รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 58 คุณเป็นคนทำใช่ไหม
กลิ่นนี้ เหมือนกับครีมอาบน้ำที่เปื้อนอยู่บนมือของเขาตอนที่เขาอยู่ในห้องอาบน้ำ แล้วที่นี่มีกลิ่นครีมอาบน้ำของมายมิ้นท์ ได้อย่างไร?
เว้นแต่ว่า ครีมอาบน้ำนั้นไม่ใช่ของมายมิ้นท์มาแต่ไหนแต่ไร และก่อนที่จะออกไป ส้มเปรี้ยวกำลังใช้ห้องน้ำห้องนี้อยู่ ดังนั้นครีมอาบน้ำที่ทำให้มายมิ้นท์ลื่นล้มนั้นเป็นของใคร ไม่ต้องพูดก็รู้ได้อย่างชัดเจนแล้ว
เปปเปอร์จับเสื้อคลุมอาบน้ำที่อยู่ในมือของเขาแน่น สายตาที่เย็นชาของเขาหยุดชะงักอยู่บนขวดครีมอาบน้ำขวดหนึ่งที่อยู่ในตู้บนอ่างล้างหน้า ขวดของครีมอาบน้ำนั้นเป็นขวดใสๆ จึงเห็นได้ชัดเจนว่าภายในขวดมีครีมอาบน้ำไม่ถึงครึ่งได้อย่างชัดเจน
ดังนั้นอีกครึ่งหนึ่งไปไหนแล้ว คำตอบนั้นชัดเจนมาก
สีหน้าของเปปเปอร์มืดมนลงอย่างน่ากลัว เขาทิ้งเสื้อคลุมอาบน้ำที่อยู่ในมือแล้วออกจากห้องน้ำไป
ส้มเปรี้ยวกำลังนั่งคุยโทรศัพท์กับพิศมัยอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นที่อยู่ข้างนอก พอได้ยินเสียงฝีเท้า เธอก็เงยหน้าขึ้นมองไปข้างหน้า และในขณะที่เธอกำลังมองดูใบหน้าที่เย็นชาของชายหนุ่มอยู่นั้น ในหัวใจของเธอก็เต้นดังตุ๊บๆขึ้นมาอยู่ครู่หนึ่ง เธอจึงฝืนฉีกยิ้มออกมา แล้วพูดว่า “เปปเปอร์ ทำไมคุณอาบน้ำเสร็จเร็วขนาดนี้คะ?”
ทำไมเขาถึงมองเธอด้วยสายตาที่น่ากลัวขนาดนี้ล่ะ?
“ส้มเปรี้ยว ทำไมคุณถึงไม่พูดแล้วล่ะ?” เสียงที่ดังมากของพิศมัยดังขึ้นมาจากในโทรศัพท์
ส้มเปรี้ยวทำจิตใจให้สงบลง แล้วตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า “คุณป้าคะ ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว หนูจะไม่พูดกับคุณป้าแล้ว คุณป้ารีบไปพักผ่อนนะ ไว้คราวหน้าเราค่อยมาคุยกันใหม่นะคะ สวัสดีค่ะ!”
พอวางสายแล้ว เธอก็เอาโทรศัพท์ไปวางไว้บนโต๊ะกาแฟ แล้วลุกขึ้นเดินไปหาชายหนุ่ม เมื่อยิ่งเดินเข้าไปใกล้ๆ เธอก็ยิ่งรู้สึกได้ว่าสายตาที่ผู้ชายคนนี้มองตัวเองอยู่มีความน่ากลัวเป็นอย่างมาก
ภายในหัวใจของส้มเปรี้ยว รู้สึกกระวนกระวายมากขึ้นเรื่อยๆ แต่บนใบหน้าของเธอ กลับยังคงรักษาความสงบนิ่งเอาไว้อยู่
“เปปเปอร์ คุณเป็นอะไรไปคะ อารมณ์ไม่ดีหรอ?” เธอเดินไปจนถึงตรงหน้าของชายหนุ่ม แล้วเอนตัวไปข้างหน้า อยากจะเข้าไปแอบอิงในอ้อมกอดของเขา
ชายหนุ่มก้มหน้ามองดูเธอ แล้วก็ถอยหลังไปข้างหลังหนึ่งก้าว
ส้มเปรี้ยวโซเซ จนเกือบจะล้มลงไปแล้ว แล้วมองเขาด้วยความประหลาดใจและน้อยใจ “เปปเปอร์คุณ……”
“มายมิ้นท์หมดสติในห้องอาบน้ำ เรื่องนี้คุณไม่ได้เป็นคนทำใช่ไหม!” เปปเปอร์พูดขัดจังหวะเธอ แล้วทำสีหน้าเย็นชาจนถึงขีดสุด
รูม่านตาของส้มเปรี้ยวหดตัวลง ก่อนที่คิดว่าเขาสงสัยในตัวเธอได้อย่างไร เธอจึงส่ายหัวครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วพูดว่า “ไม่ใช่แน่นอน เปปเปอร์ทำไมคุณถึงคิดว่าฉันเป็นคนทำล่ะคะ?”
เธอทำเหมือนกับว่าเธอไม่สามารถยอมรับความเข้าใจผิดของเขาได้ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจและความโกรธเกรี้ยว
เดิมทีคิดว่าตัวเองทำเช่นนี้แล้ว เปปเปอร์ก็ง้อเธอแล้วทำให้เธอไม่โกรธเหมือนปกติ
แม่ค้าคิดเลยว่าในครั้งนี้ผู้ชายคนนี้จะไม่ทำอะไรเลย เขายังคงยืนมองเธออยู่ตรงนั้น ในสายตาของเขาไม่เพียงแต่จะมีความผิดหวังยังมีความซับซ้อนที่ทำให้คนไม่เข้าใจอยู่ด้วย
“ถึงตอนนี้คุณยังไม่ยอมรับอีกหรอ คุณคิดว่าผมเพียงแค่สงสัยคุณธรรมดาๆแค่นั้นเหรอ ถ้าไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด ผมคงไม่กล้าถามคุณหรอก”
หลักฐานที่แน่ชัดอย่างนั้นหรอ?
สีหน้าของส้มเปรี้ยวเปลี่ยนไปในทันที
เธอรู้ว่า แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยพูดโกหก
ดังนั้นเขาจึงมีหลักฐานจริงๆ
ส้มเปรี้ยวลนลาน และภายในแววตาก็มีความหวาดกลัวอยู่ในนั้นด้วย “เปปเปอร์ฉัน……”
เปปเปอร์พูดตัดบทเธออีกครั้งหนึ่งว่า “เหตุที่ทำให้มายมิ้นท์ลื่นล้มคือครีมอาบน้ำที่ถูกเทกระจายเป็นวงกว้าง และกลิ่นของครีมอาบน้ำนั้น ก็เหมือนกับครีมอาบน้ำของคุณ ครีมอาบน้ำของคุณเป็นครีมอาบน้ำที่ถูกทำขึ้นมาเป็นพิเศษ มันจึงมีกลิ่นที่ในโลกนี้ไม่มีกลิ่นใดจะเสมอเหมือนได้”
“นอกจากนี้ ตอนที่คุณออกไป สิ่งของทั้งหมดที่คุณนำติดตัวไปด้วยรวมเป็นของใหม่ และยังไม่เคยเปิดใช้ แต่ครีมอาบน้ำของคุณกลับลดลงครึ่งหนึ่งโดยไม่มีเหตุผล ซึ่งหลักฐานเหล่านี้เพียงพอที่จะพิสูจน์เรื่องที่คุณทำได้”
พอพูดจบ เปปเปอร์มองเธอเหมือนคนแปลกหน้า แล้วถามสิ่งที่ตัวเองสงสัยมาตลอดเวลาว่า “ส้มเปรี้ยว คุณเป็นเด็กผู้หญิงที่ไร้เดียงสาและใจดีที่เขียนจดหมายกับผมคนนั้นจริงๆน่ะเหรอ?”
ร่างกายของส้มเปรี้ยวแข็งทื่อในทันที มือและเท้าของเธอก็เย็นลง
จะทำอย่างไรดี เขาเริ่มสงสัยในตัวตนของเธอแล้ว!
ไม่ได้ จะต้องรีบปัดเป่าความสงสัยของเขา มีอย่างนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็จะต้องจบแห่เป็นแน่
แววตาของส้มเปรี้ยวเปล่งประกายแวววาว ทันใดนั้นเธอก็กัดริมฝีปากและเริ่มร้องไห้ขึ้นมา “เปปเปอร์ฉันขอโทษ ฉันรู้ว่าฉันผิดไปแล้ว ฉันขอโทษ แค่กๆ……”
เธอไอจนหน้าแดงไปหมด ร่างกายก็โงนเงนเล็กน้อย ราวกับว่าเธอจะสามารถเป็นลมล้มลงไปได้ตลอดเวลา
พอเห็นท่าทางที่เปราะบางเช่นนี้ของเธอ ใจของเปปเปอร์ก็อ่อนลง แล้วตบหลังของเธอเพื่อช่วยลมปราณของเธอไหลเวียนได้สะดวก “คนที่คุณควรจะขอโทษ ไม่ใช่ผม”
“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันจะไปขอโทษคุณมายมิ้นท์” เธอจับแขนของเขาแล้วเขย่าไปมาเพื่อออดอ้อน “เปปเปอร์คุณให้อภัยฉันได้ไหมคะ”
เปปเปอร์ไม่ได้พูดว่าจะให้อภัย แต่เขาก็ไม่ได้สะบัดแขนออก และขมวดคิ้วไปมา “ผมอยากรู้ว่าทำไมคุณต้องทำแบบนี้? คุณเคยคิดบ้างไหม ว่าคุณทำแบบนี้อาจจะคร่าชีวิตของคนคนหนึ่งได้เลยนะ!”
“ฉันไม่ได้คิดว่ามันจะร้ายแรงขนาดนั้น” ส้มเปรี้ยวก้มศีรษะลง และทำเสียงสะอึกสะอื้น “ที่ฉันทำอย่างนี้ เป็นเพราะว่าฉันกลัว คุณมายมิ้นท์แต่งงานกับคุณมาตั้งหกปีแล้ว ฉันกลัวว่าในใจของคุณยังมีความรู้สึกต่อเธออยู่ และเธอแย่งคุณกลับไป ดังนั้นฉันก็เลยหุนหันพลันแล่นไปชั่วขณะ หลังจากที่ได้ไปแล้วนั้นฉันก็รู้สึกเสียใจมาก แต่ฉันก็ไม่กล้าพูดออกมา เพราะฉันกลัวว่าเธอจะตำหนิฉัน”
“คนโง่ ในใจของผมมีแต่คุณเท่านั้น เรื่องของผมกับมายมิ้นท์มันเป็นไปไม่ได้แล้ว” ที่แท้เป็นเพราะตัวเองไม่ได้ให้ความรู้สึกที่ปลอดภัยกับเธอมากพอ เธอจึงได้ทำให้เธอทำเรื่องแบบนี้ออกมา ในใจของเปปเปอร์อดไม่ได้ที่จะโทษตัวเอง เขาจึงเอาเธอเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน แล้วจูบผมของเธอ
“ฟังนะ ต่อไปนี้อย่าทำเรื่องแบบนี้อีก เข้าใจไหม?”
“อืม” ส้มเปรี้ยวแอบอิงอยู่ในอ้อมกอดของเขา จึงรู้สึกได้ถึงท่าทีที่อ่อนลงของเขา เมื่อรู้ว่าความสงสัยของเขาถูกขจัดออกไปแล้ว เธอจึงโล่งอกขึ้นมา
หลังจากนั้น เธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงลืมตาแล้วถามด้วยความกังวลว่า “เปปเปอร์ คุณบอกให้ฉันไปขอโทษคุณมายมิ้นท์พรุ่งนี้ คุณมายมิ้นท์ จะไม่โกรธ จนแจ้งตำรวจมาจับฉันเหรอค่ะ”
เปปเปอร์ลูบผมของเธอ แล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร ผมจัดการได้”
“ขอบคุณนะคะเปปเปอร์” ส้มเปรี้ยวยืนเขย่งปลายเท้าขึ้น ยิ้มและจูบไปที่ริมฝีปากของเขา
แต่เปปเปอร์กลับขมวดคิ้ว แล้วหันหน้าไปในทันที
จูบของส้มเปรี้ยวคว้าน้ำเหลวไปเสียแล้ว สีหน้าของเธอจึงแข็งไปชั่วขณะ หลังจากนั้นจึงแกล้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วจูบไปที่แก้มของเขา
อีกด้านหนึ่ง หมอกำลังทำการรักษาให้มายมิ้นท์
ลาเต้กำหมัดสองข้างแน่น แล้วเดินไปเดินมาไม่อยู่ข้างๆ จนกระทั่งหมอถอดถุงมือออก เขาจึงหยุดเดิน แล้วถามว่า “คุณหมอครับ มินท์……มายมิ้นท์เป็นยังไงบ้างครับ?”
“ตอนนี้คุณผู้หญิงท่านนี้พ้นขีดอันตรายแล้วนะครับ เพียงแต่ศีรษะได้รับการกระทบกระเทือนเล็กน้อย ส่วนบาดแผลผมก็ฆ่าเชื้อนะพันแผลให้ใหม่แล้วครับ แต่ว่าทางที่ดีที่สุดเพราะคุณควรไปทำการตรวจให้ละเอียดโรงพยาบาลจะดีกว่านะครับ จะได้ตรวจดูว่ามีเรื่องเลือดอยู่ภายในศีรษะหรือเปล่า” คุณหมอตอบ
“ตกลงครับ ผมจะพาเธอไปพรุ่งนี้” ลาเต้พยักหน้า
หลังจากที่ไปส่งคุณหมอแล้ว เขาก็กลับมานั่งข้างๆเตียง แล้วมองผู้หญิงที่สลบไสลอยู่บนเตียงด้วยความดีอกดีใจ “ยังดีนะที่เธอไม่เป็นอะไร ไม่อย่างนั้นราเม็งไอ้เด็กคนนั้นเขาฆ่าฉันยังไม่พอ ไม่แน่ว่ายังจะกลายเป็นมารร้ายทำลายโลกไปด้วยก็ได้นะ”
พอนึกถึงใบหน้าที่แท้จริงของเด็กคนนั้น ลาเต้ก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเทา หลังจากนั้นก็ฟุบหลับข้างๆเตียง
ตอนที่มายมิ้นท์ตื่นขึ้นมา ก็เป็นเช้าวันรุ่งขึ้นแล้ว
เธอลูกตาไปมา กวาดตามองไปรอบๆ จึงได้รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน
มายมิ้นท์กะพริบตาไปมา แล้วพยุงตัวจะลุกขึ้น ผลที่ได้คือ พอเธอขยับตัวเพียงเล็กน้อย ความเจ็บปวดที่รุนแรงก็แพร่กระจายออกมาจากบนศีรษะ แล้วสีหน้าของเธอขาวซีดด้วยความเจ็บปวด เธอจึงกลับขึ้นไปบนเตียงอีกครั้ง และในเวลาเดียวกัน ภาพภาพหนึ่งก็ได้แว็บผ่านเข้ามาในหัวสมองด้วยเช่นกัน
เธอนึกได้แล้ว ว่าเมื่อวานตัวเองล้มลงไปตอนที่ออกมาจากห้องอาบน้ำ แถมศีรษะยังถูกกระแทกอีกด้วย
มิน่าล่ะศีรษะถึงได้ทั้งเจ็บทั้งวิงเวียน
มายมิ้นท์ครวญครางออกมาด้วยความเจ็บปวด
จากนั้นลาเต้ที่ยังคงหลับฝันอยู่ข้างเตียงก็ถูกปลุกให้ตื่นในทันที แล้วยืดตัวขึ้นมองมายมิ้นท์ด้วยตาที่จะหลับมิหลับแหล่ “มิ้นท์ เธอตื่นแล้วเหรอ?”
มายมิ้นท์ยกมุมปากขึ้น แล้วพูดว่า ” นายเฝ้าฉันทั้งคืนเลยหรอ?”
“ใช่แล้ว” ลาเต้ ตัดผมที่ยุ่งเหยิงเหมือนกับรังนกตามใจชอบ ยิ้มหน้าระรื่นและพูดว่า “เป็นยังไงบ้างมิ้นท์ ฉันมีน้ำใจไหมล่ะ ดังนั้นเธออยากจะพิจารณาแฟนตัวปลอมคนนี้ ให้กลายเป็นแฟนตัวจริงของเธอหรือเปล่าล่ะ?”
มายมิ้นท์เหลือบมองดูเขาด้วยสายตาที่เหยียดหยามแว็บหนึ่ง แล้วพูดว่า “นายฝันไปเถอะ!”
เป็นแฟนกับเพื่อนสนิท คิดๆดูแล้วไม่รู้สึกขนลุกบ้างเหรอ?
“ผู้หญิงนี่ก็ช่างไร้น้ำใจจริงๆ!” ลาเต้มองเธออย่างคับแค้นใจ
มายมิ้นท์เตะเขาไปหนึ่งทีด้วยความไม่สบอารมณ์ แล้วพูดว่า “พอได้แล้ว จริงจังหน่อย
ลาเต้หยุดก่อกวนทันที แล้วแสดงสีหน้าท่าทางจริงจังขึ้นมา “มิ้นท์ ตกลงว่าเธอล้มได้ยังไงเหรอ?