รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 54 ห่านตัวนี้น่ารัก ดูเหมือนว่าจะสามารถทำให้ผู้อื่นเข้าหาคุณได้ง่าย
- Home
- รักหวานอมเปรี้ยว
- บทที่ 54 ห่านตัวนี้น่ารัก ดูเหมือนว่าจะสามารถทำให้ผู้อื่นเข้าหาคุณได้ง่าย
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของเปปเปอร์ ก็จมลึกลง
ลาเต้เลื่อนสกีลงมาอยู่ข้างๆมายมิ้นท์อย่างรวดเร็ว “มิ้นท์ ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“อืม ไม่เป็นไร”
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” ลาเต้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วก็ตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิดไปทางคนที่อยู่บนเนินว่า “นี่ คุณส้มเปรี้ยวคุณรีบลงมาเร็วๆสิ!”
หลังจากที่ส้มเปรี้ยวเลื่อนสกีลงมา เขาก็พูดอย่างไม่เกรงใจว่า “อย่าคิดว่าเมื่อกี้ผมจะไม่เห็นนะ ว่าคุณเป็นคนชนมายมิ้นท์!”
“ฉันใส่หมวกกันน็อคอยู่ ทัศนวิสัยก็เลยไม่ชัดเจนเล็กน้อยน่ะค่ะ” ส้มเปรี้ยวกัดริมฝีปากไปมา แล้วกล่าวคำขอโทษมายมิ้นท์ “ขอโทษนะคะคุณมายมิ้นท์ ฉันชนคุณเข้าเสียแล้ว”
“มายมิ้นท์อยู่ต่อหน้าต่อตาคุณ ไม่ใช่อยู่ด้านข้าง ถ้าคุณมองไม่เห็นคุณก็เป็นคนตาบอดแล้ว!” ลาเต้โบกมือไปมาอยู่ตรงหน้าส้มเปรี้ยว แล้วพูดว่า “คุณส้มเปรี้ยวคุณตาบอดไปแล้วจริงๆหรือ จะให้ผมพาไปให้หมอรักษาสักหน่อยไหม?”
“พอแล้ว” เปปเปอร์พูดด้วยความไม่พอใจ “เมื่อสักครู่นี้ผมเพิ่งจะช่วยคุณมายมิ้นท์ไป และส้มเปรี้ยวก็ขอโทษไปแล้วด้วย”
ลาเต้ยิ้มเยาะ แล้วพูดว่า “ประธานเปปเปอร์ ทางเล่นสกีนี้มีความลาดชันสูงมากคุณก็รู้ แฟนของผมก็เป็นแค่มือใหม่ ถูกคุณส้มเปรี้ยวชนขนาดนั้น ถ้าไม่มีใครช่วย กลิ้งลงไปอาจจะกระดูกหักได้นะ!”
“ผมจะคิดว่าแฟนของคุณพยายามฆ่าแต่ไม่สำเร็จได้หรือเปล่า?”
“ลาเต้คุณอย่ามาใช้อำนาจบีบคั้นคนแบบนี้นะ” ส้มเปรี้ยวโมโหจนตาแดไปหมดแล้ว แล้วพูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า “เมื่อกี้ฉันมองไม่เห็นจริงๆนะ ถ้าคุณคิดเล็กคิดน้อยขนาดนี้ ฉันจะเลื่อนขึ้นไป แล้วให้คุณมายมิ้นท์ชนฉันสักทีเดี๋ยวนี้เลยก็ได้”
“ได้!” ลาเต้ตอบตกลง “คุณรีบๆขึ้นไปเลยนะ แล้วให้มายมิ้นท์ชนคุณสักหนึ่งที ผมจะมาช่วยคุณเอง หลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายก็หายกัน!”
“……”ส้มเปรี้ยวพิงอยู่ข้างๆกายเปปเปอร์ แล้วแสดงสีหน้าท่าทางที่อ่อนแอและน่าสงสารยิ่งกว่าเดิมออกมา
เมื่อมายมิ้นท์เห็นสีหน้าที่หม่นหมองของเปปเปอร์ ที่ดูเหมือนจะถูกความยกตนข่มท่านของลาเต้ทำให้โกรธขึ้นมาเสียแล้ว เธอจึงลากลาเต้ออกไป “ไป กลับไปได้แล้ว”
“ผมไม่ไป!” ลาเต้อารมณ์เสียเป็นอย่างมาก “คุณแม่งหย่ากับเปปเปอร์ไปแล้วนะ อีกอย่างแฟนของเขาก็รังแกคุณ คุณก็ยังจะทำตัวเป็นแม่พระอยู่อีกเหรอ?”
มายมิ้นท์เข้ามาใกล้ๆเขา แล้วพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ข้อมูลของบริษัทดีย์คูเปอร์ที่เราได้มา ทามทอยเป็นคนให้ฉันเอง”
ทามทอยมีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับเปปเปอร์ ถ้าเปปเปอร์ให้เขาทำอะไร เขาก็จะทำตามนั้น โดยไม่คำนึงว่าจะต้องร่วมมือกับมายมิ้นท์เลย
มายมิ้นท์เองก็ไม่อยากปล่อยส้มเปรี้ยวไปเช่นกัน แต่เธอก็ไม่อยากเข้าไปแทรกแซงเปปเปอร์ แล้วทำให้เธอไม่สามารถรับซื้อบริษัทดีย์คูเปอร์ได้
พอเธอพูดอย่างนั้น ลาเต้ก็ได้เข้าใจข้อดีและข้อเสียที่มีอยู่ในนั้นได้อย่างชัดเจน แล้วจึงทำเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชา และไม่ไปต่อล้อต่อเถียงกับ ส้มเปรี้ยวอีก เพียงแต่ก่อนที่จะจากไป เขาได้หันกลับมาชี้นิ้วกลางให้พวกเขา
ส้มเปรี้ยวรู้สึกโกรธจนทนไม่ไหว
เธอไม่เคยเห็นผู้ชายที่ปากเสียเป็นที่สุดและต่ำทรามขนาดนี้อย่างลาเต้มาก่อนเลย!
พอส้มเปรี้ยวเห็นว่าใบหน้าของชายหนุ่มเคร่งขรึม เธอจึงกระซิบพูดเบาๆว่า “เมื่อกี้ฉันมัวแต่เล่นสกี ก็เลยมองไม่เห็นคุณมายมิ้นท์ แล้วฉันก็ขอโทษเธอไปแล้วด้วย คิดไม่ถึงว่าลาเต้จะใช้อำนาจบาตรใหญ่บีบคั้นฉันอย่างนี้ แค่กๆ……”
เธอก้มตัวลงไอสองครั้ง และใบหน้าเล็กของเธอก็ซีดเซียวเล็กน้อย
พอเปปเปอร์เห็นสีหน้านั้นของเธอ น้ำเสียงของเขาก็ไม่เย็นชา แล้วโอบกอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขน “มีผมอยู่ตรงนี้ทั้งคน ลาเต้ก็แค่เก่งแต่ปาก ไม่กล้าทำอะไรคุณหรอก หนาวมากแล้ว ผมจะพาคุณกลับโรงแรมนะ”
“อื้ม” ในขณะที่กอดเขาอยู่ส้มเปรี้ยวรอยยิ้มที่ตื้นเขินก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า
ตอนที่พวกมายมิ้นท์กลับมาถึงโรงแรม ก็เป็นเวลาห้าโมงเย็นแล้ว
เธอไปสอบถามที่แผนกต้อนรับ จึงได้ทราบว่าภาคินอยู่ที่ห้องเล่นหมากรุก แล้วก็ไปหาเขาเพียงลำพัง เธอได้หยิบเอาความไร้ยางอายที่ลาเต้บอกออกมา และยืนกรานกับภาคินว่าอยากจะรับซื้อบริษัทของเขาอย่างชัดเจน โดยจะรับซื้อในราคาที่คุยกันได้
ไม่ว่าเธอจะพูดยังไง ภาคินก็ไม่เห็นด้วยเป็นอันขาด ท้ายที่สุดเขาจึงหงุดหงิดจนทนไม่ไหว แล้วพูดว่า “คุณให้ราคาสูงแค่ไหน ผมก็ไม่ขาย คุณไปซะเถอะ!”
เขาไล่มายมิ้นท์ออกไปจากห้องเล่นหมากรุกโดยตรง
มายมิ้นท์รู้สึกปวดศีรษะขึ้นมา และคิดจะโทรศัพท์เรียกให้ลาเต้มา แต่คิดว่าด้วยท่าทางนี้ของภาคิน คำพูดไร้สาระของลาเต้ก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้เหมือนกัน
อีกอย่างถ้าเธอไม่คุยกับเขาด้วยตัวเอง เธอจะได้เรียนรู้และมีประสบการณ์ได้อย่างไร?
มายมิ้นท์คิดถึงชายคนนั้น จึงเปิดWeChatขึ้น หลังจากนั้นก็ส่งข้อความไปหาเขา: คุณเคยติดต่อกับภาคินเจ้าของบริษัทบริษัทดีย์คูเปอร์ไหม? เขาคุยยากมากเลย ไม่ว่าฉันจะเสนอราคาไปเท่าไหร่ เขาก็ไม่อยากเจรจากับฉันเลย
หลังจากที่ส่งข้อความเสร็จ มายมิ้นท์จึงตระหนักได้ว่ามันไม่ถูกต้อง ทำไมเธอจะต้องถามเรื่องนี้กับผู้ชายคนนี้ด้วยเล่า ถามทามทอยไม่ดีกว่าเหรอ?
มายมิ้นท์อยากจะเรียกคืนข้อความกลับ แต่เวลาได้ล่วงเลยผ่านไปแล้ว ข้อความจึงไม่สามารถเรียกคืนได้แล้ว
ในเวลานั้นเอง ชายหนุ่มก็ได้ส่งข้อความกลับมาแล้ว
……
Z-H: ภาคินเป็นคนเย่อหยิ่งไม่ชอบให้บริษัทของตัวเองถูกคนของบริษัทอื่นเข้ามาล่วงล้ำ และถูกผู้อื่นจัดการ ก่อนหน้านี้เขาไปขอให้กองทุนช่วยเหลือบริษัทของเขา ทั้งหมดเป็นเพราะว่าอีกฝ่ายต้องการสิทธิ์ในการบริหารบริษัทของเขา เขาก็เลยไม่ได้ตอบตกลง
Z-H: เขากับพ่อของเขามีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่อกัน คุณก็สามารถลงมือจากเรื่องนี้ได้
ชายหนุ่มพูดเพียงคำสองคำ มายมิ้นท์ก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว
มายมิ้นท์: ฉันเจรจากับเขา ไม่ต้องการสิทธิ์ในการบริหารบริษัทของเขา แต่สามารถเพิ่มอัตราส่วนของหุ้นที่รับซื้อมาให้สูงขึ้น หรือเอาพ่อของเขามายั่วยุเขาได้
Z-H: แป๊บเดียวก็เข้าเข้าใจแล้ว ฉลาดนี่
ชายหนุ่มตอบข้อความช้าเล็กน้อยด้วยคำพูดไม่กี่คำ แต่ทุกประโยคล้วนมีประโยชน์สำหรับมายมิ้นท์มาก
ทักษะเล็กๆน้อยๆในการเจรจาที่ผู้ชายคนนี้สอน ทำให้มายมิ้นท์รู้แจ้งขึ้นมาในทันที จริงๆแล้วเธอไม่รู้เลยว่าตอนที่เจรจากับเถ้าแก่ของบริษัทดีย์คูเปอร์ ตัวเองจะทำอย่างไรจึงจะไม่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ
มายมิ้นท์: เจ้าห่านขาวใหญ่ คุณช่วยทามทอยทำงาน หรือว่าเปิดบริษัทของตัวเองเหรอ? ฉันเห็นว่าคุณรู้อะไรเยอะมากเลยนะ
Z-H: ผมไม่ได้ชื่อว่าเจ้าห่านขาวใหญ่
มายมิ้นท์: ก็คุณไม่ได้บอกชื่อของคุณกับฉันนี่นา ไม่เป็นไรหรอก ก็แค่ชื่อชื่อหนึ่งเท่านั้นเอง!
มายมิ้นท์: ฉันจะไม่ลบคุณ ถ้าไม่อย่างนั้นคุณก็อย่าลบฉันโอเคไหม? คุณเป็นเพื่อนที่ดีมากและพรั่งพรูไปด้วยความรู้ บังเอิญว่าฉันขาดคนที่จะให้คำแนะนำฉันพอดี
มายมิ้นท์: และฉันก็จะไม่ให้คุณเสียเวลาไปเปล่าๆหรอก ต่อไปนี้ฉันจะมาถามคำถามกับคุณ ข้อความละเท่าไหร่ คุณกำหนดได้เลย
ในห้องของโรงแรม พอเปปเปอร์อ่านข้อความหลายข้อความที่มายมิ้นท์ส่งมา ก็รู้สึกทั้งโกรธและตลก
เพราะว่าเธอช่วยปีโป้ เขาจึงถือโอกาสช่วยขายข้อมูลให้เธอเท่านั้น แต่ผู้หญิงคนนี้กลับแสร้งพูดเอาใจเขาเพื่อให้ตัวเองบรรลุจุดประสงค์อย่างไม่จบไม่สิ้น
สักพักหนึ่ง เปปเปอร์จึงตอบกลับไปว่า: อืม โอเค
มายมิ้นท์: คุณทั้งพรั่งพรูไปด้วยความรู้ทั้งใจดี และน่ารักเหมือนกับรูปโปรไฟล์ของคุณจริงๆ!
เปปเปอร์ยกมุมปากขึ้น และไม่อ่านข้อความWeChatนี้ เขาออกจากกล่องโต้ตอบข้อความ แล้วกดโทรศัพท์ไปหาผู้ช่วยเหมันตร์
“ประธานเปปเปอร์ มีธุระอะไรเหรอครับ?” ผู้ช่วยเหมันตร์รับสายอย่างรวดเร็ว
“ผมมีบัญชีWeChatบัญชีหนึ่งที่เคยให้คุณจัดการก่อนหน้านี้” เปปเปอร์ขมวดคิ้วพูด “คุณมีรูปโปรไฟล์ให้เลือกตั้งเยอะแยะ ทำไมถึงได้เลือกรูปห่านล่ะ?”
ผู้ช่วยเหมันตร์พูดอย่างอ้อมค้อมว่า “ห่านตัวนี้แลดูน่ารัก และดูเหมือนว่าจะสามารถทำให้ผู้อื่นเข้าหาคุณได้ง่ายขึ้นด้วยนะครับ”
เปปเปอร์นิ่งเงียบ
“ประธานเปปเปอร์คุณเอาบัญชีนี้คืนไปนานแล้ว ทำไมเมื่อก่อนพอคุณดูหัวห่านแล้วรู้สึกอึดอัด คุณถึงไม่เปลี่ยนล่ะครับ?” ผู้ช่วยเหมันตร์แสดงให้เขาเห็นว่าตัวเองไม่ผิดโดยทางอ้อม “ถ้าคุณเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ไม่เป็น เดี๋ยวผมจะสอนคุณ……”
“ไม่ต้องแล้ว!” เปปเปอร์ตั้งใจวางสายไป
……
ตอนที่รับประทานอาหารเย็น มายมิ้นท์กับลาเต้ได้ไปที่โต๊ะอาหารที่เถ้าแก่ของบริษัทดีย์คูเปอร์นั่งอยู่
มายมิ้นท์นั่งลงตรงข้ามเขา แล้วยิ้มเล็กน้อย “ประธานภาคินเห็นว่าโต๊ะของคุณมีที่ว่างเยอะ คุณคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมคะถ้าฉันกับเพื่อนขอร่วมรับประทานอาหารกับคุณที่นี่?”
ภาคินก้มหน้าก้มตารับประทานอาหาร โดยไม่สนใจเธอ
“ฉันรู้ว่าคุณเป็นคนสร้างบริษัทดีย์คูเปอร์มาเองกับมือ คุณรักและหวงแหนมันเหมือนกับลูกของตัวเอง”
มายมิ้นท์เอามือทั้งสองข้างมาวางซ้อนกันอยู่บนโต๊ะ แล้วพูดอย่างสุขุมเยือกเย็นว่า “หลังจากที่เทนเดอร์กรุ๊ปรับซื้อบริษัทดีย์คูเปอร์แล้ว ฉันสัญญาว่าสิทธิ์การควบคุมดูแลบริษัทดีย์คูเปอร์จะอยู่ในมือคุณ และจะปล่อยให้บริษัทดีย์คูเปอร์ดำเนินกิจการไปได้อย่างอิสระ ซึ่งฉันจะไม่ส่งผู้บริหารระดับสูงไปเฝ้าติดตามดูความเคลื่อนไหวของบริษัทดีย์คูเปอร์”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น ในที่สุดภาคินก็เงยหน้าขึ้น แล้วเหลือบมองเธอ “ใครสอนให้คุณเจรจาแบบนี้ อดีตสามีคุณเหรอ?”
มายมิ้นท์ตกตะลึง
ภาคินวางตะเกียบลง แล้วพูดด้วยสีหน้าที่คาดไม่ถึงว่า “อดีตสามีของคุณจ้องอยากได้บริษัทของผมตาเป็นมัน ก็เลยส่งผู้บริหารระดับสูงมานัดผมทานข้าว และเจรจากับผมตั้งหลายครั้ง ผมรำคาญจะตายอยู่แล้ว เพิ่งหนีออกนอกประเทศมาเล่นสกีทางนี้ คุณก็มาอีกแล้ว!”
“ฉันกับประธานเปปเปอร์เลิกกันไปนานแล้วค่ะ ข้อมูลการรับซื้อกิจการของบริษัทดีย์คูเปอร์เพื่อนอีกคนหนึ่งเป็นคนจัดการให้ฉันค่ะ” ในขณะที่มายมิ้นท์อธิบายเรื่องนี้ เธอกลับเกิดความสงสัยขึ้นมาภายในใจ
ภาคินบอกว่าคำที่เธอพูดเหล่านี้ คนของบริษัทตระกูลนวบดินทร์ก็เคยพูดกับเขาเช่นเดียวกัน
แต่ทว่าคำพูดเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ Z-H สอนเธอมานี่นา
ถ้าสิ่งเหล่านี้เป็นความจริง เช่นนั้นผู้ชายในคืนนั้นก็คือ…… เปปเปอร์เหรอ?