รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 55 การซื้อกิจการที่ประสบความสำเร็จ
ลาเต้ ลุกขึ้นมา เทไวน์แดงให้ภาคิน แล้วพูดว่า “ประธานภาคินพูดติดตลกแล้ว ” ตอนที่มิ้นท์ของเราหย่า อดีตสามีของเธอไม่ให้เงินเธอเลยแม้แต่สตางค์แดงเดียว ขี้เหนียวเหมือนพ่อไก่ขนเหล็ก ดังนั้นเขาจะมาช่วยมิ้นท์ของเราได้อย่างไรกันล่ะครับ”
“ไม่ให้เงินเลยแม้แต่สตางค์แดงเดียวหรอ?” ภาคินมองไปที่มายมิ้นท์ด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย”
“ก็ใช่น่ะสิครับ ไม่เพียงแต่จะไม่ให้เงิน แม้แต่บ้านกับรถก็ไม่มี ดังนั้นประธานภาคินช่วยสงสารมิ้นท์ของเราสักครั้ง แล้วขายบริษัทดีย์คูเปอร์ให้กับมิ้นท์ของเราได้หรือเปล่าครับ?” ลาเต้ โอบไหล่ของมิ้นท์เอาไว้
มายมิ้นท์ปัดมือของเขาลง แล้วพูดว่า “ประธานภาคิน คุณอย่าไปฟังคำพูดเหลวไหลของเขาเลยนะคะ เป็นเพราะว่าฉันไม่ต้องการอะไรเลยเองค่ะ”
พอภาคินยกแก้วไวน์ ขึ้นกำลังจะดื่ม ไม่ไกลมากนัก ก็มีใช้อยู่ที่ดูเหมาะสมกันมากกำลังความแขนเดินมาทางนี้
“ประธานภาคิน ที่แท้คุณก็อยู่ที่นี่นี่เอง แถมคุณมายมิ้นท์กับคุณลาเต้ก็อยู่ที่นี่ด้วย ช่างน่าบังเอิญจริงๆ” ส้มเปรี้ยว กล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มที่อ่อนหวาน ลาเต้ยืดเอวขึ้นบิดขี้เกียจ” ไม่บังเอิญหรอก ผมเองก็ไม่อยากเห็นพวกคุณเลยสักนิด”
ใบหน้าของส้มเปรี้ยวแข็งทื่อไปชั่วครู่ และไม่นานก็จัดระเบียบสีหน้าให้ดีอีกครั้ง แล้วพูดว่า “ทำไมคุณลาเต้ถึงได้พูดจาไม่เกรงอกเกรงใจกันขนาดนี้คะ”
ในขณะที่ลาเต้กำลังใช้มือทั้งสองข้างกอดหลังศีรษะอยู่ ก็หมุนเก้าอี้อย่างสบายใจเราพูดว่า “ช่วยไม่ได้ สำหรับคนที่ไม่ชอบ ผมก็จะเป็นอย่างนี้ตลอดแหละ ใครใช้ให้คุณส้มเปรี้ยวเป็นหนึ่งในนั้นล่ะ”
“คุณ……” ส้มเปรี้ยวโกรธจนหน้าซีดไปหมดแล้ว
เปปเปอร์กอดเธอไว้ในอ้อมแขน ความกดอากาศต่ำ ก็กระจายไปทั่วร่างกาย
เมื่อมายมิ้นท์เห็นสีหน้าที่เคร่งขรึมของเขา ก็ดึงลาเต้มา แล้วพูดว่า ” พอได้แล้ว หยุดแค่นี้เถอะ อย่าลืมสิ่งที่ฉันบอกกับคุณในตอนกลางวันสิ”
“วางใจเถอะ ผมรู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร” ลาเต้ยักไหล่
ภาพที่ทั้งสองคนเอาศีรษะแนบชิดแล้วพูดคุยกันช่างขัดลูกตาเกินไปแล้ว
เปปเปอร์ปล่อยส้มเปรี้ยว แล้วมองไปทางภาคิน และพูดว่า “ประธานภาคิน ข้อเสนอการรับซื้อที่ผมเสนอไปในครั้งก่อน คุณพิจารณาแล้วเป็นอย่างไรบ้างครับ?”
“ผมยังพิจารณาอยู่” ภาคินชี้มายมิ้นท์ไปมา “อดีตภรรยาของคุณก็อยากรับซื้อบริษัทดีย์คูเปอร์ของผมเหมือนกัน เธอกำลังเจรจากับผมอยู่ และยื่นข้อเสนอเดียวกันกับคุณด้วย ผมยังนึกว่าคุณเป็นคนออกความคิดให้เธอด้วยล่ะ”
นัยน์ตาของเปปเปอร์เปล่งประกายแวววาวขึ้นมาอย่างไร้ร่องรอยสักพัก “ไม่ใช่หรอกครับ ผมตั้งใจจะซื้อบริษัทของคุณให้ได้ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะมอบให้คนอื่นหรอกครับ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น มายมิ้นท์ก็ฉีกมุมปากขึ้น และความสงสัยที่อยู่ในหัวใจก็มลายหายไปแล้วอย่างสมบูรณ์
ก็ใช่นะ เขาเกลียดเธอ เขาจะมาช่วยเธอได้อย่างไร
ยิ่งไปกว่าความคิดนี้ใครๆก็คิดได้ ในเมื่อเขาสามารถคิดข้อเสนอนี้ได้ แล้วทำไม Z-H จะคิดไม่ได้ล่ะ?
พอสายตาเหลืบมองไปเห็นความโล่งใจที่อยู่บนใบหน้าของมายมิ้นท์ คิ้วของเปปเปอร์ก็ผ่อนคลายลง
เขาคาดการณ์เอาไว้ตั้งนานแล้วว่าการที่เธอมาหาภาคิน จะทำให้เธอสงสัยในตัวตนของ Z-H เป็นแน่
ดังนั้นเขาจึงมุ่งเดินมาทางนี้โดยเฉพาะ แล้วพูดคำพูดเหล่านั้นเมื่อสักครู่นี้ ซึ่งจุดประสงค์ก็คือ เพื่อที่จะปัดเป่าความสงสัยของเธอออกไปให้หมด
“ช่างไม่บังเอิญจริงๆนะคะประธานเปปเปอร์ ฉันก็ตั้งใจจะซื้อบริษัทดีย์คูเปอร์ให้ได้เหมือนกัน” มายมิ้นท์เงยหน้าขึ้น แล้วมองหน้ากันกับเปปเปอร์
เปปเปอร์ทำสีหน้านิ่ง และพูดอย่างเมินเฉยว่า “เหรอ? งั้นก็มาดูกันว่าประธานภาคินจะเลือกบริษัทไหน!”
“ยังต้องบอกอีกเหรอ จะต้องเป็นเทนเดอร์กรุ๊ปของเราแน่นอนอยู่แล้ว” ลาเต้เอามือไปวางไว้บนเก้าอี้ที่ยู่หลังมายมิ้นท์
ส้มเปรี้ยวทัดจอนผมไว้ที่หูเล็กน้อย แล้วยิ้มเบาๆ “ถ้าว่ากันตามการชั่งน้ำหนักในการเลือกแล้ว บริษัทตระกูลนวบดินทร์เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ส่วนเทนเดอร์กรุ๊ปอยู่บนขอบหน้าผาแล้ว จึงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเลย ประธานภาคินคุณคิดว่ายังไงล่ะคะ?”
มายมิ้นท์วางแก้วไวน์ลง และทำสีหน้าขรึมลง แล้วพูดว่า “คุณส้มเปรี้ยว คุณไม่รู้จักว่าอะไรมาก่อนมาหลังหรือไง? นี่คือโต๊ะเจรจาของเทนเดอร์กรุ๊ป คุณมาทำให้ประธานภาคินปฏิเสธเทนเดอร์กรุ๊ปโดยไม่ได้รับเชิญ เกรงว่าพฤติกรรมนี้จะไม่ค่อยดีนักใช่ไหมคะ?”
“ใช่แล้ว” ลาเต้มองเปปเปอร์ด้วยสีหน้าที่เย้ยหยัน “ประธานเปปเปอร์คู่หมั้นของคุณไม่เข้าใจธรรมเนียม และทำผิดกฎในการปฏิบัติตนของการทำธุรกิจ คุณก็น่าจะไม่สามารถไม่เข้าใจเหมือนกันใช่ไหมครับ?”
การเยาะเย้ยถากถางที่ไม่เหมือนคนทั่วไปของเขา ทำให้เปปเปอร์ที่ได้ยินรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเป็นอย่างมาก จึงดึงมือของส้มเปรี้ยวให้ลุกขึ้น แล้วพูดว่า “พวกเราไปกันเถอะ”
ส้มเปรี้ยวกัดริมว่า “เปปเปอร์ ฉัน…ฉันทำอะไรผิดไปหรือเปล่าคะ?”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ต่อไปก็ให้ระมัดระวังมากกว่านี้ก็พอแล้ว”
แล้วทั้งสองก็จูงมือกันเดินจากไป
ลาเต้เบ้ปากลง “เปปเปอร์ยังคงปกป้องส้มเปรี้ยวจนใกล้จะไม่มีขีดจำกัดแล้วจริงๆ”
หัวใจของมายมิ้นท์รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา เธอจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ
ส้มเปรี้ยวคอคนที่มีค่าที่สุดในหัวใจของเปปเปอร์
ไม่ปกป้องเธอแล้วจะไปปกป้องใครเล่า?
ภาคินจิบไวน์ไปหนึ่งคำ แล้วพูดว่า “รองประธานมายมิ้นท์ได้มีความแค้นกับอดีตสามีของคุณหรือเปล่า?”
มายมิ้นท์จัดการอารมณ์ให้ดี แล้วยิ้มเบาๆ “ยังไม่ถึงขั้นมีความแค้นหรอกค่ะ ก็แค่มีเรื่องบาดหมางใจกันเล็กน้อยเท่านั้น เอาล่ะค่ะประธานภาคิน เรามาเจรจากันต่อเถอะค่ะ”
ภาคินนั่งพิงไปด้านหลัง แล้วพูดว่า “รองประธานมายมิ้นท์ยังจำคำพูดที่อดีตสามีของคุณและคู่หมั้นพูดเมื่อสักครู่นี้ได้หรือเปล่า?”
“แน่นอนค่ะ” มายมิ้นท์พยักหน้าไปมา “เธอพูดถูก ว่ากันตามการชั่งน้ำหนักในการเลือกแล้ว บริษัทของเราเทียบกับบริษัทตระกูลนวบดินทร์ไม่ได้จริงๆ แต่เรามีข้อได้เปรียบอยู่หนึ่งข้อ ที่บริษัทตระกูลนวบดินทร์ก็ยังเทียบไม่ได้
“เอ๋?”
มายมิ้นท์ นึกถึงความเย่อหยิ่งของภาคินที่ Z-H พูดใน WeChat ขึ้นมาได้ รอยยิ้มที่มุมปากของเธอก็ยิ่งชัดเจนขึ้น “นั่นคือเสรีภาพในการซื้อขาย รอให้ในอนาคตคุณคิดว่าคุณมีเงินแล้ว แล้วอยากจะซื้อบริษัทดีย์คูเปอร์กลับไป ฉันสามารถขายให้คุณในราคาที่สูงกว่าราคาซื้อ 30% แต่ถ้าบริษัทดีย์คูเปอร์ตกเป็นของบริษัทตระกูลนวบดินทร์แล้ว คุณคิดว่าคุณยังจะสามารถซื้อกลับมาได้อีกไหม?”
ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นแม่บ้านมาหกปีแล้ว เธอก็รู้จักชื่อในวงการธุรกิจของเปปเปอร์เป็นอย่างดี นั่นก็คือพญายมนั่นเอง
ของทุกอย่างที่ตกมาอยู่ในมือของเขา แทบจะไม่มีใครสามารถนำกลับไปได้เลย
ในที่สุดบนสีหน้าของภาคินก็แสดงสีหน้าที่แสดงถึงความประทับใจออกมา “ดูเหมือนว่า ข้อเสนอที่ล้อใจแบบนี้ ผมจะไม่มีหนทางปฏิเสธได้จริงๆซะแล้ว!”
เขายกแก้วไวน์ขึ้น
นี่คือสำเร็จแล้วใช่ไหม?
มายมิ้นท์รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง หลังจากนั้นเธอก็ยกแก้วไวน์ขึ้นอย่างรวดเร็วภายใต้การเตือนด้วยข้อศอกของลาเต้
หลังจากที่ดื่มไวน์เสร็จ ภาคินก็ลุกขึ้นมา แล้วพูดว่า “เอาล่ะ ผมนัดเพื่อนไปแช่บ่อน้ำพุร้อนแล้ว ก็เลยไม่สามารถอยู่เป็นเพื่อนพวกคุณสองคนได้แล้ว หลังจากที่ผมกลับไปในอีกสองวัน ผมถึงจะเซ็นสัญญาการซื้อกิจการกับคุณนะครับ”
“ตกลงค่ะ” มายมิ้นท์ระงับความตื่นเต้นที่อยู่ภายในใจเอาไว้ แล้วตอบรับกลับไปด้วยรอยยิ้ม
ลาเต้จับใบหน้าของเธอเอาไว้ และดวงตาก็เต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี “มิ้นท์ เธอเก่งมากเลยนะ เธอรู้ไหม ตอนที่เธอเจรจากับภาคินเมื่อกี้ ร่างกายของเธอก็เปล่งประกายไปทั้งตัวเลย เชื่อว่าอีกไม่นาน เธอก็จะได้ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างแต่เพียงผู้เดียว และกลายเป็นประธานหญิงที่มีอำนาจมากที่สุดอย่างแท้จริงแล้ว”
มายมิ้นท์ตบมือของเขาลงไปด้วยความไม่สบอารมณ์ “จะพูดก็พูดมา อย่าขยับไม้ขยับมือ”
ลาเต้ปิดหน้าอกเอาไว้ด้วยสีหน้าที่เสียใจ “มิ้นท์เธอนี่มันเกินไปแล้วนะ คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะรังเกียจฉัน เราโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก เธอรังเกียจฉันได้ยังไง?”
มายมิ้นท์เหลือบมองเขาด้วยสายตาที่เหยียดหยามแว็บหนึ่ง และขี้เกียจไปสนใจการหยอกล้อของเขา
ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นมา
ลาเต้เลิกก่อกวนแล้ว หยิบเอาโทรศัพท์ออกมาดู แล้วพูดว่า “มิ้นท์ ฉันออกไปรับโทรศัพท์ก่อนนะ”
“ไปเถอะ” มายมิ้นท์โบกมือไปมา
หลังจากที่เขาเดินจากไป มายมิ้นท์ก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วเปิด WeChat และคลิกเข้าไปในรูปโปรไฟล์ของเจ้าห่านขาวใหญ่: ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของคุณ
Z-H: สำเร็จแล้วเหรอ?
มายมิ้นท์ยิ้มอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงพิมพ์อย่างรวดเร็วว่า: สำเร็จแล้วค่ะ คุณบอกว่าภาคินเป็นคนเย่อหยิ่ง ดังนั้นฉันจึงจงใจใช้เสรีภาพในการซื้อขายมายั่วเขา เขาก็เลยถูกฉันโน้มน้าวได้สำเร็จ
ด้วยนิสัยของภาคินเขาจะไม่มีทางไปขอเงินจากพ่อแม่ของเขา และไม่มีบริษัทดีย์คูเปอร์แล้ว ดังนั้นการที่จะต้องหาเงินสามเท่าของราคาขายให้เพียงพอ เกรงว่าจะเป็นเรื่องที่ต่อจากนี้ต้องใช้เวลานานมากๆเสียแล้ว
ในเวลานั้นเทนเดอร์กรุ๊ปอาจจะฟื้นคืนความรุ่งโรจน์ขึ้นมาแล้วก็ได้ ถึงแม้ว่าบริษัทดีย์คูเปอร์จะถูกภาคินซื้อกลับไป เทนเดอร์กรุ๊ปก็ไม่ได้รับความเสียหายอะไร
Z-H: ยินดีด้วยนะครับ
มายมิ้นท์: ขอบคุณค่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะคำแนะนำของคุณ ฉันไม่สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้หรอกค่ะ ฉันขอเลี้ยงข้าวคุณได้ไหมคะ?
ทันทีที่ส่งข้อความนั้นออกไป เธอก็รู้สึกเสียใจในภายหลังเสียแล้ว
สิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ยังค่อยๆปรากฏชัดเจนขึ้นมา
ถึงเวลานั้นได้เจอหน้ากัน จะต้องอึดอัดใจมากแน่ๆ
อีกด้านหนึ่ง ภายในห้องของโรงแรม เปปเปอร์สวมชุดคลุมอาบน้ำสีดำนั่งอยู่บนโซฟา โดยเอาขาทั้งสองข้างไขว้กัน ในขณะที่กำลังมองดูโทรศัพท์ด้วยสายตาที่ลึกและเงียบสงัด
ทานข้าวเหรอ?
เปปเปอร์เม้มริมฝีปาก: ไม่เป็นไรครับ
พอเห็นข้อความตอบกลับนี้ มายมิ้นท์ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก: งั้นก็ตกลงค่ะ ไว้คราวหน้าค่อยว่ากันใหม่นะคะ
Z-H: อืม
ตอนที่มายมิ้นท์ออกจากWeChat ลาเต้ก็กลับมาแล้ว “มิ้นท์ ฉันจะชวนเธอไปแช่บ่อน้ำพุร้อนเป็นอย่างไรบ้าง?”
ดวงตาของมายมิ้นท์เปล่งประกายขึ้นมา “โอเค ฉันก็ไม่ได้แช่มานานมากแล้วเหมือนกัน”
หลังจากที่แต่งงานกับเปปเปอร์ไปเมื่อหกปีที่แล้ว เธอก็ได้ปล่อยวางการเที่ยวเล่นทั้งหมดของเธอไป จนเธอลืมความรู้สึกของการแช่น้ำพุร้อนไปแล้ว
“งั้นเรารีบไปกันเถอะ” ลาเต้ดึงมือของเธอขึ้น แล้วมุ่งตรงไปที่โรงน้ำพุร้อน