รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 79 สร้อยคอที่คุ้นตา
เธอจะรู้ได้ไงว่าควรทำยังไง ถ้าเธอรู้ ตอนนี้ในใจคงไม่ประหม่าขนาดนี้หรอก
มายมิ้นท์รู้ได้ยังไงว่าตระกูลเสนาประกรจะเกิดเรื่อง?
ส้มเปรี้ยวกัดริมฝีปาก ดวงตาที่หม่นหมองมองไปตามทางที่มายมิ้นท์เดินไป
ตอนนี้มายมิ้นท์โดนทามทอยประคองมาถึงแผนกศัลยกรรมแล้ว
หมอศัลยกรรมเห็นเธอ ก็ค่อนข้างประหลาดใจ “เมื่อวานคุณเพิ่งมาเปลี่ยนผ้าพันแผลไม่ใช่เหรอ ทำไมวันนี้มาอีกแล้วล่ะครับ?”
มายมิ้นท์คิดไม่ถึงว่าหมอจะจำตนเองได้ ไอออกมาอย่างทำตัวไม่ถูก “เอ่อ คราวนี้ฉันมาให้ดูเท้าค่ะ”
“ดูเท้า?” หมอก้มตัวดู เดินอ้อมมุมโต๊ะมาดูเท้าของเธอ
เห็นข้อเท้าที่บวมนูนขึ้นมาของเธอ เขาก็ส่ายหน้าอย่างเห็นใจ “คุณผู้หญิง คุณดูโชคไม่ดีเลยนะ แผลบนหัวยังไม่หายเลย ข้อเท้ายังเคล็ดจนเป็นแบบนี้อีก หมอแนะนำว่าคุณควรไปไหว้พระหน่อยดีกว่า”
“พรืด!” ทามทอยกลั้นไม่ไหว หัวเราะเสียงดังออกมา
เดิมทีมายมิ้นท์ก็โดนหมอแซวจนหน้าแดงไปแล้ว ตอนนี้ได้ยินเสียงหัวเราะเขา ก็ยิ่งโมโห จึงใช้ข้อศอกกระทุ้งเข้าไปที่เอวของเขาทันที “หุบปาก!”
“โอ้ย!” ทามทอยเจ็บจนต้องกุมเอวเอาไว้ หน้าตาบิดเบี้ยว “ผู้หญิงอย่างเธอ นี่มันรุนแรงเกินไปแล้วนะ”
“ใครให้นายหัวเราะฉัน?” มายมิ้นท์มองเขาอย่างเย็นชา
เขาเบ้ปาก “ก็ได้ๆๆ ฉันไม่ขำเธอแล้วพอใจไหม?”
มายมิ้นท์คำรามออกมา นี่ถึงยอมปล่อยเขาไป
ระหว่างที่หมอกำลังจัดกระดูกใส่ยาที่เท้าของมายมิ้นท์ ทามทอยก็ไม่ลืมที่จะสืบข่าวของตระกูลเสนาประกร
ได้ยินว่าขณะนี้หัวหน้าครอบครัวของตระกูลเสนาประกรโดนพาตัวไปสอบวินัย รวมถึงคนอื่นๆของตระกูลเสนาประกรก็โดนตรวจสอบไปด้วย เขาค่อยๆหันไป สายตาตะลึงงันมองไปที่มายมิ้นท์
แม้แต่เขายังไม่รู้เลยว่าตระกูลเสนาประกรจะเกิดเรื่อง คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะรู้ล่วงหน้า
นี่มันแปลกเกินไปหรือเปล่า
มายมิ้นท์ได้ยินรายละเอียดในโทรศัพท์ของทามทอย ก็เข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงมองตนเองอย่างนี้ เธออมยิ้ม “นายอยากรู้ล่ะสิ ว่าฉันรู้เรื่องที่ตระกูลเสนาประกรจะเกิดเรื่องได้ยังไง?”
“อือๆ” ทามทอยพยักหน้า “บอกฉันหน่อย”
“ไม่บอก!” มายมิ้นท์ยิ้มตาหยีตอบเขากลับไปสองคำ
ทามทอยสะอึกเล็กน้อย แล้วก็เขยิบหน้าหนาๆเข้ามาใกล้ๆ ยิ้มพูดขึ้น: “อย่าทำอย่างนี้เลยหน่า ถึงยังไงเมื่อกี้ตอนที่เธอกับพวกส้มเปรี้ยวเผชิญหน้ากัน ฉันก็ช่วยเธอไปแล้วนะ”
“จะว่าไปก็จริง”
“งั้นเธอบอกฉันสิ สรุปว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
มายมิ้นท์เห็นเขาอยากรู้จริงๆ จึงไม่แหย่เขาแล้ว เล่าเรื่องให้ฟังคร่าวๆ “ส้มเปรี้ยวโดนคนลักพาตัวใช่ไหมล่ะ? คนที่ลักพาตัวเธอ เหมือนจะเป็นคนที่มาจีบฉัน แล้วส้มเปรี้ยวก็คิดว่า เป็นฉันที่ให้คนที่มาจีบคนนั้นไปลักพาตัวเธอเพื่อแก้แค้นให้ตนเอง”
“ก็คือแค้นนี้” เธอชี้ไปที่ผ้าปิดแผลบนหัว “ส่วนเกศวดีเพื่อเรียกเกียรติคืนมาให้ส้มเปรี้ยว จึงใช้สถานะของตนเองที่เป็นลูกสาวของตระกูลเสนาประกร ทำให้ธนาคารหลายแห่งในเมืองเดอะซีปฏิเสธการยื่นเอกสารขอกู้เงินของฉัน”
“เดี๋ยวนะ เธอบอกว่าเกศวดีใช้สถานะของตนเอง……” ทามทอยเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ
มายมิ้นท์พยักหน้า “ใช่”
สักพักทามทอยถึงจะใจเย็นลงได้ แล้วหัวเราะเยาะออกมา “อย่างนี้นี่เอง แทรกแซงการดำเนินงานของรัฐ นี่เป็นการกระทำต้องห้ามในวงการราชการเลยนะ พ่อของเธอก็ไม่กล้าทำอย่างนี้ ไม่นึกว่าเธอจะกล้า หักหลังพ่อขนาดนี้ พ่อเธอคงร้องไห้แล้วมั้ง”
ทามทอยมองเธอ “เธอก็เลยรายงานไปงั้นเหรอ?”
มายมิ้นท์ส่ายหน้า “ไม่ใช่ เป็นพนักงานที่มีเส้นสายมากมายคนหนึ่งของฉัน”
“พนักงานที่มีเส้นสาย?” ในแววตาของทามทอยแสดงความประหลาดใจออกมาชั่วครู่ “งั้นโชคชะตาของเธอก็ดีมากจริงๆ”
มายมิ้นท์ยิ้มๆไม่ได้ปฏิเสธ “แน่สิ ฉันโชคดีจริงๆ”
ตั้งแต่รับช่วงต่อเทนเดอร์กรุ๊ปมา ถึงเธอจะเจอกับปัญหามากมาย แต่ทุกครั้งเป็นเพราะคนรอบข้างจึงเปลี่ยนจากเรื่องร้ายให้กลายเป็นดีเสมอ
ลาเต้ ชาหวาน ทามทอย แล้วก็……Z-H คนเหล่านี้เป็นบุคคลล้ำค่าของเธอ ได้เจอพวกเขา เธอโชคดีมากจริงๆ
“นี่ตระกูลเสนาประกรเกิดเรื่อง เกศวดีต้องแค้นใจส้มเปรี้ยวแน่ๆ ต่อไปส้มเปรี้ยวคงใช้ชีวิตได้ไม่สงบสุขหรอก เกศวดีน่ะเป็นผู้หญิงบ้าๆอยู่แล้ว” ทามทอยยิ้มพูดขึ้น ไม่ปกปิดใบหน้าที่มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นเลยสักนิด
มายมิ้นท์ยิ้มแหยๆ ไม่ได้พูดอะไร
ส้มเปรี้ยวจะใช้ชีวิตอย่างไม่สงบสุขเหรอ?
เธอไม่คิดอย่างนั้น มีเปปเปอร์คอยคุ้มกัน ส้มเปรี้ยวจะไม่สงบสุขได้ยังไงล่ะ
เวลานี้ หมอก็พันข้อเท้าให้มายมิ้นท์เรียบร้อยแล้ว แล้วยังให้ไม้เท้าสองอันแก่เธอด้วย
มายมิ้นท์ไม่ให้ทามทอยประคองเธอแล้ว ตนเองใช้ไม้เท้าค้ำเอาไว้แล้วค่อยๆเดินออกไปนอกโรงพยาบาล
ตอนที่เดินไปถึงที่จอดรถ มายมิ้นท์ก็เจอคนรู้จัก คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์กำลังคุยอยู่กับคนขับรถ
ราวกับรู้สึกได้ว่ามีคนกำลังมองตนเอง คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์จึงหยุดพูด แล้วถือกระติกเก็บความร้อนหันตัวมา เมื่อเห็นมายมิ้นท์ รอยยิ้มที่งดงามบนใบหน้า ก็เย็นชาขึ้นมาทันที ในแววตายิ่งเต็มไปด้วยความสะอิดสะเอียน
สายตาอย่างนี้ มายมิ้นท์เห็นมาเยอะแล้ว จึงไม่โกรธเลย กระทุ้งไม้เท้าเดินไปที่หน้ารถของตนเองอย่างเมินเฉย
แต่ทว่าตอนที่เดินผ่านคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ มายมิ้นท์ก็ชำเลืองมองสร้อยที่สวมอยู่บนคอของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์
สร้อยเส้นนั้นสีเก่าแก่ ดีไซน์โบราณ น่าจะเป็นสร้อยรุ่นเก่าเมื่อหลายปีก่อนแล้ว
คุณนายของตระกูลภักดีพิศุทธิ์ที่สง่างามน่าเกรงขาม ไม่นึกว่าจะสวมสร้อยในช่วงเวลานี้ น่าประหลาดใจจริงๆ
แต่ที่ทำให้มายมิ้นท์ประหลาดใจที่สุดยังคงเป็นความรู้สึกคุ้นเคยที่สร้อยเส้นนั้นมอบให้เธอ ราวกับเคยเจอที่ไหนมาก่อน แต่เธอก็นึกไม่ออก
มายมิ้นท์จึงไม่คิดอะไรมาก เปิดประตูรถแล้วขึ้นไป
กลับเป็นทามทอยที่ทักทายคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์อยู่ที่ด้านหลัง
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ยิ้มตอบเขา แล้วถามขึ้น: “คุณทามทอยสนิทกับคนๆนั้นเหรอคะ?”
ทามทอยรู้ว่าเธอถามถึงใคร จึงมองไปที่รถของมายมิ้นท์ “ก็พอประมาณครับ คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ถามอย่างนี้ เหมือนมีอะไรอยากบอกผมเลยนะครับ”
“ขออภัยที่ต้องพูดตรงๆนะคะ คุณทามทอยออกห่างจากคนๆนั้นหน่อยเถอะค่ะ คนจิตใจโหดเหี้ยมอย่างนั้น มีแต่จะพาโชคร้ายมาให้คนรอบข้าง” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์พูดด้วยน้ำเสียงสะอิดสะเอียนอย่างไม่ปกปิด
ทามทอยอมยิ้มมุมปาก “จิตใจโหดเหี้ยมงั้นเหรอครับ? ผมกลับมองไม่ออกเลย ทำไมคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ถึงคิดว่าเธอจิตใจโหดเหี้ยมล่ะครับ?”
“เรื่องของส้มเปรี้ยวก็วางเอาไว้ให้เห็น ยังอธิบายอะไรไม่ได้อีกเหรอคะ?” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ขมวดคิ้ว
ทามทอยแบมือออก “แต่เท่าที่ผมรู้ เรื่องนี้มายมิ้นท์ไม่ได้เป็นคนทำนะครับ ต่อให้ทำ ก็เป็นส้มเปรี้ยวที่ทำร้ายเธอก่อน เธอแค่ตอบโต้กลับเท่านั้นเอง ถ้าจะบอกว่าโหดเหี้ยม ก็น่าจะเป็นส้มเปรี้ยวนะครับ”
“คุณ……” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์โมโหจนสีหน้าเคร่งขรึม แล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชา “ฉันเห็นแก่ที่คุณทามทอยเป็นเพื่อนของเปปเปอร์ ถึงได้แนะนำคุณเช่นนี้ ในเมื่อคุณไม่เชื่อก็ช่างเถอะ แค่หวังว่าคุณทามทอยจะไม่เสียใจภายหลัง”
ทามทอยยิ้มตาหยีตอบกลับ: “ผมจะเสียใจภายหลังหรือเปล่ามันไม่สำคัญหรอกครับ ที่สำคัญก็คือ ผมรู้ว่าเปปเปอร์ต้องเสียใจภายหลังแน่ๆ”
จู่ๆเขาก็ก้มตัว ขยับเข้าไปใกล้ๆข้างหูของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์เล็กน้อย พูดเบาๆ: “เปปเปอร์ตาบอดที่มองไม่เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของลูกสาวคุณ แต่ผมเห็นอย่างกระจ่างแจ้ง แล้วก็เป็นไปไม่ได้ที่เปปเปอร์จะตาบอดไปตลอดชีวิต ต้องมีสักวันที่เขารู้ถึงโฉมหน้าที่แท้จริงของลูกสาวคุณ ถึงตอนนั้นลูกสาวคุณควรทำยังไงล่ะครับ?”
“……”คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์มองเขาด้วยสายตาตื่นตระหนกตกใจ
รอยยิ้มบนใบหน้าของเขา จากที่คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์เห็น มันเทียบกับปีศาจได้เลย
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ขยับๆริมฝีปาก เหมือนอยากพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่พูด ถือที่จับกระติกเก็บความร้อนในมือเอาไว้แน่น เดินออกไปด้วยหน้าซีดๆเล็กน้อย
เห็นร่างของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์หนีเตลิดไปแล้ว ทามทอยก็ลูบๆคางของตนเอง ยิ้มกว้างขึ้น แต่ในแววตากลับเย็นชา
พูดตามเหตุผลแล้ว คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ท่านนี้ก็จะเป็นแม่ยายในอนาคตของเปปเปอร์ เขาเห็นแก่หน้าของเปปเปอร์ จึงพอมีมารยาทอยู่บ้าง
แต่ใครให้ตระกูลภักดีพิศุทธิ์ไม่ซื่อสัตย์ล่ะ ตัวทำธุรกิจอยู่ที่เมืองเดอะซี แต่กลับข้ามหัวตระกูลชุติเกษมไปหาตระกูลเสนาประกรให้ช่วยเหลือที่เมืองน้ำรุ้ง นี่เท่ากับไม่เห็นตระกูลชุติเกษมอยู่ในสายตาเลย งั้นก็อย่ามาตำหนิที่เขาไม่ไว้หน้าตระกูลภักดีพิศุทธิ์แล้วกัน
“เมื่อกี้นายคุยอะไรกับเธอ ทำไมเธอถึงตกใจจนกลายเป็นอย่างนั้น?” มายมิ้นท์เห็นทามทอยกลับมาบนรถแล้ว จึงถามด้วยความสงสัย