รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 64 วิธีต่ำๆ
“มาเร็วชะมัด” ลาเต้หมุนเก้าอี้ไปมา ท่าทางของเขาดูเกียจคร้าน
มายมิ้นท์ปิดเอกสารในมือ วางไว้ข้างๆ “เชิญเขาเข้ามา”
“ค่ะ” ซินดี้ตอบ
ไม่นาน เยี่ยมบุญเดินเข้ามา เขามองมายมิ้นท์ด้วยแววตาเฉียบคม
มายมิ้นท์ชินกับต่อกรกันในสายอาชีพแล้ว เธอจึงไม่ได้ตื่นตระหนก และทำท่าผายมือให้ “เชิญนั่งค่ะ ประธานเยี่ยมบุญ”
“คุณนี่ใจเย็นจริงๆ!” เยี่ยมบุญพูดเหมือนชม และเลื่อนเก้าอี้ออกมานั่งลงตรงข้ามเธอ
ส่วนลาเต้นั่งอยู่ข้างมายมิ้นท์
มายมิ้นท์ดันแก้วชาที่ซินดี้ยกเข้ามา ไปตรงหน้าเยี่ยมบุญ “ขอบคุณประธานเยี่ยมบุญที่ชม เชิญดื่มชาค่ะ”
เยี่ยมบุญก้มมองชาตรงหน้า และไม่มีท่าทีที่จะยกขึ้นมาดื่ม
มายมิ้นท์ก็ไม่สนใจ เธอประสานมือวางไว้บนโต๊ะ “ไม่ทราบว่าประธานเยี่ยมบุญมาเทนเดอร์กรุ๊ป มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”
“ในเมื่อคุณถามเช่นนี้ งั้นผมพูดตรงๆ เลยแล้วกัน ผมต้องการเอาที่ดินใจกลางเมืองกลับมา” เยี่ยมบุญจ้องเธอเขม็ง
มายมิ้นท์กับลาเต้ปรายตามองกัน จากนั้นก็ทำตัวปกติ เธอยิ้มแล้วพูดว่า “เอากลับไปเหรอคะ เกรงว่าจะไม่ได้ อีกอย่างที่ดินผืนนั้น ได้รับการโอนกรรมสิทธิ์แล้ว มันเป็นของฉันโดยสมบูรณ์ ไม่ใช่ของประธานเยี่ยมบุญ คุณจะเอากลับไปได้ยังไง”
เยี่ยมบุญรู้ตัวว่าเขาพูดไม่เหมาะสม จึงรีบเปลี่ยนคำพูด “คุณมายมิ้นท์เข้าใจผมผิดแล้ว ที่ผมบอกว่าจะเอา คือการซื้อ ไม่ได้จะเอามาเปล่าๆ ครับ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาก็เริ่มโมโห
ที่ดินผืนนี้เขาจะได้มาฟรีแท้ๆ แต่เพราะเรื่องที่ส้มเปรี้ยวทำ ของที่จะได้ฟรีก็ต้องเสียเงิน นี่มันน่าโมโหจริงๆ
“ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง งั้นฉันคงเข้าใจผิดเอง” มายมิ้นท์เอาผมที่ปรกลงมาตรงหน้าด้านซ้าย ทัดขึ้นไปบนใบหูเบาๆ “งั้นประธานเยี่ยมบุญกะจะซื้อกลับไป ในราคาเท่าไรเหรอคะ”
“ผมเป็นคนพูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ร้อยล้าน” เยี่ยมบุญมองเธอ และยกนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้ว
ลาเต้เหลือบตามองบน เขาอดพูดออกมาไม่ได้ “ประธานเยี่ยมบุญครับ คุณจะซื้อที่ดินใจกลางเมืองในราคาร้อยล้าน คุณล้อเล่นหรือเปล่า หรือว่าเอสซีกรุ๊ปล้มละลาย จนไม่มีเงินแล้ว”
เยี่ยมบุญได้ยินคำเยาะเย้ย สีหน้าเขาเคร่งขรึมขึ้นทันที “ประธานลาเต้ พูดมั่วซั่วจะต้องได้รับโทษตามกฎหมายนะครับ!”
ลาเต้ไม่กลัวอะไรพวกนี้ เขาเบะปาก “ทำไม ผมพูดผิดเหรอ แล้วทำไมคุณถึงให้แค่ร้อยล้านล่ะ คุณกำลังดูถูกใครไม่ทราบ!”
“ประธานเยี่ยมบุญ เรื่องนี้ฉันขอยืนข้างลาเต้ ร้อยล้านมันน้อยเกินไป!” มายมิ้นท์ยกชาตรงหน้า ขึ้นจิบเบาๆ เธอยังพูดพร้อมใบหน้าที่มีรอยยิ้ม
เยี่ยมบุญรู้ว่าราคาที่เขาให้ยังไม่เพียงพอจริงๆ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง “งั้นพวกคุณต้องการเท่าไร”
“ราคาเดียวเท่านั้น สองพันล้าน!” มายมิ้นท์วางแก้วชาลง และพูดตัวเลขออกมา
อย่าว่าแต่เยี่ยมบุญเลย ลาเต้ก็อึ้งไปด้วย
“ฉันยอมรับว่าราคาที่ฉันบอก เป็นราคาที่ค่อนข้างสูง แต่ก็ไม่ได้สูงเท่าไร นั่นเป็นที่ดินใจกลางเมืองเชียวนะคะ ราคาเริ่มต้นก็ 1.5 พันล้านแล้ว รอให้บริเวณรอบๆ เจริญกว่านี้ ราคาที่ดินผืนนั้นจะสูงขึ้นเรื่อยๆ สองพันล้านไม่เยอะเลยนะคะ” มายมิ้นท์ยิ้มและมองเขา
เยี่ยมบุญโกรธจนหัวเราะออกมา “ใครจะไปรู้ว่าต้องใช้เวลาอีกกี่ปี ที่ดินผืนนั้นจะราคาสูงถึงสองพันล้าน ตอนนี้คุณให้ราคาผมสองพันล้าน ผมแอบเข้าใจว่า คุณไม่อยากขายที่ดินผืนนั้นให้ผมหรือเปล่า”
มายมิ้นท์ส่ายหน้า “ไม่ใช่นะคะ แค่ประธานเยี่ยมบุญให้ราคานี้ ฉันจะรีบเอาโฉนดให้ทันที แต่ประธานไม่ให้ราคานี้ไงคะ คุณเลยคิดเช่นนี้ ถ้าเป็นแบบนี้ ฉันเก็บไว้สร้างโรงงานดีกว่า”
“งั้นผมจะรอดูว่าโรงงานของคุณ จะสร้างได้อย่างราบรื่นหรือเปล่า!” เยี่ยมบุญพูดอย่างเย็นชา
มายมิ้นท์หรี่ดวงตาคู่สวยลง “ประธานเยี่ยมบุญ นี่คุณกำลังข่มขู่เราเหรอคะ”
เยี่ยมบุญไม่ตอบ และเดินออกไป
ลาเต้มองประตูที่โดนเขากระชากอย่างแรง “ที่รัก เธอไม่ได้จะแหย่เขาจริงๆ ใช่ไหม”
“เปล่า” มายมิ้นท์ดื่มชาต่ออย่างแน่วแน่ “ฉันพูดจริง แค่เขาให้เงินฉันมามากพอ ฉันก็จะขายที่ดินให้เขา เขาซื้อไม่ไหวเลยคิดแบบนั้น ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไง”
ลาเต้เดินไปมารอบๆ เธอ และพูดว่า “นี่แค่ไม่นาน ที่รักกลายเป็นนางจิ้งจอก ในวงการธุรกิจแล้ว สองพันล้าน อย่าว่าแต่เยี่ยมบุญซื้อไม่ไหว ขนาดเปปเปอร์เอาทรัพย์สินในบัญชีมาทั้งหมด ก็ยังซื้อไม่ได้เลย”
“เพราะฉะนั้น ฉันก็เก็บไว้เองละกัน” มายมิ้นท์หัวเราะ
จู่ๆ มือถือบนโต๊ะก็ดังขึ้น
มายมิ้นท์วางแก้วชา เธอดูหน้าจอมือถือ และขมวดคิ้ว “ฮัลโหล สวัสดีค่ะ”
“ขอโทษจริงๆ ครับประธานมายมิ้นท์ ทีมวิศวกรรมของบริษัทเรา เกิดปัญหานิดหน่อย คงจะไม่สามารถช่วยคุณสร้างโรงงานได้แล้ว คุณหาบริษัทอื่นเถอะครับ”
คนปลายสายพูดจบ ก็วางสายทันที ไม่รอให้มายมิ้นท์มีโอกาสได้พูด
“มีอะไรเหรอที่รัก” ลาเต้เห็นสีหน้าเธอไม่สู้ดี จึงถามอย่างเป็นห่วง
มายมิ้นท์กำลังจะเอ่ยปาก เธอยังไม่ทันได้พูด โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก ครั้งนี้เป็นบริษัทเครื่องจักร
“ฮัลโหล คุณมายมิ้นท์ใช่ไหมครับ”
“ฉันเองค่ะ” มายมิ้นท์กำมือถือแน่น เธอกดเสียงต่ำพูดออกไป เธอพอจะเดาสิ่งที่อีกฝ่ายจะพูดได้แล้ว
“คือเรื่องเป็นอย่างนี้ครับคุณมายมิ้นท์ เร็วๆ นี้โรงงานเครื่องจักรของเรา รับงานมาจากบริษัทใหญ่ในต่างประเทศ อาจจะไม่สามารถประกอบเครื่องจักรให้คุณได้ ขอโทษจริงๆ ครับ อภัยให้ด้วยนะครับ”
พูดจบเขาก็วางสายทันที เหมือนมายมิ้นท์เป็นสัตว์ร้าย ถ้าวางสายช้าจะโดนงับหัวอย่างไรอย่างนั้น
“ที่รัก เกิดอะไรขึ้นกันแน่” ลาเต้เห็นสีหน้าของเธอไม่สู้ดีมาก เขาจึงร้อนใจ
มายมิ้นท์วางมือถือลงช้าๆ สีหน้าของเธอเย็นชาราวกับน้ำแข็ง “เยี่ยมบุญไม่ต้องการให้เราสร้างโรงงานได้อย่างราบรื่น เขาไปวุ่นวายกับทีมวิศวกรรมและโรงงานเครื่องจักรที่เราหามาได้”
“อะไรนะ” ลาเต้โกรธจนทุบกำปั้นลงบนโต๊ะ “ไอ้หมาแก่นั่นหน้าไม่อาย คิดไม่ถึงว่าจะใช้วิธีสกปรกแบบนี้ ไม่ได้การละ ฉันต้องลองติดต่อบริษัทอื่น”
“กลัวว่าจะไม่ได้ผลน่ะสิ เยี่ยมบุญตั้งใจขัดขวางเรา เขาต้องติดต่อบริษัทอื่นแน่นอน” มายมิ้นท์กำมือ
ลาเต้เงียบอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่ว่าจะเป็นยังไง ก็ลองดูก่อนเถอะ”
พูดพลาง เขาก็เดินไปโทรอีกด้านหนึ่ง
มายมิ้นท์นวดหัวคิ้วอย่างเหนื่อยล้า เธอเปิดโซเชียล และโพสต์ความรู้สึกลงไป
เมื่อเธอโพสต์เสร็จ กำลังจะวางมือถือลง ก็มีข้อความเด้งขึ้นมา
Z-H: เป็นอะไร
เป็นเขา!
หัวใจของมายมิ้นท์เต้นรัว ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร เมื่อเห็นว่าคนที่ส่งข้อความมาคือ Z-H เธอก็มีความรู้สึกที่ไม่รู้จะบรรยายยังไง
แต่มายมิ้นท์ไม่ได้คิดอะไรเยอะแยะ เธอสูดหายใจลึก และพิมพ์ตอบกลับไปว่า : เป็นอะไร หมายความว่ายังไง
Z-H:ที่โพสต์ไง
มายมิ้นท์เพิ่งจะเข้าใจ อีกฝ่ายเห็นโพสต์ของเธอ จึงส่งข้อความมา
เธออบอุ่นใจ และยกยิ้มมุมปาก: กำลังเป็นห่วงฉันเหรอ
เปปเปอร์เห็นประโยคนี้ เขาเม้มปาก
เขาไม่รู้ว่าทำไมต้องถามเธอ ตอนที่เห็นโพสต์ของเธอ พอได้สติ ก็ส่งข้อความไปแล้ว
ถึงจะลบข้อความ ก็เป็นแค่การทำให้มีพิรุธเท่านั้น ยังไงอีกฝ่ายก็เห็นอยู่ดี และจะถามเขาว่าส่งอะไรมา เพราะฉะนั้นปล่อยไปแบบนี้ดีกว่า
Z-H : คุณว่าไงก็ว่างั้น
มายมิ้นท์: งั้นฉันจะคิดว่านายเป็นห่วงละกัน
Z-H : อืม
มายมิ้นท์ : นายอยากรู้จริงๆ เหรอว่าฉันเป็นอะไร
แววตาของเปปเปอร์วูบไหว “ไม่ใช่สักหน่อย คุณไม่บอกก็ได้”
มายมิ้นท์ : บอกสิ จะไม่บอกได้ไง
เธอหัวเราะเล็กน้อย ไม่รู้เพราะเหตุใด สัญชาตญาณทำให้เธอคิดว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ฟัง เธอจึงส่งข้อความเสียง เล่าเรื่องที่เยี่ยมบุญทำให้เธอลำบากใจ