รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 537 เผด็จการเกินไป
มือข้างหนึ่งของเธอกดอยู่ที่หน้าอก อีกข้างหนึ่งพัดอยู่บนใบหน้าไม่หยุด อยากให้อุณหภูมิบนใบหน้าลดลงมา
เปปเปอร์เห็นมายมิ้นท์เป็นอย่างนี้ จึงเอ่ยปากถามขึ้น: “คุณเป็นอะไรไป?”
“ไม่……ไม่ได้เป็นอะไร……” มายมิ้นท์ตอบกลับอย่างตะกุกตะกัก รีบก้มหน้าลง ไม่กล้ามองเขา
พระเจ้า นี่เธอเป็นอะไรไป
ทำไมหัวใจเต้นเร็วขนาดนี้?
ทำไมใบหน้าร้อนผ่าวขนาดนี้?
รีบๆใจเย็นลงมาได้แล้วนะ!
เขาไม่ได้เรียกเธอว่าที่รักจริงๆสักหน่อย แค่กำลังพูดถึงคำเรียกเธอของลาเต้เท่านั้นเอง ดังนั้นทำไมตนเองต้องผิดปกติขนาดนี้ล่ะ?
ลาเต้เรียกตนเองอย่างนี้อยู่บ่อยๆ ตนเองไม่เห็นมีปฏิกิริยาอย่างนี้เลย แต่แค่เปปเปอร์เรียกทำไมถึงเป็นอย่างนี้ล่ะ?
ที่มายมิ้นท์ไม่ได้พูดความจริงเปปเปอร์จะมองไม่ออกได้ยังไง เขาหรี่ตาเล็กน้อยมองเธอ เหมือนกับอยากมองเธอให้ทะลุปรุโปร่ง
ผ่านไปสักพัก ราวกับเขาเข้าใจอะไรแล้ว ในแววตาประกายแสงออกมาเล็กน้อย ร่างกายโน้มมาข้างหน้านิดหน่อย เข้ามาประชิดเธอแล้วเอ่ยปากขึ้น: “คุณยังไม่ได้ตอบคำถามเมื่อกี้ของผมเลย ลาเต้ยังเรียกคุณว่าที่รักอยู่ใช่ไหม หื้ม?”
คำว่าที่รักคำนี้ เขาพูดอย่างลึกซึ้งมากขึ้น
รวมกับหางเสียงคำเสริมน้ำเสียงนั้นที่ยั่วเย้าไม่มีใครเกิน ทำให้มายมิ้นท์ตกใจขึ้นมาทันที
“คุณ……คุณออกไปห่างๆฉันหน่อย!” เธอขยับตัวเล็กน้อยยืนขึ้นมา เดินไปข้างหน้าหลายก้าว ทิ้งระยะห่างระหว่างเขา แล้วหันหลังให้เขา ยังไงก็ไม่กล้าหันหน้าไป
เปปเปอร์เห็นติ่งหูแดงระเรื่อของเธอ ก็พอจะเดาได้แล้ว ว่าบนใบหน้าของเธอตอนนี้เป็นยังไง
ต้องแดงเหมือนติ่งหูแน่เลยสินะ
เป็นอย่างที่คิดไว้ ความผิดปกติของเธอ เกิดจากคำพูดเมื่อกี้ของเขา
เปปเปอร์เท้าคาง มุมปากกำลังอมยิ้ม “ต่อไป อย่าให้เขาเรียกคุณอย่างนั้นอีกนะ”
“เพราะอะไร?” มายมิ้นท์ถูๆใบหน้า สูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามบรรเทาความยุ่งเหยิงในใจ แล้วหันกลับมา
เปปเปอร์สบตาเธอ “เพราะผมไม่ชอบ”
มายมิ้นท์เม้มปาก “คุณไม่ชอบมันก็เป็นเรื่องของคุณ มีสิทธิ์อะไรมาขอให้เต้อย่าเรียกฉันอย่างนั้น”
“เพราะคำเรียกนี้มันสนิทสนมเกินไป พวกคุณไม่ใช่คนรักกัน ไม่เหมาะสมกับคำเรียกนี้ ที่สำคัญที่สุดก็คือ ผมจะหึง สำหรับที่ลาเต้เรียกคุณอย่างนี้ ผมอดทนมานานแล้ว จะไม่ทนต่อไปอีกแล้ว มายมิ้นท์ ผมหวังว่าคนที่เรียกคุณอย่างนี้ จะมีแค่ผมคนเดียวเท่านั้น” เขามองเธอ สีหน้าเคร่งขรึม น้ำเสียงจริงจัง
ดวงตาของมายมิ้นท์เปล่งประกายออกมา “คุณไม่รู้สึกว่าคุณเผด็จการเกินไปเลยหรือไง?”
“ไม่รู้สึก ผมแค่กำลังทำเรื่องที่ผมคิดว่าถูกก็เท่านั้น” ท่าทีของเปปเปอร์อ่อนโยนลง
มายมิ้นท์ขยับๆปาก กำลังคิดจะพูดอะไร ประตูของห้องทำงานก็โดนผลักเปิดออก ผู้ช่วย เหมันตร์กอดโน้ตบุ๊กเครื่องหนึ่งเดินเข้ามา
หลังเข้ามา เขาเห็นมายมิ้นท์กับเปปเปอร์คนหนึ่งยืนคนหนึ่งนั่ง บรรยากาศแปลกไปอย่างชัดเจน ฝีเท้าที่ก้าวยาวๆเข้ามาของเขา จึงหยุดลงทันที มองไปที่เปปเปอร์ด้วยความไม่มั่นใจ “เอ่อ……ผมไม่ควรเข้ามาตอนนี้ใช่ไหมครับ?”
เห็นท่าทางของประธานเปปเปอร์กับคุณมายมิ้นท์แล้ว ราวกับเมื่อกี้พวกเขามีอะไรเกิดขึ้น
ส่วนเขาที่เข้ามาอย่างกะทันหัน ก็ขัดจังหวะพวกเขาใช่ไหม?
คิดอย่างนี้ จู่ๆผู้ช่วยเหมันตร์ก็รู้สึกว่าตัวเองต้องชะตาขาดแน่ๆ
ว่าแล้วเชียว เห็นใบหน้าที่เย็นชาของเปปเปอร์ มุมปากของผู้ช่วยเหมันตร์จึงหดกลับมา ในใจขอโทษอย่างไม่หยุดหย่อน
ขอโทษครับประธานเปปเปอร์ ผมผิดไปแล้ว
คราวหน้าไม่กล้าอีกแล้ว!
“เอาเถอะ นายเข้ามาตอนนี้ ดูกล้องวงจรปิดเสร็จแล้วใช่ไหม?” เปปเปอร์นวดๆขมับ เอ่ยปากถาม
มายมิ้นท์ได้ยินคำว่ากล้องวงจรปิด ก็รีบนั่งลงมา
ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้า “ครับ ดูเสร็จแล้ว ตอนบ่ายสองโมงครึ่ง ส้มเปรี้ยวขับรถมาถึงด้านนอกของบริษัทเรา แล้วเอาแต่นั่งอยู่บนรถตลอดไม่ได้ลงมา นี่เป็นวิดีโอจากกล้องที่ผมตัดต่อมาแล้ว”
พูดๆอยู่ เขาก็วางโน้ตบุ๊กไว้ที่ด้านหน้าของมายมิ้นท์กับเปปเปอร์ แล้วปรับวิดีโอกล้องวงจรปิดออกมาให้พวกเขาดู
สิ่งที่มายมิ้นท์เห็นเป็นอันดับแรก คือภาพรถเบนซ์สีแดงของตนเองที่ปรากฏอยู่ในอาณาเขตของกล้องวงจรปิด แล้วตนเองก็ลงจากรถ เข้าไปในบริษัทตระกูลนวบดินทร์
วินาทีหลังจากที่ตนเองเข้าไป ริมถนนฝั่งตรงข้ามกับรถของตนเอง ก็มีรถเก๋งสีดำคันหนึ่งโผล่ออกมา
ผู้ช่วยเหมันตร์ชี้ไปที่รถเก๋งคันนั้น “นี่คือรถที่ส้มเปรี้ยวขับ!”
“ไม่นึกว่าจะเป็นคันนี้!” มายมิ้นท์สีหน้าเปลี่ยนไปด้วยความตกใจ กำมือแน่นขึ้นมาทันที
เปปเปอร์มองเธอ “ทำไมเหรอ? ดูเหมือนคุณคุ้นเคยกับรถคันนี้นะ?”
มายมิ้นท์ส่ายหัว “ฉันไม่ได้คุ้นรถคันนี้หรอก แต่คุ้นทะเบียนรถต่างหาก”
“ทะเบียนรถ?” เปปเปอร์หรี่ตา สายตาตกอยู่ในวิดีโอกล้องวงจรปิด บนทะเบียนรถคันนั้นที่ส้มเปรี้ยวขับ
วิดีโอจากกล้องวงจรปิดเด่นชัดมาก ทั้งยังมีสีสัน ดังนั้นสำหรับเลขทะเบียนของทะเบียนรถคันนั้น เปปเปอร์จึงมองเห็นอย่างชัดเจน
ไม่นึกว่าจะเป็น250
แต่กลับค่อนข้างเหมาะสมกับส้มเปรี้ยวดีนะ
“เมื่อเช้า ตอนที่ฉันกับเต้ขับรถไปเทนเดอร์กรุ๊ป ตอนนั้นข้างหลังเราก็มีรถคันหนึ่งขับตามมาตลอด รถคันนั้น ก็คือคันนี้ เพราะทะเบียนรถไม่ธรรมดา ฉันจึงจำได้แม่น เพียงแต่ตอนที่ฉันกับเต้เตรียมจะแจ้งตำรวจ รถคันนี้ก็ห่างออกไป ภายหลังเราจึงคิดว่า รถคันนี้คงแค่มาทางเดียวกับเราโดยบังเอิญ แต่เพื่อรับประกันความปลอดภัย หลังจากฉันมาถึงเทนเดอร์กรุ๊ป ก็ให้เลขาสืบหาเจ้าของของทะเบียนรถนี้แล้ว”
“สืบได้อะไรมาบ้าง?” เปปเปอร์ถามขึ้นด้วยสีหน้าอึมครึม
มายมิ้นท์กัดริมฝีปาก “ผลที่ได้บอกว่า เจ้าของของทะเบียนรถนี้ เป็นแค่พลเมืองทั่วๆไปคนหนึ่ง ฉันถึงได้ไม่ระวังตัวเลย แต่คิดไม่ถึงว่า เจ้าของของทะเบียนรถนี้ ไม่นึกว่าจะเป็นส้มเปรี้ยว!”
ตอนที่ส้มเปรี้ยวจะขับรถมาชนเธอกับเปปเปอร์ เธอแค่สนใจที่จะหลบหนีกับเปปเปอร์เท่านั้น ไม่ได้สังเกตทะเบียนรถอะไรเลย
ดังนั้นจึงมองไม่ออกว่ารถที่ส้มเปรี้ยวขับ จะเป็นรถที่ขับตามหลังเธอเมื่อเช้า
“นี่แปลกๆนะครับ ถ้าเจ้าของรถคือส้มเปรี้ยว เลขาของคุณมายมิ้นท์ ไม่น่าจะตรวจสอบออกมาเป็นพลเมืองทั่วไปได้นะครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์พูดสิ่งที่ตนเองสงสัยออกมา “เลขาของคุณ คงไม่ได้เป็นพวกเดียวกับส้มเปรี้ยวใช่ไหมครับ?”
“เป็นไปไม่ได้” มายมิ้นท์ปฏิเสธทันควัน “ซินดี้ไม่ใช่คนของส้มเปรี้ยวแน่นอน”
“เป็นไปได้ว่าตัวป้ายทะเบียนเองคงมีปัญหา นายให้คนสืบป้ายทะเบียนรถนี้ที สรุปว่าเป็นของส้มเปรี้ยว หรือเป็นของพลเมืองคนนั้นกันแน่” เปปเปอร์ออกคำสั่ง
ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้า “ครับ!”
เขาหยิบมือถือออกมา โทรออกไปหาหมายเลขหนึ่ง
มายมิ้นท์กับเปปเปอร์ดูกล้องวงจรปิดช่วงหลังต่อไป
กล้องวงจรปิดช่วงหลังน่าเบื่อมาก เพราะตั้งแต่ต้นจนจบ นอกจากรถกับผู้คนที่ผ่านไปผ่านมา พวกเขาก็ไม่เห็นส้มเปรี้ยวลงมาจากรถเลย
จนกระทั่งสองชั่วโมงผ่านไป เธอกับเปปเปอร์ปรากฏตัวอยู่ที่ริมถนน รถของส้มเปรี้ยว ถึงได้ขยับ
จากนั้นก็เป็นฉากที่ส้มเปรี้ยวชนพวกเขา แต่พวกเขากลับหลบไปได้
ดูกล้องวงจรปิดเสร็จ เปปเปอร์ประสานนิ้วมือ วางไว้บนหัวเข่า เปลือกตาลู่ต่ำลงไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
มายมิ้นท์สูดลมหายใจ ไม่ได้พูดอะไร
ภายในห้องทำงานจึงเงียบสงัด
หลายนาทีผ่านไป ผู้ช่วยเหมันตร์คุยโทรศัพท์เสร็จกลับมา ยืนอยู่ด้านหน้าของทั้งสองคน “ประธานเปปเปอร์ครับ สืบอย่างแน่ชัดแล้ว เจ้าของของทะเบียนรถอันนั้น ได้ผลลัพธ์เหมือนกับที่เลขาของคุณมายมิ้นท์สืบมา เป็นพลเมืองทั่วไปคนหนึ่งครับ”
“ก็หมายความว่า ทะเบียนรถของรถคันนั้นที่ส้มเปรี้ยวขับ เป็นของปลอมงั้นเหรอ?” มุมปากของเปปเปอร์ยิ้มเย็นชา
ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้า “ใช่ครับ ส้มเปรี้ยวน่าจะสุ่มทำทะเบียนเลียนแบบออกมา ไม่งั้นขับรถบนถนนโดยไม่มีใบอนุญาต รถของเธอจะโดนขวางเอาไว้ แล้วเธอก็จะหมดหนทางในการติดตามคุณมายมิ้นท์ครับ”
“เข้าใจแล้ว” เปปเปอร์พยักหน้า “ต่อไป ก็ตรวจสอบเยี่ยมบุญกับภรรยาและตระกูลมหาเอกรัตนาด้วย ฉันอยากรู้ว่า สรุปพวกเขาคอยช่วยเหลือส้มเปรี้ยวลับหลังหรือเปล่า”
ตอนนี้เรื่องที่ส้มเปรี้ยวยังไม่ตาย แม้ทางตำรวจจะไม่ได้เปิดเผย แต่ก็ติดต่อกับตระกูลภักดีพิศุทธิ์แล้ว
ก่อนหน้านี้เรื่องที่ส้มเปรี้ยวกระโดดตึกฆ่าตัวตายทำให้ตระกูลภักดีพิศุทธิ์เศร้าโศกเสียใจอย่างมาก จึงเป็นไปไม่ได้ที่ทางตำรวจจะไม่แจ้งให้ทราบ
ดังนั้นตระกูลภักดีพิศุทธิ์ที่รู้ว่าส้มเปรี้ยวยังไม่ตาย อาจจะคอยช่วยเหลือเธออย่างลับๆก็ได้