รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 53 กลัวว่าสามีมือสองคนนี้จะถูกใครแย่งไป
ในขณะที่ส้มเปรี้ยวกำลังจับแขนของชายคนนั้นอยู่ ก็ยกรอยยิ้มขึ้นมาบนใบหน้า และพูดด้วยน้ำเสียงที่มีชีวิตชีวาออกมาว่า “ฉันนอนหลับไปนานมากขนาดนั้น ก็เลยเล่นสกีไม่แล้ว พอไปถึงลานสกีแล้ว ก็รบกวนคุณครูเปปเปอร์ช่วยสอนฉันหน่อยนะคะ”
เปปเปอร์เหลือบมองที่เท้าของเธอ ขมวดคิ้วและถามว่า “เท้าของคุณไม่มีปัญหาแล้วใช่ไหม?”
“ก็แค่อาการบาดเจ็บเล็กน้อยเองค่ะ อีกอย่างฉันพักอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเวลานานมาก ก็เลยฟื้นคืนเป็นปกตินานแล้วค่ะ” ส้มเปรี้ยวยิ้มอ่อนๆ และจับแขนของเขาอย่างแนบแน่น “นานๆทีคุณถึงจะมีเวลาว่าพาฉันออกมาเที่ยวได้ อะไรที่ว่าสนุกฉันก็อยากจะแชร์ด้วยกันกับคุณนะคะ”
“โอเค” ชายหนุ่มตอบอย่างไม่กระตือรือร้น
หลังจากที่ส้มเปรี้ยวออกจากโรงพยาบาล เธอก็บอกว่าอยากออกมาเที่ยวสักหน่อย และเขาก็ไม่มีงานพอดี ก็เลยออกมาเที่ยวเป็นเพื่อนเธอ แต่เขากลับคิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะมาที่ยาบูลี่ สกีรีสอร์ท
คาดว่าพอมายมิ้นท์ได้รับข่าวที่เขาให้ไปในครั้งก่อน ก็คงมาหาภาคินที่นี่แล้ว
……
หลังจากที่เข้าไปในลานสกีแล้ว มายมิ้นท์กับลาเต้ก็ไปที่ร้านเพื่อเช่าอุปกรณ์เล่นสกีให้ครบชุด แล้วไปเปลี่ยนชุดที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
ชุดสกีกับรองเท้าค่อนข้างเทอะทะเล็กน้อย แต่โชคดีที่มายมิ้นท์ปรับให้เหมาะสมได้อย่างรวดเร็วมาก หลังจากที่ลงไปแล้ว กลับพบว่าบนทางเล่นสกีทุกเส้นมีแขกอยู่เป็นจำนวนมาก
เธอเหลือบมองไป ทุกคนล้วนแต่กำลังสวมชุดสกีอยู่ และดูเหมือนว่าจะเหมือนกันเกือบทั้งหมด…
หลังจากที่หาบนทางเล่นสกีสองสามเส้นแล้ว มายมิ้นท์ก็รู้สึกเหนื่อย แล้วก็อยากจะร้องไห้เล็กน้อย “ลานสกีแห่งนี้ใหญ่เกินไปแล้วลาเต้นายเห็นไหมว่าเถ้าแก่ภาคินอยู่ที่ไหน?”
เมื่อไม่ได้รับการตอบกลับสักพักใหญ่ มายมิ้นท์ก็เลยหันกลับมาแล้วจึงพบว่าไม่มีใครอยู่ข้างหลังเลย
“มิ้นท์มองหาฉันอยู่เหรอ?” ลาเต้ไถลสกีลงมาจากเนินเขาสูงๆ สกีที่อยู่ใต้เท้าล่องลอยขึ้นไปอย่างสวยงาม แล้วหยุดอยู่ตรงหน้ามายมิ้นท์อย่างสุขุมและมั่นคง
มายมิ้นท์โกรธมากจนพูดไม่ออก “ฉันให้นายช่วยหาคน นายหนีไปเล่นสกีอย่างนั้นเหรอ?”
“ที่นี่คนเยอะขนาดนั้น แถมยังอยู่กระจัดกระจายไปหมด แม้แต่ผีก็หาไม่เจอเลย!” ลาเต้ถือสกีขึ้นมา แล้วลากเธอเดินออกไป “ไปเถอะมิ้นท์ ฉันจะสอนเธอเล่นสกีเอง อยู่ภายใต้การดูแลและการสอนของฉัน เธอจะต้องกลายเป็นมือโปรในการเลานสกีที่ทุกคนต้องตกตะลึงพรึงเพริดอย่างแน่นอน!”
“……”
พอมายมิ้นท์มองไปรอบๆสักพักก็รู้สึกว่าลานสกีแห่งนี้ใหญ่มากเลยทีเดียว และมีคนเยอะมากจริงๆ เธอจึงรู้สึกหมดอาลัยตายอยาก
ลาเต้ลากมายมิ้นท์ไปจนถึงทางเล่นสกีระดับเริ่มต้น “ที่นี่เป็นทางเล่นสกีระดับเริ่มต้น มีความลาดชันน้อย เหมาะสำหรับมือใหม่ รอให้เธอปรับตัวให้เข้ากับสกีก่อน ก็จะสามารถสไลด์ได้อย่างคล่องแคล่ว แล้วพวกเราค่อยไปที่เส้นทางเล่นสกีระดับกลางที่มีความลาดชันสูงกว่านี้อีกสักหน่อยกัน”
“มิน่าล่ะที่นี่ถึงได้มีคนน้อยนัก และยังมีคนคอยช่วยอีกต่างหาก ที่แท้ที่นี่ก็คือพื้นที่สำหรับมือใหม่นี่เอง” มายมิ้นท์เข้าใจแล้ว แต่เมื่อเพ่งมองดูอย่างไม่สนใจอะไร กลับเห็นคนสองคนเข้ามาในทางเล่นสกี
ช่างไม่บังเอิญเสียเลยจริงๆ แถมยังเป็นคนที่คุ้นเคยอีกต่างหาก
ส้มเปรี้ยวก็เห็นมายมิ้นท์เช่นกัน แล้วสายตาของเธอก็เย็นชาไปในชั่วพริบตา ไม่นานก็ยกรอยยิ้มขึ้นมาทักทาย “คุณมายมิ้นท์ บังเอิญจริงๆเลยค่ะที่ได้เจอคุณกับแฟนของคุณที่นี่”
“คุณส้มเปรี้ยวเราไม่คุ้นเคยกัน คุณไม่ต้องฝืนใจตัวเองมาทักทายพวกเราก็ได้นะ” ลาเต้พูดอย่างเหนื่อยหน่าย “ถ้าไม่อย่างนั้นคุณก็ออดอ้อนประธานเปปเปอร์ของคุณ แล้วให้เขาซื้อลานสกีแห่งนี้ และห้ามไม่ให้พวกเรามา อย่างนี้เราก็จะได้ไม่ต้องเจอหน้ากันแล้ว”
ส้มเปรี้ยวเม้มริมฝีปากสีชมพูลง แล้วพูดว่า “คุณลาเต้ฉันไม่ได้ทำให้คุณขุ่นเคืองใช่ไหม? คุณพูดเกินไปแล้วนะ…….”
“เรื่องที่สโมสร ทำไมคุณถึงลืมได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้เสียแล้วล่ะ?” พอลาเต้พูดจบ ก็อุทานขึ้นมาอีกครั้ง “ก็ใช่นะ ในใจของคุณมีแต่ประธานเปปเปอร์กลัวว่าสามีมือสองคนนี้จะถูกใครแย่งไป แน่นอนว่าคงไม่สนใจที่จะไปจำเรื่องอื่นๆหรอก”
“……”ส้มเปรี้ยวสีหน้าขาวซีดเล็กน้อย ดูอ่อนแอและน่าสงสาร
ลาเต้คนนี้ ทำให้เธอต้องอับอายขายหน้าเป็นอย่างมากอยู่ที่สโมสรในครั้งนั้น ครั้งนี้ได้เจอกัน ปากของเขากลับยิ่งเสียกว่าวันนั้นเสียอีก
ช่างทำให้คนรู้สึกเกลียดชังมากจริงๆ!
“เฮ้ๆ ผมว่าคุณอยู่นะ คุณอย่าทำสีหน้าแบบนี้จะได้ไหม” ลาเต้ทำสีหน้าท่าทางหวาดกลัว และยังพูดกับเปปเปอร์ว่า “ประธานเปปเปอร์ แฟนของคุณเปราะบางยิ่งกว่าดอกไม้ซะอีก คุณต้องคอยดูแลเธอให้ดีๆนะ อย่าให้เธอแตกหักล่ะ!”
ดวงตาของเปปเปอร์จมลึกลงเรื่อยๆ เขาพาส้มเปรี้ยวเดินไปอีกด้านหนึ่งโดยไม่ได้พูดจาอะไร แล้วช่วยเธอปรับอุปกรณ์เล่นสกี
“มายมิ้นท์ ผมจะช่วยคุณ” ลาเต้คุกเข่าลง ช่วยมายมิ้นท์ปรับสกีที่อยู่บนรองเท้าให้มั่นคง และยังพูดพึมพำอย่างเย็นชาอีก “เชอะ! ก็แค่โอ๋คนใครจะทำไม่ได้!”
มายมิ้นท์ถูกเขายั่วเย้าเช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
“ยิ้มอะไร?” ลาเต้ยืนขึ้นมาเสยผมสั้นๆของตัวเอง แล้วยกริมฝีปากบางๆขึ้นเล็กน้อย “คงไม่ได้คิดว่าฉันหล่อมากใช่หรือเปล่า? มิ้นท์ ถึงฉันจะไม่สมบูรณ์พร้อมเท่าเธอ แต่ฉันก็สามารถทำให้ฉันมีความสุขยิ่งขึ้นได้นะ”
“นายหุบไปเลยนะ” มายมิ้นท์ใช้เสาสกีตีเขาอย่างแรง “อย่าบังคับให้ฉันตบนายนะ!”
พอลาเต้ถูกมายมิ้นท์ตีสองครั้ง ก็ไม่ดื้ออีกต่อไปแล้ว และกลายเป็นคนที่จริงจังขึ้นมา ในขณะที่กำลังพยุงเธออยู่ เขาก็ปรับสกีให้เธอ
ส้มเปรี้ยวอยู่ห่างจากพวกเขาไม่ไกลนัก พอได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน แก้มของเธอก็แดงเล็กน้อย แล้วเธอก็พูดเบาๆว่า “ถึงแม้ว่าที่นี่คนจะน้อย พวกเขาก็ไม่ควร…เกี้ยวพาราสีกันอย่างโจ่งแจ้งอย่างนี้นะคะ หน้าไม่อายเกินไปแล้ว”
เปปเปอร์เหลือบไปมองทางมายมิ้นท์ที่อยู่ด้านนั้น แล้วขมวดคิ้วแน่น
เขานึกว่ามายมิ้นท์มาหาเถ้าแก่ของบริษัทดีย์คูเปอร์ที่นี่เพื่อเจรจาธุรกิจ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะมาเกี้ยวพาราสีและเล่นสกีกับลาเต้อยู่ที่นี่ แถมยังเล่นอย่างสนุกสนานเกินหน้าเกินตาอีกด้วย
“อย่าไปสนใจพวกเขาเลย” เปปเปอร์พูดด้วยเสียงที่เคร่งขรึม อุณหภูมิร่างกายก็ลดลงมาหลายองศาอย่างน่าประหลาดใจ
ส้มเปรี้ยวตกใจสะดุ้งโหยงไปทั้งตัว แล้วค่อยเงยหน้าขึ้นไปมองชายหนุ่ม ก็เห็นว่าสีหน้าของเขาเฉยเมย ดูเหมือนว่าอารมณ์ที่ไม่เคยขึ้นๆลงๆเมื่อสักครู่นี้ เป็นเพียงภาพลวงตาของเธอเท่านั้น
มายมิ้นท์เป็นนักเล่นสกีมือใหม่ จึงไม่รู้อะไรเลย หลังจากที่ลาเต้สอนจบแล้วปล่อยมือ เธอจึงค่อยๆใช้เสาสกีอย่างช้าๆ
หลังจากเลื่อนไปสองครั้ง ร่างกายของเขาเอียงโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วตกลงไปในหิมะ
ทำให้ลาเต้หัวเราะเยาะขึ้นมา “มิ้นท์เธอนี่ก็ทึ่มเกินไปแล้วนะ ใช้เสาสกียังล้มได้อีก ร่างกายของเธอไม่สามารถหาจุดสมดุลได้หรือไง?”
“นายหุบปากไปเลยนะ!”
มายมิ้นท์เห็นว่าส้มเปรี้ยวที่อยู่ข้างๆสามารถใช้เสาสกีได้อย่างชำนาญแล้ว หลังจากสไลด์ไปได้อย่างคล่องแคล่ว ในใจก็รู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น เธอจึงกัดฟันและลุกขึ้นมา แล้วเรียนรู้ต่อไป
หลังจากที่ล้มมานับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดมายมิ้นท์ก็สามารถควบคุมเสาสกีได้อย่างเชี่ยวชาญ และสามารถเลื่อนไปเลื่อนมาบนเนินเขาอย่างคล่องแคล่ว ในเวลานั้นเองเธอก็ได้ยังเข้าใจและซาบซึ้งถึงความสุขของการเล่นสกี และตกอยู่ในห้วงของการเล่นสกี โดยไม่ได้สนใจเลยว่าผู้คนที่อยู่ข้างๆจะเป็นอย่างไร
เมื่อไปถึงลานสกีอีกครั้งในตอนบ่าย มายมิ้นท์กับลาเต้ก็ไปเล่นสกีบนทางเล่นสกีระดับกลางกันแล้ว
ด้านนี้มีคนเยอะ แล้วก็คึกคักเล็กน้อย
ลาเต้ไม่ต้องสอนมายมิ้นท์อีกต่อไปแล้ว ตัวเองก็เลยขึ้นไปยืนอย่างมั่นคงอยู่บนสกี แล้วเลื่อนไถลตามเธอลงไป
เขาอาจจะว่างมากเกินไป จึงมักจะมาพูดคุยกับมายมิ้นท์อยู่เสมอ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเธอ
“มิ้นท์ในวันส่งท้ายปีเก่าคุณกับคุณปู่ไปทานอาหารที่บ้านฉันนะ” ลาเต้พูด “วันก่อนแม่ของฉันยังโทรมาบ่นกับฉันอยู่เลยว่าอยากจะเจอเธอ”
หลังจากแต่งงาน มายมิ้นท์ได้ฉลองปีใหม่กับครอบครัวของเปปเปอร์ทุกปี แต่ทว่าปีนี้ เธอหย่ากับเปปเปอร์แล้ว
มายมิ้นท์จึงไม่ได้ตอบตกลงไปในทันที “ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันนะ”
เธอรู้ว่าลาเต้รักตัวเองมาก แต่ตระกูลกิตติภัคโสภณ ยังคงมีเธอกับปู่ของเธอ เธอจึงไม่เต็มใจที่จะไปบ้านของคนอื่นเพื่อทำลายบรรยากาศในเทศกาลเช่นนี้ และคาดว่าคุณปู่ก็ไม่อยากไปเช่นกัน
ลาเต้ถอนหายใจ “เห็นแก่ความหล่อเหล่าขนาดนี้ที่อยู่บนใบหน้าของฉัน คุณแฟน จะไว้หน้าฉันหน่อยได้ไหม?”
“ก็แค่แฟนปลอมๆ!”
เธอไม่อยากฟังเสียงน่ารำคาญของลาเต้ จึงใช้แรงผลักเสาสกีที่อยู่ในมือ แล้วเลื่อนผ่านลาเต้ลงไปข้างล่าง
ยังเลื่อนออกไปได้ไม่กี่เมตร มายมิ้นท์ก็ได้ยินว่ามีเสียงเสียดสีกับพื้นหิมะดังมาจากด้านหลัง
เธอยังไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา เธอก็รู้สึกเจ็บที่หลัง เสาสกีถูกกระแทกจนค้ำยันไม่อยู่ ทำให้ทั้งตัวของเธอพุ่งลงไปตามทางลาดอย่างรวดเร็ว
“มายมิ้นท์!” ลาเต้ทำสีหน้าเคร่งขรึม แล้วตามเธอขึ้นไปในทันที
ระดับความลาดชันของทางเล่นสกีค่อนข้างสูง มายมิ้นท์ดิ่งลงไปตลอดทาง และไม่มีเสาสกีค้ำยัน ร่างกายของเธอก็เลยไม่สามารถรักษาสมดุลได้อย่างรวดเร็ว แล้วตัวเธอจึงโอนเอนไปมา
มีร่างเงาร่างหนึ่งเลื่อนตามลงมาจากด้านข้าง หลังจากเข้าใกล้มายมิ้นท์แล้ว เขาก็เอื้อมมือออกไปดึงเธอ และวางมือของเธอไว้บนเอวของตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “กอดไว้นะ อย่าปล่อยมือ”
มายมิ้นท์ไม่อยู่ในความตื่นตระหนกตกใจเลย หลังจากที่ได้ยินเสียงแว่วๆที่ดังมาจากหู เธอก็กอดเอวของชายหนุ่มในทันที
เปปเปอร์ควบคุมสกีให้ดิ่งลงเนินอย่างสงบเยือกเย็น ถึงแม้ว่าจะพาคนคนหนึ่งไปด้วยก็ไม่เหนื่อยเลยแม้แต่น้อย ไม่นานเขาก็พุ่งลงเนิน แล้วยืนอย่างมั่นคง
“คุณมายมิ้นท์ ถึงแล้ว” ในขณะที่กำลังมองดูผู้หญิงที่ยังไม่ปล่อยมือ เปปเปอร์ก็เลยพูดออกมา “ทำไม ยังอยากกอดผมนานๆเหรอ?”
เปปเปอร์เหรอ?
หลังจากที่จำเสียงของชายหนุ่มได้แล้ว มายมิ้นท์ก็ปล่อยมือทันที และยังยืดระยะห่างระหว่างคนทั้งสองคนออกอีกด้วย
เธอถอดหมวกกันน็อคออก และแสดงใบหน้าที่เงียบสงบเป็นปกติออกมา “ขอโทษค่ะ ฉันนึกว่าคุณเป็นแฟนของฉัน ดังนั้นฉันก็เลยกอดคุณแน่นมาก ขอบคุณนะคะประธานเปปเปอร์”