รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 532 หวาดเสียวมาก
“อื้ม” มายมิ้นท์พยักหน้า แล้วหยิบส้อมขึ้นมา ตักเค้กคำหนึ่งเข้าไปในปาก
เค้กนุ่มละมุนลิ้น ละลายในปาก หวานแต่ไม่เลี่ยน อร่อยมากๆ
ดวงตาของมายมิ้นท์อดไม่ได้ที่จะยิ้ม ใบหน้าแสดงความเบิกบานออกมา
เปปเปอร์เห็นแล้ว ริมฝีปากบางๆอมยิ้มเล็กน้อย ยิ้มตามไปด้วย “ดูท่าคุณจะชอบมากนะ”
“รสชาติไม่เลวเลย” มายมิ้นท์ไม่หวงคำชมเลยสักนิด
เปปเปอร์ถือถ้วยกาแฟขึ้นมา “คุณชอบก็ดีแล้ว ที่นี่ยังมีอีกหลายชิ้น อีกเดี๋ยวคุณเอากลับไปกินด้วยก็ได้”
“งั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนะ” มายมิ้นท์ยกชาแดงของตนเองขึ้นมาดื่มแล้วพูดขึ้น
เธอชอบเค้กนี้จริงๆ
รับไว้แล้วหนึ่งชิ้น จะเพิ่มอีกไม่กี่ชิ้น คงไม่เป็นไรหรอก……มั้ง
กินเค้กเสร็จ มายมิ้นท์จึงวางจานลง แล้วหยิบถุงข้างกาย ส่งไปให้เปปเปอร์ “นี่เป็นเครื่องประดับที่คุณเอามาให้ฉันคราวที่แล้ว ขอบคุณนะ”
“ไม่เป็นไร” เปปเปอร์หยิบถุงมา แล้วส่งต่อไปให้ผู้ช่วยเหมันตร์ที่อยู่ข้างๆ “วางไว้ให้ดี”
“ครับประธานเปปเปอร์” ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้า หยิบถุงแล้วเดินเข้าไปในห้องพักของเขา
ด้านในนั้น มีตู้เซฟอยู่
มายมิ้นท์มองด้านหลังของผู้ช่วยเหมันตร์ “พวกคุณไม่ตรวจสอบหน่อยเหรอ? ไม่กลัวฉันแอบเอาของปลอมมาเปลี่ยนเลยหรือไง?”
“ไม่ต้อง ผมเชื่อว่าคุณไม่ทำอยู่แล้ว” เปปเปอร์ดื่มกาแฟแล้วตอบกลับ: “อีกอย่างต่อให้คุณแอบเปลี่ยน ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอก”
เขามองเธอ สายตาทั้งลึกซึ้งทั้งจริงจัง
ในใจของมายมิ้นท์สั่นไหว หลบตามองต่ำลง
แม้เธอจะไม่ได้ต่อต้านการตามจีบของเขา แต่สำหรับความรู้สึกที่ตรงไปตรงมาของเขา กลับยังคงต่อต้านอยู่บ้าง
แต่การที่เธอต่อต้านอย่างนี้ เมื่อไหร่ถึงจะรู้สึกว่า จริงๆเธอก็รักเขาเข้าแล้วล่ะ?
ถ้าไม่ใช่ว่ากลัวผลลัพธ์ที่จะตอบสนองกลับมา เขาอยากพูดทุกอย่างกับเธอให้รู้เรื่องในตอนนี้ไปเลยจริงๆ
กำลังคิดๆอยู่ จู่ๆมือถือของมายมิ้นท์ก็ดังขึ้น
มายมิ้นท์หยิบมือถือจากในกระเป๋าออกมาดู เห็นเลขาซินดี้โทรมา จึงยิ้มให้เปปเปอร์อย่างเกรงใจ “ประธานเปปเปอร์ ฉันรับโทรศัพท์ก่อนนะ”
“อืม” เปปเปอร์พยักหน้า
มายมิ้นท์ใช้นิ้วชี้สไลด์ปุ่มรับสายสีเขียวบนหน้าจอ แล้ววางมือถือไว้ที่ข้างหู “ฮัลโหล”
“ประธานมายมิ้นท์คะ ทะเบียนรถที่คุณให้ฉันหาเมื่อเช้า ทราบผลแล้วค่ะ” เลขาซินดี้ตอบ
มายมิ้นท์นั่งตัวตรง “ผลเป็นยังไงบ้าง? เจ้าของทะเบียนรถคันนั้นเป็นใคร มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
เจ้าของทะเบียนรถ?
หูของเปปเปอร์ขยับเล็กน้อย วางกาแฟลงมองเธอ
นี่มันสถานการณ์อะไร?
เกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วใช่ไหม?
“เจ้าของทะเบียนรถคันนั้นเป็นพลเมืองท้องถิ่นธรรมดาๆคนหนึ่งค่ะ ใช้ทะเบียนรถนี้มานานหลายปีแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ” เลขาซินดี้กำลังมองผลการสืบค้นของตนเองแล้วพูดขึ้น
มายมิ้นท์ได้ยินอย่างนี้ จึงพยักหน้า “ฉันเข้าใจแล้ว”
วางมือถือลง เธอเป่าลมหายใจออกมาเล็กน้อย ใจที่กระวนกระวายอยู่ตลอด ในที่สุดก็สงบลงได้แล้ว
ในเมื่อรถคันที่เห็นเมื่อเช้า เป็นแค่พลเมืองธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
งั้นดูแล้ว คงไม่ได้ตั้งใจติดตามเธอกับเต้โดยเฉพาะหรอก
ตอนนี้ ในที่สุดเธอก็คลายกังวลลงได้
เห็นท่าทางคลายกังวลของมายมิ้นท์แล้ว เปปเปอร์หรี่ตาเล็กน้อย ถามด้วยความเป็นห่วง “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?”
“แค่เรื่องเล็กน้อยน่ะ ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว” มายมิ้นท์ยกมุมปาก ยิ้มบางๆตอบกลับไป
เปปเปอร์เชิดๆคาง “งั้นก็ดี ถ้ามีเรื่องสำคัญอะไร คุณบอกผมได้เลยนะ ผมจะจัดการให้เอง”
“อื้ม” มายมิ้นท์พยักหน้า
แต่เปปเปอร์กลับมองออก ว่าเธอตอบตกลงไปอย่างนั้นแหละ
“เอาล่ะประธานเปปเปอร์ บ่ายมากแล้ว ฉันต้องกลับแล้ว บ่ายสามโมงฉันยังต้องไปดูที่ไซต์ก่อสร้างด้วย” มายมิ้นท์ยกมือขึ้นมาดูนาฬิกา แล้วลุกขึ้น
โรงงานสร้างไปตั้งหลายเดือนแล้ว เธอยังไม่เคยเข้าไปดูสักครั้งเลย
ก่อนมาที่นี่ ทีมงานก่อสร้างโทรไปหาเลขาซินดี้ บอกว่าโรงงานที่ยังไม่ได้ทำการตกแต่งสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้เข้ามาตรวจสอบก่อน
ถ้ามีตรงไหนไม่พอใจ จะได้แก้ไขอย่างทันท่วงที
ดังนั้น เธอจึงวางแผนจะไปดูที่ด้านนั้นหน่อย
“อืม ผมจะลงไปส่งคุณด้วย” เปปเปอร์ก็ยืนขึ้น
จริงๆแล้ว เขาอยากให้เธออยู่ที่นี่นานอีกหน่อย
แต่ เขากลับไม่มีเหตุผลที่จะรั้งเธอเอาไว้
แต่ก็ยังโชคดีที่เธอตกลงว่าจะไม่ต่อต้านการตามจีบของเขา อย่างนี้ เขาก็สามารถใช้เป็นข้ออ้างไปหาเธอได้ตลอดเวลา
ไม่ต้องเป็นเหมือนเมื่อก่อนที่อยากไปหาเธอในแต่ละครั้ง กลับต้องหาข้ออ้างจนไม่หวาดไม่ไหว
มายมิ้นท์ก็ไม่ได้ปฏิเสธเปปเปอร์ที่เสนอตัวจะไปส่ง ยิ้มเล็กน้อย แล้วพยักหน้าตกลง
เปปเปอร์สั่งผู้ช่วยเหมันตร์ที่วางเครื่องประดับเอาไว้อย่างดีแล้ว จึงเดินออกมาจากห้องพักผ่อน: “เอาเค้กในตู้เย็นใส่กล่องด้วย”
“ครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์ขานรับ แล้วไปทำตามคำสั่ง
ไม่นาน เขาก็ถือกล่องสวยๆกล่องหนึ่งกลับมา
เปปเปอร์รับกล่องมา แล้วส่งไปให้มายมิ้นท์
มายมิ้นท์ยื่นมือออกไปรับ “ขอบคุณนะ”
“ไม่เป็นไร การที่คุณชอบก็เป็นคำขอบคุณที่ดีที่สุดที่มีให้ผมแล้ว” เปปเปอร์มองเธอ พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำแหบพร่า
จึงทำให้มายมิ้นท์หูแดง ก้มหน้าไม่พูดไม่จา
เปปเปอร์มองออกถึงความเคอะเขินของเธอ หัวเราะออกมาเบาๆ แล้วเปลี่ยนเรื่องพูด “ไปกันเถอะ”
มายมิ้นท์ออกจากห้องทำงานไปกับเขา เดินไปที่ลิฟต์
มาถึงหน้าลิฟต์แล้ว เปปเปอร์กดปุ่มเปิดประตู “ใช่สิ รถคุณจอดอยู่ตรงไหน?”
“ริมถนนหน้าบริษัทคุณน่ะ” มายมิ้นท์กำลังถือเค้กตอบกลับไป
ตอนที่มาถึง เห็นที่จอดรถตรงนั้นว่างอยู่พอดี จึงจอดตรงนั้นเลย
เปปเปอร์พยักหน้า แสดงให้เห็นว่าเข้าใจแล้ว
ติ๊ง!
ประตูลิฟต์เปิดออก
เปปเปอร์ให้มายมิ้นท์เข้าไปก่อน หลังจากรอเธอเข้าไป ตนเองถึงได้ตามเข้าไป
ผู้ช่วยเหมันตร์เดินอยู่หลังสุด เป็นผู้รับผิดชอบปิดประตูลิฟต์
ภายในลิฟต์ ทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน บรรยากาศเงียบสงัดสุดๆ
จนกระทั่งออกมาจากลิฟต์ หลังจากเดินมาถึงรถที่จอดอยู่ริมถนนแล้ว มายมิ้นท์ถึงได้ทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน “ฉันจะไปแล้ว ประธานเปปเปอร์คุณกลับไปเถอะ”
มือข้างหนึ่งของเปปเปอร์สอดอยู่ในกระเป๋ากางเกง “ไม่รีบ ผมจะดูคุณขึ้นรถก่อน หลังจากคุณออกไปแล้ว ผมค่อยกลับไป”
มายมิ้นท์เห็นเขาแน่วแน่อย่างนี้ จึงไม่ได้พูดอะไรอีก หยิบกุญแจรถจากในกระเป๋าออกมากด ปลดล็อกประตูรถ
“งั้นฉันไปก่อนนะ ไว้เจอกัน!” เธอโบกๆมือ
เปปเปอร์อืมออกมา “ไว้เจอกัน”
มายมิ้นท์ดึงประตูรถ ก้มตัวกำลังจะเข้าไปในรถ
จู่ๆ เสียงรถที่เร่งรีบก็ลอยเข้ามาจากด้านหลัง
เปปเปอร์หันไป แค่เห็นรถญี่ปุ่นสีดำคันหนึ่ง ใช้ความเร็วที่ผิดปกติ ขับมาทางมายมิ้นท์กับเขา เห็นได้ชัดว่าอยากจะพุ่งชนพวกเขา
รู้สึกได้อย่างนี้ สีหน้าของเปปเปอร์เปลี่ยนไปมาก ดึงแขนของมายมิ้นท์เอาไว้ ออกแรงทิ้งตัวไปทางด้านหลัง
“ระวัง!” เปปเปอร์ตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงตึงเครียด
“เกิดอะไรขึ้น?” มายมิ้นท์ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่โดนเขาดึงอย่างกะทันหัน เค้กในมือที่ไม่ได้ถือเอาแน่นๆ จึงหล่นลงไปบนพื้นทันที
ส่วนเธอเอง ก็กระแทกเข้าไปในอ้อมอกของชายหนุ่ม
ฝ่ายชายกอดเอวของเธอเอาไว้ พาเธอหมุนอยู่กับที่หนึ่งรอบ แล้วล้มลงไปที่พื้น กลิ้งถอยหลังไปหลายตลบ กลิ้งออกไปจากอาณาเขตที่รถจะพุ่งเข้ามาชนได้
บนรถ ส้มเปรี้ยวเห็นการตอบสนองที่รวดเร็วเช่นนี้ของเปปเปอร์ ไม่เพียงแต่ตัวเองที่หลบรถของเธอได้ ยังพามายมิ้นท์หลบไปด้วยกันอีก สีหน้าจึงเปลี่ยนไปดุดันจนถึงขีดสุดขึ้นมาทันที
“สมควรตาย!” ส้มเปรี้ยวทุบไปที่พวงมาลัยอย่างแรง เอียงหัวมองที่พื้นฝั่งซ้ายด้านนอกด้วยดวงตาแดงก่ำ มองชายหญิงคู่นั้นที่กำลังกอดกันอยู่ กัดฟันกรอดๆ
เธอตามมายมิ้นท์มาจนถึงที่นี่ เดิมทีแค่วางแผนจะหาโอกาสชนมายมิ้นท์ให้ตายเพียงคนเดียว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะมีเปปเปอร์พ่วงมาด้วย พระเจ้าช่างเป็นใจให้เธอจริงๆ
ถ้าบอกว่ามายมิ้นท์เป็นคนที่เธอต้องฆ่าให้ตาย ถ้าไม่ตายก็จะหมดหนทางกำจัดความอาฆาตแค้นในใจออกไปได้ งั้นเปปเปอร์ก็จะเป็นคนที่เธอรักถึงได้เกลียดชัง จนปัญญาที่จะให้อภัยไปตลอดกาล