รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 96 ตอนนี้ไม่รักแล้ว
ในงานแถลงข่าว มายมิ้นท์ไม่ปล่อยขนมผิงไปง่ายๆ เธอพูดต่อไปว่า “ส่วนเรื่องที่คุณขนมผิงกล่าวถึงในโลกอินเทอร์เน็ตว่า หลังจากที่ฉันหย่ากับอดีตสามีแล้วยังเข้าไปพัวพันอยู่ อีกทั้งเรื่องที่เมื่อหกปีก่อน ฉันเข้าไปแทรกแซงระหว่างประธานเปปเปอร์และคุณส้มเปรี้ยว หยิบยกบุญคุณมาเพื่อบีบบังคับให้ประธานเปปเปอร์แต่งงานด้วย ฉันจะขออธิบายไว้ ณ ที่นี้ว่า นอกจากประโยชน์สุดท้ายแล้ว อย่างอื่นไม่เป็นความจริง”
เมื่อคำพูดนี้ถูกพูดออกไป ทุกคนที่นั่งอยู่ในนั้นก็พากันตกตะลึง
นักข่าวคนหนึ่งลุกขึ้นยืนและถามว่า “ถ้าอย่างนั้น คุณมายมิ้นท์บีบบังคับให้ประธานเปปเปอร์แต่งงานกับคุณจริงน่ะสิคะ?”
“ค่ะ” มายมิ้นท์มองไปทางนักข่าวคนนั้นแล้วพยักหน้าตอบรับ
ลาเต้ที่อยู่ด้านข้าง ตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก “ที่รักคุณพูดเรื่องอะไรอยู่?”
เรื่องไร้สาระแบบนี้พูดออกมาสุ่มสี่สุ่มห้าได้ยังไง!
แม้แต่เปปเปอร์แห่งบริษัทตระกูลนวบดินทร์เองก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเข้าหากัน
ทามทอยพูดออกมาอย่างงุนงงว่า “แม้มันจะเป็นความจริง แต่การที่เธอกล้ายอมรับแบบนี้ ไม่กลัวว่าจะถูกติฉินนินทาหรือส่งผลเสียต่อเทนเดอร์กรุ๊ปเลยหรือไง? เปปเปอร์ นายว่าเธอคิดอะไรกันอยู่แน่?”
เขาเงยหน้ามองดูเปปเปอร์
เปปเปอร์เม้มริมฝีปากอันเรียวบางและไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
อีกด้านหนึ่ง ณ ตระกูลภักดีพิศุทธิ์
ส้มเปรี้ยวก็กำลังให้ความสนใจกับถ่ายทอดสดครั้งนี้เช่นกัน เมื่อเห็นว่ามายมิ้นท์พูดออกมาตรงๆว่าเคยบังคับข่มขู่ให้เปปเปอร์แต่งงานด้วยในตอนนั้น ริมฝีปากของเธอก็เยอะขึ้นอย่างช้าๆ แล้วรู้สึกว่ามายมิ้นท์รนหาที่ตายเสียจริง
ในที่แถลงข่าว มายมิ้นท์มองไปยังนักข่าวที่อยู่ด้านล่างซึ่งมีท่าทางตื่นเต้น แต่ใบหน้าของเธอนั้นก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
เธอรู้ดีว่าคำพูดของตัวเองเมื่อสักครู่จะส่งผลตามมาอย่างไร แต่เธอก็ไม่เสียใจเลยที่ทำมันลงไป
นักข่าวคนหนึ่งถามขึ้นว่า “คุณมายมิ้นท์คะไม่ทราบว่าทำไมคุณถึงทำแบบนั้น?”
“ทำไมน่ะเหรอคะ?” มายมิ้นท์ก้มหน้า เธอหลับตาลงแล้วตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เพราะว่าฉันรักเขา”
รูม่านตาของเปปเปอร์หดลง ร่างของเขาทรุดไปที่เก้าอี้อย่างไม่รู้ตัว
เขารู้ดีว่าคนที่เธอรักเป็นเขา และหกปีมานี้ในแววตาของเธอมีเพียงแต่เขา ซึ่งเขาก็รู้ดีแก่ใจ
แต่คาดไม่ถึงว่า จนถึงบัดนี้เธอยังจะประกาศความรู้สึกในใจที่มีต่อเขาอยู่
เปปเปอร์ถูนิ้วมือของตนเบาๆ มีความรู้สึกอบอุ่นหัวใจลอยมา
แต่ความสุขนี้ดำเนินไปได้ไม่นาน ก็ถูกประโยคหนึ่งของมายมิ้นท์พูดขัดจังหวะขึ้น พัดพาความฝันนั้นให้สลายจางหายไป
มายมิ้นท์มองไปยังกล้องที่ถ่ายทอดสดแล้วพูดขึ้นอย่างช้าๆว่า “นั่นเป็นเรื่องของเมื่อก่อน แต่ตัวฉันในตอนนี้ ไม่ได้รักเขาแล้ว”
สีหน้าของเปปเปอร์เปลี่ยนไปเล็กน้อย ในใจของเขารู้สึกปั่นป่วนยิ่งนักดูเหมือนว่าสูญเสียอะไรไป
ทามทอยผิวปากออกมา “เปปเปอร์ นายว่าที่เธอพูดจริงหรือเปล่า?”
“จะจริงหรือปลอมก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผม” เปปเปอร์กำหมัดสองข้างแน่นแล้วตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
ทามทอยฟังออกว่าปากเขาไม่ตรงกับใจ จึงเผยอริมฝีปากขึ้นอย่างพูดสนุกสนาน “อย่างงั้นเหรอ แต่ดูจากท่าทางนายแล้ว เหมือนว่าจะไม่ได้เป็นอย่างที่พูดนะ”
“ตาฝาดไปเองหรือเปล่า!” เปปเปอร์เหลือบมองทามทอยด้วยสายตาเย็นชา
ทามทอยยักไหล่ “เฮ้อ ไม่พูดก็ได้”
เขาก้มหน้าลงแล้วดูถ่ายทอดสดต่อไป
นักข่าวคนนั้นถามขึ้นอีกครั้งว่า “คุณมายมิ้นท์คะ การที่คุณหยิบอ้างบุญคุณที่เคยช่วยคุณส้มเปรี้ยวเอาไว้มาบีบบังคับให้ประธานเปปเปอร์แต่งงานกับคุณ คุณไม่รู้สึกว่าพฤติกรรมนี้มันเกินไปหน่อยเหรอคะ อีกทั้งในตอนนั้นประธานเปปเปอร์ก็ได้คบหากับคุณส้มเปรี้ยวอยู่ คุณ……”
“เมื่อสักครู่ฉันพูดแล้วไม่ใช่เหรอคะ ว่าฉันไม่ได้เข้าไปแทรกกลางระหว่างความรักของพวกเขา นี่ไม่ใช่เรื่องจริง” มายมิ้นท์รู้ว่านักข่าวคนนั้นจะพูดอะไรออกมา จึงได้หยิบไมโครโฟนพูดขึ้นขัดจังหวะ
“เพราะว่าในตอนนั้นฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาคบกันอยู่ ตอนเรียนมหาวิทยาลัย ฉันก็เคยถามส้มเปรี้ยวว่าความสัมพันธ์ของหล่อนและประธานเปปเปอร์เป็นอะไรกัน แต่คุณส้มเปรี้ยวให้คำตอบฉันว่า เธอมองประธานเปปเปอร์เป็นแค่พี่ชายเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ฉันจึงรวบรวมความกล้าหาญ ตามจีบประธานเปปเปอร์จนกระทั่งบีบบังคับให้เขาแต่งงานกับฉัน……”
มายมิ้นท์สุดลมหายใจเข้าแล้วพูดขึ้นว่า “ฉันยอมรับว่าในส่วนนี้ฉันทำไม่ถูก ตอนนั้นที่คุณส้มเปรี้ยวประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ฉันเป็นคนช่วยเธอและประธานเปปเปอร์ถามฉันว่าต้องการอะไร ฉันจึงบอกว่าต้องการให้เขาแต่งงานกับฉัน ซึ่งเขาก็ตกลง ดังนั้นพวกเราจึงได้แต่งงานกัน ถ้าหาก……”
“ถ้าหากอะไรคะ?” นักข่าวเอ่ยถาม
มายมิ้นท์พูดด้วยน้ำเสียงอันดังว่า “ถ้าในตอนนั้นฉันรู้ว่าพวกเขาคบกันอยู่ ฉันก็คงจะไม่เสนอข้อคิดเห็นแบบนั้นออกไป ในฐานะคุณหนูที่เกิดในตระกูลมั่งคั่งอย่างฉัน คงไม่ลดตัวลงไปแทรกแซงความรู้สึกของคนอื่นแบบนั้น เพราะศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจของฉันจะไม่ยอมให้ถามฉันทำเรื่องแบบนั้นออกมาแน่”
“ในตอนนั้น เธอไม่รู้เรื่องของนายกับส้มเปรี้ยวเหรอ?” ทามทอยหันไปถามเปปเปอร์ด้วยความประหลาดใจ
ดวงตาของเปปเปอร์สั่นไหว เห็นได้ชัดว่าคำพูดของมายมิ้นท์เมื่อสักครู่มีอิทธิพลต่อเขาอย่างมาก
เขารู้ว่าส้มเปรี้ยวและเธอเป็นรูมเมทกันตอนเรียนมหาวิทยาลัย ดังนั้นเขาจึงคิดมาตลอดว่าเธอรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับส้มเปรี้ยว แต่ยังใช้โอกาสช่วงที่ส้มเปรี้ยวไม่ได้สติ บีบบังคับให้เขาแต่งงานกับเธอ ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้เขารู้สึกรังเกียจเธอเหลือเกิน
แต่เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เธอไม่เคยรู้ว่าเขาเป็นแฟนกับส้มเปรี้ยวในตอนนั้น
เมื่อคิดได้ดังนี้ ริมฝีปากอันเรียวบางของเปปเปอร์ก็ดูเยือกเย็นลงเล็กน้อย
ทำไมส้มเปรี้ยวจึงไม่ยอมรับว่าเขาเป็นแฟนเธอ?
ทำไมถึงบอกว่าเป็นพี่ชาย?
ขณะเดียวกัน ณ บาสเกตบอลทีมชาติ
ปีโป้รีบใช้ช่วงเวลาหลังจากฝึกฝนเสร็จเปิดดูถ่ายทอดสด บังเอิญเหลือเกินที่ได้ยินคำพูดของเธอเมื่อครู่ ใบหน้าอันอ่อนเยาว์ของเขาปรากฏความประหลาดใจขึ้นมา
“อะไรนะ? พี่มายมิ้นท์ตอนนั้นไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างพี่ใหญ่กับส้มเปรี้ยวเหรอ?” ปีโป้พูดออกมาอย่างเหลือเชื่อ “ถ้าอย่างนั้นฉันก็เข้าใจพี่มายมิ้นท์ผิดไปน่ะสิ!”
เขากำโทรศัพท์มือถือเอาไว้แน่น สายตาจับจ้องไปที่มายมิ้นท์ซึ่งอยู่ในถ่ายทอดสดนั้นด้วยความรู้สึกผิด
เขาไม่ชอบเธอก็เป็นเพราะเธอเข้ามาแทรกกลางระหว่างพี่ชายและพี่ส้มเปรี้ยว
แต่ที่จริงแล้วทั้งหมดนี้เป็นเพียงความเข้าใจผิด
“อีกอย่าง” มายมิ้นท์ขมวดคิ้วแล้วพูดต่อ “การที่ฉันเสนอให้ประธานเปปเปอร์แต่งงานกับฉัน ก็เพียงแค่ต้องการจะลองดู ไม่ได้หวังว่าเขาจะแต่งงานกับฉันจริงๆ เนื่องจากตัวฉันในตอนนั้นสำหรับประธานเปปเปอร์แล้วก็เหมือนๆกับแค่คนแปลกหน้า ฉันขอถามหน่อยว่าใครจะตอบรับข้อเสนอขอแต่งงานจากคนแปลกหน้าคะ?”
“นั่นสิ” นักข่าวที่อยู่ในห้องถ่ายทอดสดและผู้คนอื่นๆต่างพากันพยักหน้าโดยสัญชาตญาณ
หากว่ามีคนแปลกหน้ามาขอพวกเขาแต่งงานก็คงไม่มีใครตอบรับหรอก
อีกทั้งยังคงรู้สึกว่าคนคนนั้นเป็นบ้าแน่
“แต่ว่าประธานเปปเปอร์ตอบตกลงไม่ใช่เหรอคะ?” นักข่าวคนนั้นพูดขึ้น
มายมิ้นท์เม้มริมฝีปากแดงเข้มของเธอ “ค่ะ เขาตอบตกลงฉัน ดังนั้นในตอนนั้นฉันจึงรู้สึกมีความสุขมาก ฉันรู้ดีว่าเขาไม่ได้รักฉัน แต่ฉันก็แต่งงานกับเขาอย่างมีความสุข เพราะฉันคิดว่าสักวันฉันจะสามารถทำให้เขาตกหลุมรักฉันได้ แต่ฉันคิดผิดไป ฉันเสียเวลาไปถึงหกปีแต่ก็ไม่เคยได้หัวใจอันอบอุ่นจากเขาเลย”
“มันก็ควรเป็นแบบนั้นไม่ใช่เหรอคะ เพราะคนที่ประธานเปปเปอร์รักมาโดยตลอดคือคุณส้มเปรี้ยว” นักข่าวตอบ
มายมิ้นท์พยักหน้า “ใช่ค่ะ เขารักคุณส้มเปรี้ยว แต่ในตอนนั้นฉันไม่รู้เรื่องนี้ ตลอดหกปีที่ผ่านมาชีวิตของฉันมีแต่ความยากลำบาก ที่จริงฉันก็สงสัยว่าในเมื่อเขาไม่ได้ชอบฉันเลย แล้วทำไมตอนนั้นถึงไม่ปฏิเสธฉัน ซื้อฉันก็ไม่ได้บีบบังคับเขาสักหน่อย”
เธอไม่ใช่คนที่จะหน้าด้านหน้าทนแบบนั้น
แน่นอนว่าถ้าในตอนนั้นประธานเปปเปอร์ปฏิเสธเธอ เธอก็คงไม่แต่งงานกับเขาหรอก
เมื่อได้ยินดังนั้นทุกคนก็พากันตกตะลึง
“นั่นนะสิ ในเมื่อประธานเปปเปอร์ไม่ได้รักคุณมายมิ้นท์ เขาก็สามารถปฏิเสธคำขอแต่งงานของคุณไปได้นี่นา”
“คุณมายมิ้นท์ไม่ได้บีบบังคับเขา แล้วทำไมเขาถึงไม่ปฏิเสธล่ะ?”
ทามทอยเองก็รู้สึกสงสัยเรื่องนี้เช่นกัน เขามองไปยังเปปเปอร์แล้วถามว่า “นั่นนะสิ ทำไมตอนนั้นนายถึงไม่ปฏิเสธล่ะ?”
เปปเปอร์ก้มหน้าลง เพื่อปิดบังอารมณ์จากดวงตาของเขา
ที่จริงแล้วในตอนนั้นเขาเองก็อยากจะปฏิเสธ
แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เมื่อเห็นความคาดหวังในดวงตาของมายมิ้นท์ คำว่าตกลงก็ได้พูดออกมาจากปากเขาอย่างง่ายดาย เมื่อตอนที่เขาได้สติกลับคืนมามันก็สายไปเสียแล้ว
“อีกอย่าง ทุกคนให้ความสนใจกับชีวิตแต่งงานของฉันใช่ไหมล่ะคะ?” มายมิ้นท์เหลือบมองไปยังทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้น
พวกเขาพากันพยักหน้า
มายมิ้นท์ยิ้มขึ้นอย่างเยาะเย้ย “ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ฉันจะบอกให้กับทุกคนทราบนะคะ ว่าชีวิตการแต่งงานของฉันมีความสุขมาก สามีของฉันเย็นชาใส่ถึงขั้นรุนแรง แม่สามีคอยหาเรื่องฉัน น้องสามีก็คอยแต่จะจับผิด เป็นยังไงล่ะคะมีความสุขมากใช่ไหมล่ะ?”
“……” ริมฝีปากของทุกคนเผยอขึ้นเล็กน้อย
มีความสุขเหรอ?
นี่มันนรกชัดๆ!
ภายในห้องถ่ายทอดสด มีคนเอ่ยถามขึ้นว่า “ที่จริงแล้วคุณมายมิ้นท์ถูกปฏิบัติด้วยความเย็นชาและรุนแรงแบบนี้เหรอคะ มองดูแล้วประธานเปปเปอร์เหมือนจะไม่ใช่คนดีอะไร เขาแต่งงานกับคุณมายมิ้นท์แต่กลับทำกับคุณแบบนี้ มันเลวเกินไปหน่อยหรือเปล่า!”