านั้น
หน้าแรกเป็นบันทึกการเยี่ยมของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ทั้งหมด บางครั้งก็แทรกด้วยเยี่ยมบุญ ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบอะไร
เปปเปอร์ก็พลิกหน้านี้ทันที แล้วดูหน้าที่สอง
หน้านี้ เนื้อหายังคงไม่ต่างกับหน้าแรก
แต่เห็นบันทึกสองสามอันสุดท้ายของกระดาษ กลับทำให้เปปเปอร์และมายมิ้นท์ขมวดคิ้วขึ้นมา
“เกศวดี? แล้วก็ขนมผิง?” มายมิ้นท์ประหลาดใจ “พวกเธอมาเยี่ยมส้มเปรี้ยวทำไม?”
และในเรื่องของเวลา ก็เป็นสองวันนี้พอดี
เปปเปอร์หรี่ตาขึ้นมา “พลตำรวจภูทิศ สองคนนี้ต้องมีปัญหาแน่ๆ เป็นไปได้สูงว่าพวกเธอช่วยส้มเปรี้ยว”
“ฉันเข้าใจความหมายของประธานเปปเปอร์ เดี๋ยวฉันจะเตรียมคนไปพาพวกเธอมา” พลตำรวจภูทิศรับข้อมูลที่เขาส่งมาแล้วพูดขึ้น
เปปเปอร์ตอบอืม จากนั้นก็มองเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อครู่นี้อีกครั้ง “มีกล้องวงจรปิดที่พวกเกศวดีมาเยี่ยมส้มเปรี้ยวไหม?”
“มีครับ” เจ้าหน้าที่ตำรวจพยักหน้า
การันต์เอ่ยปาก “ไปดูที่ห้องทำงานฉันเถอะ มีคอมพิวเตอร์ แล้วก็มีโปรเจคเตอร์”
แน่นอนว่าทุกคนเห็นด้วย
มาถึงห้องทำงานการันต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นก็เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ของเขา และฉายไปบนจอใหญ่
เปปเปอร์เดินไปนั่งหน้าโซฟา ตบที่นั่งข้างๆ แล้วพูดกับมายมิ้นท์ “มาสิ นั่งตรงนี้ ตรงนี้เห็นชัด!”
มุมปากมายมิ้นท์กระตุก
มันไม่ใช่ดูภาพยนตร์นะ ยังต้องหาตำแหน่งที่นั่งดีๆ ด้วย
ถึงจะคิดแบบนี้ แต่เธอก็ยังเดินไปนั่งข้างเปปเปอร์
เปปเปอร์เห็นเธอเชื่อฟังแบบนี้ มุมปากก็ยกขึ้นสูง
และคนรอบข้างก็รู้สึกได้ ว่าเขาอารมณ์ดีมาก
เริ่มเล่นวิดีโอแล้ว สิ่งแรกที่ฉายคือฉากที่เกศวดีและขนมผิงมาเยี่ยมส้มเปรี้ยวเป็นครั้งแรก
มายมิ้นท์เห็นว่าหลังจากเกศวดีและขนมผิงเข้าไปในห้องผู้ป่วยส้มเปรี้ยว ก็ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงก่อนจะออกมา แล้วก็เดินจากไปทันที
ช่วงเวลานี้ ไม่เกิดอะไรขึ้น
เปปเปอร์ขมวดคิ้วถาม “ทำไมมีแค่กล้องวงจรปิดนอกห้องผู้ป่วย ไม่มีด้านใน?”
พลตำรวจภูทิศถอนหายใจแล้วพูดอธิบาย “คืองี้ครับ ถึงเธอจะเป็นอาชญากร แต่สิทธิความเป็นส่วนตัวของเธอไม่ได้ถูกกีดกัน ตำรวจอย่างเราก็ทำได้แค่ติดตั้งกล้องวงจรปิดข้างนอก ไม่สามารถติดตั้งในห้องผู้ป่วยของเธอได้ ดังนั้นเรื่องทุกอย่างในห้องผู้ป่วย เราไม่รู้เลย”
เปปเปอร์เม้มริมฝีปากบาง ไม่พูดอะไร
ไม่นาน วิดีโอที่สองก็เริ่มเล่น
เป็นกล้องวงจรปิดที่เกศวดีและขนมผิงมาเยี่ยมครั้งสุดท้าย
ครั้งนี้ มายมิ้นท์พบปัญหาแล้ว
นั่นก็คือเกศวดีเข้าห้องผู้ป่วยของส้มเปรี้ยวด้วยสีหน้าที่ไม่ดี และขนมผิงข้างกายเธอก็แปลกมาก สวมหมวกและหน้ากากอนามัย ก้มศีรษะตลอดเวลา มีท่าทางขี้ขลาดและหวาดกลัว
เห็นถึงตรงนี้ มายมิ้นท์ก็ยืดแผ่นหลังอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าท่าทางจริงจังขึ้นมากด้วย
เปปเปอร์ก็เช่นกัน จ้องวิดีโอโดยที่ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ในวิดีโอ หลังจากเกศวดีและขนมผิงเข้าไปในห้องผู้ป่วยของส้มเปรี้ยวแล้ว ก็ไม่เหมือนวิดีโอแรก ที่ออกมาหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง
แต่พอเข้าไปแล้วไม่ถึงสิบนาที ทั้งคู่ก็ออกมา
จากนั้นทั้งคู่ก็ไม่มาเยี่ยมส้มเปรี้ยวอีกเลย
“ตอนนี้สถานการณ์ชัดเจนแล้ว” การันต์มองวิดีโอ แล้วยิ้มเยาะ “ตอนที่เกศวดีไปเจอส้มเปรี้ยวครั้งแรก ส้มเปรี้ยวต้องใช้อะไรบางอย่างขู่เกศวดีแน่ๆ ให้เกศวดีช่วยเธอ ครั้งที่สองที่เกศวดีไปเจอส้มเปรี้ยว สีหน้าก็เลยไม่ดี”
“งั้นจะบอกว่า คนที่กระโดดตึกแทนส้มเปรี้ยวคือขนมผิงเหรอ?” ผู้ช่วยเหมันตร์อุทานประหลาดใจ
เปปเปอร์ค่อยๆ ขยับริมฝีปากบาง “ไม่ใช่”
“ไม่ใช่?” ผู้ช่วยเหมันตร์ประหลาดใจ
มายมิ้นท์พยักหน้า “ฉันก็คิดว่าไม่ใช่ ยังไงขนมผิงก็เป็นลูกสาวคนรวย ส้มเปรี้ยวไม่กล้าให้ขนมผิงมากระโดดตึกแทนเธอหรอก ในวิดีโอที่สอง ขนมผิงที่สวมหมวกและหน้ากากอนามัย จะต้องไม่ใช่ขนมผิงตัวจริงแน่ๆ เป็นแค่คนอื่นที่ยืมตัวตนขนมผิงลงทะเบียนข้อมูล”
“ถูกต้อง ส้มเปรี้ยวหรือเกศวดี น่าจะสัญญาอะไรบางอย่างกับคนนั้น คนนั้นก็เลยยอมตาย เพราะงั้นคนที่ออกมาจากห้องผู้ป่วยกับเกศวดีในตอนสุดท้ายก็คือส้มเปรี้ยว และคนที่กระโดดตึกแทนส้มเปรี้ยวก็อยู่ในห้องผู้ป่วย” นิ้วเปปเปอร์เคาะเข่า พูดด้วยเสียงเย็นชา
พลตำรวจภูทิศทุบหมัดใส่กำแพงด้วยความโกรธ สีหน้าแย่สุดๆ “พวกเธอกำลังเล่นกับชีวิตคน!”
“งั้นตอนนี้ พลตำรวจภูทิศคุณให้คนไปพาตัวเกศวดีกับขนมผิงมาได้แล้ว ส่วนส้มเปรี้ยว……”
“ออกหมายจับทั่วทั้งเมือง!” การันต์พูดออกมา
เปปเปอร์พยักหน้า “ตอนนี้เธอคงอยู่ในเมืองเดอะซี ต้องหาเธอให้เจอเร็วที่สุด”
“คุณพูดถูก ฉันจะไปขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ระดับสูง” พลตำรวจภูทิศหยิบโทรศัพท์ออกมา
เปปเปอร์ตอบอืม “ดึกแล้ว งั้นเราไปกันก่อนนะ”
งานต่อไปนี้เป็นของตำรวจแล้ว
ส่วนพวกเขา ก็ไม่ต้องคอยเฝ้าดูตลอดเวลา
“โอเค มีข่าวคราวฉันจะรีบติดต่อพวกคุณทันที” พลตำรวจภูทิศพยักหน้าตอบตกลง
เปปเปอร์ยืนขึ้นมา ยื่นมือไปทางมายมิ้นท์ “ไปกันเถอะ กลับบ้าน”
มายมิ้นท์มองมือเขา ไม่ได้ยื่นมือไปรับ ยืนขึ้นมาเอง “คุณพูดผิดแล้ว คุณไปส่งฉันกลับบ้านสิ ไม่ใช่กลับบ้าน!”
กลับบ้านสองคำนี้ ฟังแล้วน่าเข้าใจผิดมากเลยล่ะ
คนที่ไม่รู้ จะนึกว่ากลับบ้านของพวกเขาสองคน
เปปเปอร์เห็นมายมิ้นท์ไม่ให้ตัวเองประคอง ก็ยิ้มอย่างหมดหนทาง แล้ววางมือลง
หลังจากทั้งสามบอกลาการันต์ ก็เดินออกมาจากห้องทำงานเขา เดินตรงไปที่ลิฟต์
ไม่นาน ทั้งสามก็ออกจากลิฟต์ มาถึงห้องโถงใหญ่โรงพยาบาล
ครอบครัวเยี่ยมบุญทั้งสามคนก็อยู่ห้องโถงใหญ่เช่นกัน
เยี่ยมบุญนั่งบนเก้าอี้เย็นที่ห้องโถงใหญ่ ก้มศีรษะลง มีกลิ่นอายเศร้าเสียใจแพร่กระจายออกมา
และคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ นั่งข้างกายเขา ปิดหน้าร้องไห้ไม่หยุด
แม้แต่ชวนชมก็จับโทรศัพท์อยู่ ดวงตาแดงก่ำ กำลังอดกลั้นอะไรบางอย่าง
เห็นดังนั้น มายมิ้นท์ก็เลิกคิ้ว “อาการป่วยของเยี่ยมบุญคงไม่รุนแรงขึ้นหรอกนะ?”
“คุณแน่ใจได้ยังไง? ไม่ใช่เพราะส้มเปรี้ยวเหรอ?” เปปเปอร์เอียงศีรษะมองเธอ
มายมิ้นท์ยื่นปากไปทางชวนชม “ถ้าเพราะส้มเปรี้ยว เธอไม่แสดงสีหน้าแบบนี้แน่ๆ ก็เลยมีแค่อาการป่วยของเยี่ยมบุญแย่ลง ถึงจะมีความเป็นไปได้”
“มีเหตุผลมาก” เปปเปอร์เชิดคางขึ้น
ทางนั้น พวกเยี่ยมบุญทั้งสามคนได้ยินเสียงฝีเท้า ก็ต่างเงยหน้าขึ้น หลังจากเห็นพวกมายมิ้นท์สามคน ใบหน้าก็ประหลาดใจกันหมด
พวกเขานึกว่า คนที่มามีแค่มายมิ้นท์เท่านั้น
ไม่คิดว่าเปปเปอร์ก็อยู่ด้วย
ก็จริง ตอนนี้เปปเปอร์ติดมายมิ้นท์ มายมิ้นท์อยู่ที่ไหน เขาก็จะตามไปที่นั่นอย่างแน่นอน