รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 536 คำว่าที่รัก
“ไม่ว่าจะเป็นใคร สืบดูก็รู้” เปปเปอร์หรี่ตาพูดด้วยเสียงทุ้ม
มายมิ้นท์พยักหน้า รู้สึกว่าก็จริง
ตอนนี้การคิดว่าใครที่ช่วยเหลือส้มเปรี้ยวกันแน่ มันไม่มีความหมายเลยสักนิด
ทุกอย่าง ยังต้องรอดูผลลัพธ์จากการตรวจสอบ
“ให้พวกเขากลับมาก่อนเถอะ” เปปเปอร์นวดๆหว่างคิ้ว มองไปที่ผู้ช่วยเหมันตร์
ในเมื่อตามไม่ทันแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องไล่ตามต่อไป
ผู้ช่วยเหมันตร์ดันแว่นเล็กน้อย “ครับประธานเปปเปอร์”
พูดๆแล้ว เขาจึงสั่งให้รปภ.สองคนนั้นกลับมาก่อน
ตอนนี้ หมอก็จัดการแผลถลอกบนแขนของมายมิ้นท์เสร็จแล้ว ดึงถุงมือออกพูดขึ้น: “เรียบร้อยแล้วครับคุณผู้หญิง แผลของคุณใส่ยาแล้ว ช่วงที่แผลค่อยๆดีขึ้นอาจจะคันอยู่บ้าง แค่อย่าไปเกามัน ก็จะไม่เป็นแผลเป็นครับ”
“ค่ะ ฉันทราบแล้ว ขอบคุณค่ะคุณหมอ” มายมิ้นท์ยิ้มบางๆตอบกลับ
“ไม่ต้องเกรงใจครับ” หมอคว้าสายสะพายกล่องยาขึ้นมา แล้วสะพายไว้บนไหล่ “ประธานเปปเปอร์ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
เปปเปอร์เชิดๆคาง “เหมันตร์ ไปส่งคุณหมอด้วย แล้วแวะไปที่ห้องควบคุมด้านนั้นเลยนะ ดูหน่อยว่าส้มเปรี้ยวปรากฏตัวอยู่ใกล้ๆตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ครับ!” ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้า แล้วแสดงท่าทีเชื้อเชิญไปทางหมอ
ทั้งสองคนเดินตามกันออกไปแล้ว
ภายในห้องทำงานที่กว้างขวาง จึงเหลือเพียงเปปเปอร์กับมายมิ้นท์สองคน
มายมิ้นท์ก้มหน้ามองเท้าของเขา “คุณอยากเข้าห้องน้ำ หรือกลับไปที่โต๊ะทำงานตรงนั้นหรือเปล่า?”
“ไม่!” เปปเปอร์ส่ายหัว “ทำไมถามอย่างนี้?”
มายมิ้นท์ตอบ “ความหมายฉันคือ ถ้าคุณอยากเข้าห้องน้ำ หรืออยากกลับไปจัดการเอกสารที่โต๊ะทำงานก็บอกฉันได้ ฉันจะประคองคุณไป ถึงยังไงตอนนี้เท้าของคุณก็เดินไม่ได้นี่นา”
“อย่างนี้เอง” เปปเปอร์พยักหน้า “ผมรู้แล้ว ถ้าผมต้องการ ผมไม่เกรงใจหรอก”
“อืม งั้นก็ดี” มายมิ้นท์หัวเราะออกมา “ถ้าคุณเกรงใจ ฉันคงรู้สึกแย่ ไม่ว่าจะพูดยังไง คุณก็ข้อเท้าเคล็ดเพราะฉันอยู่ดี”
ถึงจะบอกว่าส้มเปรี้ยวโจมตีมาที่เราสองคน
แต่ถ้าเปปเปอร์ไม่ช่วยเธอ ตนเองหลบไปเลย เขาคงไม่เกิดเรื่องแม้แต่นิดเดียวแน่ๆ
สรุปแล้ว ก็ยังเป็นเธอที่ทำให้เขาเดือดร้อนนั่นแหละ
เห็นใบหน้าที่กำลังตำหนิตนเองของมายมิ้นท์ เปปเปอร์จึงถอนใจเบาๆ “เอาหน่า เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่ผมยินยอมเองทั้งนั้น คุณไม่ต้องเก็บมาใส่ใจหรอก”
“ฉันรู้ แต่……”
มายมิ้นท์ยังพูดไม่ทันจบ จู่ๆมือถือก็ดังขึ้นมา
เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย หยิบมือถือจากในกระเป๋าออกมาดู เป็นลาเต้ที่โทรมา
“ฉันรับโทรศัพท์ก่อนนะ” มายมิ้นท์หันไปพูดกับเปปเปอร์
เปปเปอร์อืมออกมา “รับเถอะ”
มายมิ้นท์สไลด์ปุ่มรับสาย แล้ววางมือถือไว้ที่ข้างหู “ฮัลโหล เต้”
“ที่รัก เธอยังไม่ได้ไปส่งเครื่องประดับให้เปปเปอร์เหรอ?” ลาเต้ที่อยู่ปลายสายถามขึ้น
มายมิ้นท์มองเปปเปอร์ “ส่งให้แล้ว”
“งั้นทำไมเธอยังไม่กลับมาอีก? ตั้งนานแล้วนะ อีกเดี๋ยวจะไปตรวจโรงงานไม่ใช่เหรอ?” ลาเต้ถามขึ้นอีก
มายมิ้นท์ยกข้อมือขึ้นมาดูเวลา “ฉันมีเรื่องเสียเวลานิดหน่อยน่ะ จะเข้าไปช้าหน่อย”
“มีเรื่องเสียเวลา? ที่รัก เรื่องอะไรเหรอ?” ลาเต้ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง “ต้องการให้ฉันช่วยอะไรไหม?”
มายมิ้นท์ยิ้มส่ายหัว “ไม่ต้อง ตอนนี้จัดการได้แล้ว”
“อย่างนี้เอง ก็ได้ งั้นเธอรีบมาหน่อยนะ ถ้าช้าทีมงานก่อสร้างจะเลิกงานแล้ว” ลาเต้พูดขึ้นอย่างคลายกังวลแล้ว
มายมิ้นท์พยักหน้าอืมออกมา “ได้ ฉันจะรีบไปให้เร็วที่สุด”
“โอเค งั้นแค่นี้นะ”
พูดจบ ลาเต้ก็วางสายไป
มายมิ้นท์วางมือถือลง
เปปเปอร์รินน้ำให้เธอ “ลาเต้ว่าไงบ้าง?”
“ขอบคุณ” มายมิ้นท์รับแก้วน้ำมา หลังจากกล่าวขอบคุณ จึงตอบคำถามของเขา “หลายเดือนก่อนเป็นเพราะส้มเปรี้ยว คุณถึงให้ที่ดินผืนหนึ่งแก่ฉันไม่ใช่เหรอ? ภายหลังฉันถึงใช้มันสร้างโรงงาน ตอนนี้โรงงานสร้างเกือบจะเสร็จแล้ว จึงให้ฉันเข้าไปตรวจสอบก่อนน่ะ”
“ยินดีด้วยนะ” เปปเปอร์ยิ้ม: “โรงงานสร้างเสร็จแล้ว ต่อไปก็ไม่ต้องเอาสินค้าไปให้บริษัทอื่นทำแล้ว”
เขายกแก้วน้ำของตนเองขึ้นมา ยื่นเข้าไปหาเธอ
มายมิ้นท์หัวเราะเล็กน้อย ชนแก้วกับเขา “คุณพูดถูก มีโรงงานของตัวเอง ต่อไปก็ไม่ต้องคิดหนักไม่ต้องเปลืองแรงไปขอร้องคนอื่นแล้ว ยิ่งไม่ต้องโดนรังแกด้วย”
เธอยังจำได้ดี ตอนที่เธอเพิ่งรับช่วงต่อเทนเดอร์กรุ๊ป แล้วต้องไปที่红叶山庄เพื่อคุยงานผลิตสินค้ากับกลุ่มของ宋总 ก็เกือบจะโดนกลุ่มของ宋总ไอ้เฒ่าสารเลวพวกนั้นรังควานซะแล้ว
ถ้าจู่ๆเขาไม่ได้ปรากฏตัวออกมา บางทีเธออาจจะโดนพวก宋总เอาเปรียบก็ได้
สรุปแล้ว เรื่องอย่างนั้น เธอไม่อยากประสบพบเจออีก แค่คิดๆก็ขยะแขยงพอแล้ว
“เพียงแต่โรงงานสร้างเสร็จแล้ว พวกเครื่องจักรคุณเตรียมจะซื้อจากที่ไหนเหรอ?” เปปเปอร์ดื่มน้ำแล้วถามขึ้น
มายมิ้นท์ขมวดคิ้วสวยๆขึ้นมา “สำหรับเรื่องนี้ ฉันยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ แต่ฉันคิดไว้ว่าคงจะเป็นต่างประเทศ ถึงยังไงเทคโนโลยีเครื่องยนต์ของต่างประเทศก็ดีกว่าในประเทศอยู่แล้ว เพียงแต่ถ้าซื้อจากต่างประเทศก็ต้องมีช่องทางการซื้อ ตอนนี้ฉันยังไม่มีน่ะ”
“ผมจัดการให้คุณได้นะ” เปปเปอร์มองเธอพูดขึ้น
มายมิ้นท์แค่ได้ยินเขาพูดอย่างนี้ จึงรีบส่ายหัวโบกมือ “ไม่เป็นไร ฉันไม่ต้องให้คุณช่วยหรอก ฉันวางแผนว่าจะลองไปเดินดูที่ต่างประเทศเองสักรอบ”
“ไปต่างประเทศ?” เปปเปอร์เลิ่กคิ้ว
มายมิ้นท์กำลังประคองแก้วน้ำ “อืม วันที่สิบเดือนหน้า เป็นวันหมั้นของเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยของฉัน สองวันก่อนฉันได้รับสายจากเธอ เธอเชิญฉันไปร่วมงานหมั้นของเธอด้วย เธอบอกว่า ในครอบครัวคู่หมั้นของเธอทำธุรกิจเหมืองแร่ ก็เลยได้ร่วมงานกับธุรกิจเครื่องจักรกลมากมาย ฉันคิดอยู่ว่าจะสามารถหาช่องทางซื้อจากในงานหมั้นของเธอได้หรือเปล่า”
วันที่สิบเดือนหน้า งานหมั้น ในครอบครัวคู่หมั้นทำธุรกิจเหมืองแร่……
ไม่นึกว่าจะบังเอิญขนาดนี้?
เปปเปอร์มองไปที่โต๊ะทำงานของตนเอง ในลิ้นชักที่โต๊ะนั้น ก็วางการ์ดเชิญงานหมั้นอยู่ใบหนึ่ง
และบุคคลสำคัญของพิธีหมั้น บอกกับเธอเหมือนกันพอดี พิธีหมั้นจัดขึ้นในวันที่สิบเดือนหน้า และในครอบครัวยังทำธุรกิจเหมืองแร่อีกด้วย
ดังนั้น ถึงเวลาที่พวกเขาเข้าร่วมงาน น่าจะเป็นงานหมั้นเดียวกันสินะ?
คิดๆแล้ว เปปเปอร์จึงอมยิ้ม อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ
มายมิ้นท์มองเขาด้วยใบหน้าสงสัย “คุณหัวเราะอะไร?”
“ไม่มีอะไร” เปปเปอร์หลบตาลง ปกปิดรอยยิ้มในดวงตาที่ยังไม่จางหายไปเอาไว้ ตอบกลับไปเบาๆ
เขาไม่คิดจะบอกเธอว่าเขาก็ต้องเข้าร่วมงานหมั้นนี้เหมือนกัน
เพราะเขาอยากเห็นมากๆว่า เมื่อถึงเวลาตอนที่เธอเห็นเขาในงานหมั้น จะแสดงท่าทีอะไรออกมา จะตกใจหรือดีใจล่ะ?
น่าจะทั้งคู่แหละมั้ง
นึกถึงเวลานั้นที่ตัวเองจะได้เห็นมายมิ้นท์ดวงตาเบิกโพลง มองเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ รอยยิ้มในแววตาของเปปเปอร์ก็ยิ่งมากขึ้น
มายมิ้นท์เห็นท่าทางมีเลศนัยของเปปเปอร์ แค่รู้สึกแปลกๆอยู่บ้าง
แต่เขาไม่พูด เธอก็ไม่บังคับ
ถึงยังไงทุกๆคน ต่างก็มีความลับของตนเองกันทั้งนั้น
เก็บมือถือกลับไปในกระเป๋า มายมิ้นท์เพิ่งจะรูดซิปปิด ก็ได้ยินผู้ชายที่อยู่ข้างหลังเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง “ใช่สิ ตอนนี้ลาเต้ยังเรียกคุณว่าที่รักอยู่ใช่ไหม?”
ก็ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่า คำว่าที่รักของเขานี่ ราวกับจงใจเน้นเสียง มาพร้อมกับความยั่วเย้าเล็กน้อย ชัดเจนว่าเสียงแหบพร่าที่แสนเซ็กซี่ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนหูกำลังอ่อนเปลี้ย อดไม่ได้ที่จะหน้าแดง
โดยเฉพาะตอนที่เปปเปอร์พูดว่าที่รัก เขากำลังมองเธอแล้วพูดขึ้นมา
ดังนั้นเธอจึงเพียงพอที่จะสงสัยว่า เขาจงใจเรียกเธออย่างนี้หรือเปล่า
ตอนนี้ มายมิ้นท์รู้สึกว่าหน้าของตนเอง กำลังร้อนผ่าวอย่างชัดเจน
เธออดไม่ได้ที่จะยกมือทั้งคู่ขึ้นมาลูบๆบนใบหน้า ร้อนจริงๆด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น หัวใจก็เต้นตึกๆๆไม่หยุด ราวกับกระสับกระส่าย สงบลงไม่ได้เลย