ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) - บทที่ 65 คัมภีร์ทาส
บทที่ 65 คัมภีร์ทาส
ซูเฉินและกังเหยียนใช้เวลาที่เหลือหมดไปกับการค้นถ้ำเพื่อหาก้อนมูลทุกก้อนของเจ้าแมลงกินเหล็กและซัดพลังใส่มันจนแตก มูลทุกสองสามก้อนมักจะเจอแก่นแร่เสมอ
ครึ่งวันผ่านไป ก้อนมูลทั้งหมดก็ถูกจัดการจนสิ้น เมื่อมั่นใจว่าไม่มีก้อนมูลที่ยังไม่ได้เปิดดูแล้ว ทั้งสองก็หยุดมือ ในตอนนั้นแก่นแร่ดาราเงินที่ซูเฉินครอบครองมีขนาดราวกับหัวกระสุนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงขนาดเท่าหัวเด็กทารกคนหนึ่ง
เมื่อเห็นว่าตนได้ครอบครองแก่นแร่ดาราขาวมากมายเช่นนี้ซูเฉินก็รู้สึกเบิกบานใจยิ่งนัก
ในตัวเมืองนั้น แก่นแร่ดาราเงินขนาดเท่าผลวอลนัทมีมูลค่าพอ ๆ กับหินต้นกำเนิดระดับต่ำห้าพันก้อน ชิ้นที่ซูเฉินถืออยู่ในมือมีขนาดราวผลวอลนัทสามถึงสี่ผล หมายความว่าเจ้าแก่นแร่ชิ้นนี้อาจมีมูลค่าได้มากถึงหินพลังต้นกำเนิดสองหมื่นก้อนเลยทีเดียว
“ไม่คิดเลยว่าแท้จริงแล้วเจ้าจะเป็นเครื่องมือผลิตเงินชั้นยอด” ซูเฉินพึมพำกับตนเองในขณะที่มองไปยังเจ้าแมลงกินเหล็กที่กำลังหลับสบายอยู่
การสกัดเอาแก่นแร่ดาราเงินนั้นนับเป็นขั้นตอนที่ซับซ้อนมาก ใช้ปริมาณแร่ถึงสี่สิบก้อนต่อแก่นแร่หนึ่งชิ้น ดังนั้นมูลค่าของแก่นแร่นี้จึงสูงมาก
ซูเฉินไม่แน่ใจว่าเจ้าแมลงกินเหล็กกลืนแร่ลงไปกี่ก้อน แต่ก็รู้ว่ามันคงต้องกินเข้าไปมากถึงจะสามารถถ่ายออกมาเป็นแก่นแร่ได้
ความกระหายแร่ของเจ้าแมลงกินเหล็กนั้นมีมาก ในวันหนึ่งสามารถกินแร่ได้ถึง 100 จิน โดยที่ห้าในร้อยส่วนนั้นเป็นแร่ดาราเงิน ดังนั้นจึงประมาณได้ว่าวันหนึ่งมันกินแร่ดาราเงินไปราวหนึ่งกิโลครึ่ง ในบันทึกของอูเอ่อร์หลี่กล่าวไว้ว่ามันได้มาพำนักอยู่ที่ถ้ำแห่งนี้ได้ราว 270 วันแล้ว หมายความว่าเจ้าด้วงกินแร่ดาราเงินเข้าไปแล้วเกือบสี่ร้อยจิน แก่นแร่ดาราเงินที่ซูเฉินเก็บมาได้ ถึงจะมีขนาดเพียงหัวเด็กทารกคนหนึ่ง แต่ก็มีน้ำหนักรวมราวยี่สิบจิน ดังนั้นอัตราการเปลี่ยนแร่เป็นแก่นแร่ของเจ้าด้วงจะอยู่ที่ประมาณยี่สิบต่อหนึ่ง ซึ่งดีกว่าสี่สิบต่อหนึ่งมาก
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงจำนวนที่เขาคาดเดา ไม่อาจมั่นใจได้ เป็นไปได้ว่าพวกแมลงกินเหล็กเหล่านี้ก็กินแร่ดาราเงินเป็นอาหารขนาดมากแบบนี้มาตั้งแต่ต้นแล้ว
สาเหตุที่ซูเฉินค้นพบแก่นแร่ดาราเงินได้นั้นเป็นเพราะซูเฉินให้เจ้าด้วงยักษ์แร่ดาราเงินบริสุทธิ์ไปสี่ชิ้น ไม่ใช่ให้กินเพียงแร่ดาราเงินธรรมดา ๆ แร่ดาราเงินบริสุทธิ์สี่ชิ้นนับว่ามากเกินความต้องการปกติของแมลงกินเหล็กแล้ว ดังนั้นมันจึงถ่ายออกมาเป็นแก่นแร่ขนาดใหญ่จนเตะตาซูเฉินเข้า ไม่เช่นนั้นซูเฉินก็คงเหมือนอูเอ่อร์หลี่ที่มองข้ามสมบัติล้ำค่าที่ถูกซ่อนไว้ชิ้นนี้ไป
ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าหากเขาให้แร่ดาราเงินบริสุทธิ์มันกิน ก็จะยิ่งได้แก่นแร่ดาราเงินมาอีกใช่หรือไม่? เช่นนี้เขายิ่งต้องคิดคำนวณให้ถี่ถ้วนแล้ว
ซูเฉินครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่
ในวันต่อ ๆ มา คุณภาพชีวิตของเจ้าแมลงกินเหล็กก็ดีขึ้นอย่างน่าตกใจ
ซูเฉินมอบหมายให้กงเหยียนเป็นผู้ให้แร่ดาราเงินบริสุทธิ์ให้กับมัน ก่อนจะให้ต้องชั่งน้ำหนักก้อนแร่ให้ถี่ถ้วนก่อนทุกครั้ง
เจ้าด้วงยักษ์ดีใจยิ่งนักที่มันได้กินอาหารมากขึ้น ความสัมพันธ์ของมันกับกังเหยียนดีขึ้นจนมันมองกงเหยียนด้วยสายตาแสดงยกย่อง
ทว่าซูเฉินรอมาสามวันเต็มให้เจ้าแมลงกินเหล็กถ่ายมูลออกมาแต่ไร้ผล จำนวนแร่ที่มันกินในแต่ละวันยังลดลงอีกด้วย
ซูเฉินประหลาดใจ
ในวันที่สี่ เจ้าแมลงกินเหล็กดูหงอยเหงาไร้พลังอย่างเห็นได้ชัด กระทั่งกังเหยียนส่งแร่ให้กินมันยังไม่ยอมกิน มันเพียงเดินเข้ามาดมเล็กน้อยก่อนเดินจากไป
ซูเฉินเริ่มไม่สบายใจ คิดว่าตนลงมืออันใดผิดพลาด
ในคืนนั้น เจ้าแมลงกินเหล็กก็ไปนั่งอยู่ตรงมุมถ้ำแล้วเริ่มออกแรงเบ่ง มันเปล่งเสียงร้องครวญครางออกมา เอาตัวถูผนังหินไม่หยุดจนเศษหินร่วงลงมา ถึงกระนั้นก็ถ่ายไม่ออก
เมื่อเห็นภาพนั้นซูเฉินจึงเข้าใจ
“แย่แล้ว มันท้องผูก”
กังเหยียน “……”
คืนนั้น เจ้าแมลงกินเหล็กพยายามถ่ายอยู่ครึ่งคืน ในที่สุดก็สามารถถ่ายเอามูลก้อนสีเงินส่องสว่างออกมาได้
เมื่อนำเจ้าก้อนนั่นมาชั่งน้ำหนัก สวรรค์โปรด มันมีน้ำหนักมากถึงสี่จิน กังเหยียนให้มันกินแร่ดาราเงินที่ถูกเก็บอยู่ในแหวนไปครึ่งหนึ่ง
ไม่น่าแปลกใจที่มันถ่ายออกมายากเย็นนัก
การทดลองในครั้งนี้ทำให้ซูเฉินเรียนรู้สองอย่างด้วยกัน หนึ่งคืออัตราการเปลี่ยนแร่เป็นแก่นแร่ของเจ้าแมลงกินเหล็กอยู่ที่ประมาณยี่สิบสองต่อหนึ่ง ต่างจากการคำนวณครั้งที่แล้วเล็กน้อย สองคือให้มากเกินไปหรือน้อยเกินไปได้ผลแย่พอกัน
กระทั่งมีดสั้นริ้วดำและมีดหมาป่ากลืนจันทร์ยังไม่อาจทำอันใดเจ้าแมลงกินเหล็กได้ แต่เจ้าแมลงกลับเกือบตายเพราะอาการท้องผูก คงได้แต่กล่าวว่าโลกนี้ช่างน่าพิศวงแท้
จากวันนั้นไป ซูเฉินก็ให้มันกินตามปกติ ผสมแร่ดาราเงินบริสุทธิ์เข้าไปเพียงเล็กน้อย ไม่นานเรี่ยวแรงของเจ้าด้วงก็ฟื้นคืน กลับมาเป็นปกติดังเดิม
ยามที่ไม่มีอะไรทำ ซูเฉินก็จะนั่งสงสัยว่าหากเจ้าแมลงกินเหล็กสามารถถ่ายแก่นแร่ดาราเงินออกมาได้เมื่อกินแร่ดาราเงิน หากมันกินแร่ชนิดอื่นเข้าไป มันจะสามารถถ่ายออกมาเป็นแก่นแร่ชนิดอื่นได้หรือไม่?
ต่อไปคงต้องหาโอกาสทดลองสมมติฐานนี้เสียแล้ว
ภารกิจในตอนนี้ย่อมสำคัญกว่า นั่นคือการนำเจ้าตัวผลิตเงินตัวนี้กลับไปกับเขาด้วย
โชคยังดีที่อูเอ่อร์หลี่ทิ้งวิธีการควบคุมเจ้าแมลงกินเหล็กไว้ นั่นก็คือคัมภีร์ทาส หลังจากใช้คัมภีร์ทาสกับเป้าหมายแล้ว เป้าหมายจะมองผู้ใช้เป็นเจ้านาย สามารถเข้าใจคำสั่งและทำตามคำสั่งจำนวนหนึ่งได้
คัมภีร์ทาสเรียนรู้ไม่ยาก ซูเฉินศึกษาจนชำนาญเรียบร้อยแล้ว
วันที่สิบเอ็ดหลังจากเข้าถ้ำ แร่ดาราเงินทั้งหมดในถ้ำก็ถูกขุดออกมาจนหมด
ซูเฉินเองก็ศึกษาการค้นคว้าทดลองของอูเอ่อร์หลี่จนเข้าใจเป็นส่วนมากแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลให้ต้องรั้งรออยู่ที่นี่อีก
ก่อนจะออกเดินทาง ซูเฉินดึงคัมภีร์ต้นกำเนิดสีขาวม้วนหนึ่งออกมา คัมภีร์ม้วนนี้ทำจากหนังของอสูรร้าย บนคัมภีร์บันทึกยันต์ของคัมภีร์ทาสไว้ ซูเฉินชูม้วนคัมภีร์ไปตรงหน้าเจ้าแมลงกินเหล็กและเริ่มร่ายวิชา นี่คือหนึ่งในวิชาโบราณอาร์คาน่า
ผู้คนส่วนมากในปัจจุบันมักใช้วิธีที่สะดวกและง่ายดายกว่าอย่างยันต์พลังต้นกำเนิด ยันต์พลังต้นกำเนิดถูกสร้างขึ้นด้วยกระดาษชนิดพิเศษที่สามารถกักเก็บพลังต้นกำเนิดไว้ภายใน ข้อดีคือราคาถูกสามารถผลิตได้มาก ทว่าผลลัพธ์จะแย่กว่าคัมภีร์เล็กน้อย ความสามารถในการกักเก็บพลังของมันเองก็ไม่ได้ดีเยี่ยมเช่นกัน
คัมภีร์ทาสเพิ่งจะลอยไปแตะร่างของเจ้าแมลงกินเหล็ก จากนั้นมันก็ระเบิดออก “ตูม!” สลายกลายเป็นเถ้าถ่าน
แรงต้านวิชาทาส
สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งจะสามารถต่อต้านคัมภีร์ทาสได้ ยิ่งแข็งแกร่งยิ่งใช้วิชาทาสกับพวกมันได้ยากยิ่งขึ้น ความแข็งแกร่งของซูเฉินเทียบกับเจ้าแมลงนี่ไม่ได้ ดังนั้นคัมภีร์ทาสของเขาจึงระเบิดออกในทันที
ซูเฉินยังคงไม่พอใจ สร้างคัมภีร์ทาสออกมาอีกสองม้วน ทว่าคัมภีร์ทาสทั้งสองม้วนก็มีจุดจบแบบเดียวกัน
เรื่องนี้ทำให้ซูเฉินรู้สึกหมดหวังยิ่งนัก
อูเอ่อร์หลี่มีคัมภีร์ต้นกำเนิดเพียงสี่ม้วนเท่านั้น ตอนนี้สามม้วนได้ถูกทำลายไปแล้ว จึงเหลือเพียงหนึ่งม้วน
ยามเมื่อเหลือบมองคัมภีร์ทาสม้วนสุดท้าย เด็กหนุ่มก็ลังเลใจ
หากครั้งนี้ล้มเหลวอีก อาจไม่มีโอกาสทำให้เจ้าแมลงเชื่อฟังได้อีก
ในตอนนั้นเอง กังเหยียนก็เอ่ยขึ้น “ขอข้าลองหน่อยได้หรือไม่ นายท่าน?”
“เจ้าน่ะหรือ?” ซูเฉินตกใจ
กังเหยียนตัวสั่นด้วยความกังวลใจ “อย่าเข้าใจข้าผิดนายท่าน ข้าไม่มีความคิดแย่งสัตว์เลี้ยงตัวนี้จากท่าน ข้าเพียงรู้สึกว่ามันอาจจะรับฟังข้ามากกว่า”
ซูเฉินมองกังเหยียน จากนั้นหัวเราะออกมา “เปล่า ข้าไม่ได้ติดใจอันใด…… เจ้าอาจจะพูดถูกก็เป็นได้”
เขาส่งม้วนคัมภีร์ทาสให้กังเหยียน “เจ้าลองดู”
กังเหยียนชูคัมภีร์ทาสขึ้น ก่อนจะค่อย ๆ หันกลับมามองซูเฉิน “ท่านทราบดีใช่หรือไม่นายท่าน ว่าหากข้าทำสำเร็จ มันก็จะ…… เชื่อฟังเพียงข้า”
“แน่นอน เจ้าไม่ต้องกังวลหรอกกังเหยียน ลงมือเถอะ” ซูเฉินตบไหล่กังเหยียน
กังเหยียนสูดหายใจเข้าลึกก่อนเดินไปด้านหน้า วางคัมภีร์ทาสไว้บนหลังของเจ้าแมลงกินเหล็ก
นับกันเรื่องความแข็งแกร่งแล้ว กังเหยียนนั้นแข็งแกร่งน้อยกว่าซูเฉินเสียอีก
ทว่าทันใดนั้น คัมภีร์ทาสกลับไม่ถูกทำลาย
เจ้าแมลงกินเหล็กเงยหัวขึ้นมามองกังเหยียน ก่อนจะเปล่งเสียงคำรามในลำคอออกมา
จากนั้นคัมภีร์ทาสก็หายไปในร่างเจ้าแมลงกินเหล็ก
เมื่อเห็นภาพนี้ บนใบหน้าซูเฉินก็เผยรอยยิ้ม “ยินดีด้วยกังเหยียน ตอนนี้เจ้าแข็งแกร่งกว่าข้าแล้ว”
กังเหยียนคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าซูเฉิน “กังเหยียนจะรับฟังเพียงนายท่าน”