ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) - บทที่ 116 การประลอง (2)
บทที่ 116 การประลอง (2)
การประลองคัดออก 3 รอบแรกไม่ตึงมือซูเฉินแต่อย่างไร เขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจมากนัก
หากแต่ปัญหาของอวิ๋นเป้านั้นทำเขาขัดใจอยู่มาก
เรื่องนี้ทำให้ขึ้นสนาม 3 ครั้งแรกไปด้วยสีหน้าเขาเคร่งเครียด คล้ายกับกังวลเรื่องการประลองอย่างไรก็อย่างนั้น
หากแต่ผู้ใดกล้าดูถูกซูเฉินด้วยเรื่องนี้ ต่างถูกลิขิตให้ถูกระเบิดเพลิงปักษาซัดร่างกระเด็นลอยไปทุกคน
ใน 3 การประลองแรก เขาใช้ระเบิดเพลิงปักษาไปทั้งหมด 7 ครั้งในการต่อสู้กับคน 3 คน ด้วยคู่ต่อสู้คนสุดท้ายแข็งแกร่งกว่าคนอื่นเล็กน้อย จึงต้องใช้ระเบิดเพลิงปักษามากถึง 4 ลูก อีกทั้งยังต้องกระโดดหลบและออกท่าป้องกันเป็นครั้งแรก
จนถึงตอนนี้ยังไม่มีผู้ใดบีบให้ซูเฉินใช้วิชาอื่นได้
การแข่งขันรอบที่ 4 เริ่มต้นขึ้นในเช้าของวันที่ 3
ตามกฎแล้ว ศิษย์ 40 คน จากรอบที่ 4 จะถูกจับคู่ประลองกัน คนแพ้จะยังมีโอกาสสุดท้ายเหลืออยู่ ได้มีโอกาสจับคู่ประลองกับคนที่แพ้เหมือนกันอีกคราอีก 2 ครั้ง ส่วนผู้ชนะ 5 คนในนี้สามารถเลือกท้าประลองศิษย์ 20 คนที่ชนะไปเมื่อรอบแรกเพื่อชิงตำแหน่งอีกฝ่ายได้
คู่ต่อสู้คนแรกของซูเฉินคือแม่นางหน้ากลมนัยน์ตาโต
แม่นางผู้นี้น่ารักจิ้มลิ้ม แต่กลับเอ่ยน้ำเสียงไร้เมตตา “หวังเหยาฮุ่ยผู้นี้ไม่อาจมีใครขวางทาง ใครที่กล้าขวางข้าจะต้องถูกคมดาบไร้ปรานี !”
ซูเฉินเห็นท่าทางละเมอเพ้อพกของนางแล้วไม่อาจเอ่ยคำใด
หากแต่นางยังมีฝีมือให้โอ้อวด ดาบเรียกพิรุณของนางนั้นมีท่วงท่าราวหยาดฝน มีคนด้านล่างมากมายที่ส่งเสียงให้กำลังใจนาง
ในเมื่ออีกฝ่ายมีท่วงท่าน่าประทับใจเช่นนี้ ซูเฉินก็ถูกบีบให้ต้องใช้วิชาใหม่สักหน่อย
เจ้าชอบฝนใช่หรือไม่ ?
เช่นนั้นข้าขอมอบแรงลมและสายฟ้าเพิ่มเข้าไปให้ครึกครื้นกว่าเดิมก็แล้วกัน
ซูเฉินสะบัดดาบอัสนีบาตออกไป
ดาบอัสนีบาตของซูเฉินในตอนนี้ก้าวหน้าขึ้นมาก คลื่นพลังถูกซัดออกมาเป็นเสียงฟ้าคำราม พัดไล่ลมฝน หยุดการโจมตีดาบเรียกพิรุณของอีกฝ่ายไว้ได้
อย่างไรผู้ที่มาจุดนี้ของการจัดอันดับมังกรผันเปลี่ยนย่อมต้องมีของดีอยู่บ้าง แม่นางหน้ากลมดึงดาบอีกเล่มออกมาเมื่อพบว่าดาบเรียกพิรุณของนางไม่อาจใช้ต้านอีกฝ่ายได้ นางจึงเปลี่ยนมาใช้วิชาดาบคู่ตะวันจันทราแทน
หญิงสาวเป็นผู้ใช้ดาบคู่
การประลองสิ้นปีสามารถนำอาวุธเข้ามาใช้ได้ แต่ห้ามใช้เครื่องมือต้นกำเนิด เป็นดังเช่นตอนประลองเข้าสถาบัน
แต่ซูเฉินนั้นไม่เชี่ยวชาญการใช้เครื่องมือต้นกำเนิดนัก
ดังนั้นเมื่ออีกฝ่ายพุ่งเข้ามาพร้อมดาบ เขาจึงไม่รู้ว่าควรรับมืออย่างไรจึงจะดีที่สุด
หรือเขาจะหยิบดาบมาสู้กับนางด้วย ?
หรือควรใช้อย่างอื่น ?
เมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าเขาทำเพียงหลบหลีกไม่ลงมือ นางก็คิดว่าตนสามารถบีบซูเฉินจนไร้ทางหนีได้แล้ว จึงตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น “ซูเฉิน เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าตั้งแต่แรกแล้ว ในเมื่อเจ้าก็ดูมีฝีมืออยู่พอตัว ข้าจะให้โอกาสเจ้า หากเจ้ายอมคุกเข่าแล้วประกาศว่ายอมแพ้ ข้าจะรับเจ้าเป็นผู้ติดตาม……”
เมื่อได้ยินคำปรามาสเช่นนั้น ซูเฉินก็อารมณ์ขาดผึง เหตุใดข้าต้องเสียเวลาไปกับนางด้วย ? แค่ตบคราหนึ่งก็ส่งร่างแม่นางน้อยนี่ลอยละลิ่วไปไกลได้แล้วกระมัง ?
คิดแล้วก็ส่งหนึ่งฝ่ามือออกไปจริง ๆ
ฝ่ามือนั้นทะลวงผ่านคมดาบนับไม่ถ้วนของนาง ก่อนจะไปปรากฏอยู่ตรงหน้าหญิงสาวแล้วฟาดลงบนหน้านางโดยแรงอย่างแม่นยำ แม่นางหน้ากลมตัวหมุนติ้วทั่วทิศ ก่อนจะถูกดีดออกจากสนามประลอง ลงไปนอนอยู่กับพื้นอย่างสวยงาม ยามร่างกระแทกพื้นนางยังบ้วนฟันออกมาอีก 2 ซี่
หญิงสาวไม่คาดคิดกับเหตุการณ์ผันเปลี่ยนเช่นนี้ นางนั่งนิ่งด้วยความสับสน ก่อนจะร้องไห้จ้าออกมา
ความฝันของราชินีดาบคู่ถูกทำลายลงย่อยยับ
หลังการประลองดุเดือดผ่านไป 20 ครั้ง ผู้ชนะก็ได้โอกาสไปพักผ่อน คนที่แพ้ก็ยังคงแข่งขันกับคนที่แพ้เช่นกันต่อไป
หลังจากแข่งกันอีกสองรอบ ผู้ชนะ 5 คนก็ได้มีโอกาสเลือกผู้ที่ตนคิดจะท้าประลอง
กลางวันวันนั้น ผู้ชนะ 5 คนจากกลุ่มผู้แพ้ก็ได้เลือกผู้ที่อยากประลองด้วย
ผู้ท้าประลองคนแรกก้าวเท้าออกมาแล้วชี้ซูเฉินในทันใด
“ข้าขอท้าเขา !”
ว่ากันตามหลักเหตุผล ปกติเหล่าศิษย์มักจะเลือกท้าคนที่อ่อนแอที่สุดเพื่อหวังเอาชนะ
คนที่คิดท้าซูเฉินคงจะคิดว่าเขามีฝีมือประดุจลูกเจี๊ยบกระมัง
แต่ก็ไม่แปลก เขาเลี่ยงการประลองสิ้นปีมา 8 ปีติด หากอย่างเขาไม่ใช่ลูกเจี๊ยบแล้วใครจะเป็น ?
ซูเฉินไม่ชอบเสแสร้ง เขาไม่คิดลวงเพื่อหลอกคนให้คิดว่าตนเองอ่อนแอไก่อ่อน แล้วหาโอกาสสั่งสอนกลับ
แต่เขาก็ไม่ชอบการโอ้อวดเช่นกัน เขาไม่ใช่คนประเภทที่ตะโกนโอ้อวดศัตรูว่าตนเองแข็งแกร่งมาก ให้ระวังเขาไว้อย่าได้ดูถูก หากเลือกได้เขาอยากใช้วิชาธรรมดาจัดการอีกฝ่ายโดยเก็บไพ่ตายไว้ในยามสำคัญจริง ๆ ยังดีเสียกว่า
ดังนั้นแม้เขาจะชนะมาหลายรอบ แต่วิถีการต่อสู้เรียบง่ายของเขาทำให้ผู้อื่นมองว่าเขาพอมีวิชาทรงพลังติดตัวอยู่บ้าง แต่ขาดความแข็งแกร่งจากภายใน
เมื่อเป็นเช่นนี้ หากไม่เลือกซูเฉินแล้วจะเลือกใคร ?
ผู้ท้าประลองซูเฉินคือศิษย์ร่างสูงใหญ่กำยำ บนหลังแบกดาบใหญ่ไว้
ครั้งนี้คู่ต่อสู้ของเขาไม่พูดคำไร้สาระอย่าง “ยอมแพ้เสียเถอะ เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า”
เขาดูจริงจังยิ่งนัก เพราะตัวเขารู้ดีว่าการแข่งขันครั้งนี้เป็นกำแพงด่านสุดท้ายในการเข้าสู่การจัดอันดับมังกรผันเปลี่ยน..
หากชนะ เขาจะนับเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ต่อสู้ตั้งแต่จุดเริ่มต้น ไต่ระดับขึ้นไปจนถึงการจัดอันดับมังกรผันเปลี่ยน เป็นคนโดดเด่นเหนือศิษย์คนอื่น
แต่หากแพ้ก็จะกลายเป็นคนไร้ค่าต่อไป
ดังนั้นยามโจมตีเขาจึงใส่เต็มแรง
คมดาบของเขากรีดผ่านอากาศ ทิ่มออกไป ฟันลงมา อีกทั้งยังเฉือนไปข้างหน้าอย่างดุดัน
ท่วงท่าเขาเด็ดขาดมั่นคง ท่าดาบเรียบง่ายหากแต่แฝงแววบ้าคลั่ง
กระทั่งซูเฉินยังต้องเอาจริงยามรับมือกับเขา คนผู้นี้แข็งแกร่งกว่าหญิงสาวหน้ากลมคนก่อนมาก
ในเมื่ออีกฝ่ายแข็งแกร่งเช่นนี้ ระวังมากขึ้นย่อมดีกว่า
ดังนั้นเขาจึงถอยออกมา ใช้ก้าวย่างหมอกอสรพิษหลบการโจมตี จากนั้นปล่อยระเบิดเหยี่ยวเพลิงออกไป
เช่นนี้คือวิถีการต่อสู้ที่เรียบง่ายแต่ได้ผลดียิ่ง ทิ้งระยะห่างจากศัตรูก่อนจะใช้การโจมตีระยะไกลซัดใส่อีกฝ่าย
หากผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดสามารถแบ่งประเภทได้ ซูเฉินก็คงเป็นจอมเวทย์ ใช้การโจมตีระยะกลางถึงระยะไกลที่ตนถนัดเพื่อซัดพลังใส่อีกฝ่าย
แต่ยามอยู่บนลานประลองที่มีพื้นที่จำกัด กลยุทธ์ที่ดีที่สุดของเขาคือหลีกเลี่ยงการใช้ก้าวย่างหมอกอสรพิษแล้วปล่อยระเบิดเหยี่ยวเพลิงฉบับปรับปรุงออกไปไม่หยุด
แรงปะทะของชายหนุ่มใช้ดาบนั้นดุดันมาก การโจมตีก็ว่องไว แต่ยามเผชิญหน้ากับกลยุทธ์การต่อสู้ของซูเฉินก็ไม่อาจหาทางรับมือได้
เขาตวัดดาบหลายครา ส่งคลื่นพลังดาบปะทะการโจมตีนับไม่ถ้วน คลื่นดาบกระจัดกระจายรอบทิศ
ทั้งคู่ยังอยู่ในด่านก่อเกิดลมปราณ ดังนั้นคลื่นพลังดาบเหล่านี้จึงมีอำนาจโจมตีและระยะทางจำกัด แต่ถึงกระนั้นคลื่นดาบก็ยังกรีดผ่านอากาศเข้าโจมตีซูเฉินจนได้
ที่หาได้ยากคือคลื่นพลังดาบนั้นมีทิศทางแม่นยำนัก แม้จะดูเหมือนอีกฝ่ายตวัดดาบไปไร้ทิศทาง หากแต่แท้จริงแล้วเขากำลังลดระยะห่างระหว่างตัวเขากับซูเฉินลงให้อีกฝ่ายหลบดาบได้อยากขึ้น เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ซูเฉินก็พบว่าทำการหลบเลี่ยงการโจมตีได้ยากขึ้นทุกที
ปึง !
คมดาบหนึ่งปะทะเข้ากับผู้พิทักษ์แห่งเม็ก
นับเป็นครั้งแรกที่ซูเฉินไม่อาจหลบการโจมตีได้ ดังนั้นจึงต้องรับการโจมตีไปอย่างจัง
ชายหนุ่มใช้ดาบมีสีหน้าตื่นเต้นยินดี “ในที่สุดก็หลบไม่พ้นแล้วหรือ ? ลองลิ้มรสดาบทรราชหั่นเศียรของข้าหน่อยเป็นอย่างไร !”
จากนั้นคมดาบก็ฟันลงมา แรงที่ตามคมดาบมานั้นยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นับเป็นท่าที่มีพลังโจมตีสูงสุดของชายหนุ่มใช้ดาบผู้นี้
ซูเฉินถอนใจแผ่วเบา
เขาก้าวเท้าขึ้นมาก้าวหนึ่ง
เขาก้าวเท้าคราหนึ่งร่างก็คล้ายกับจะหายไป ปรากฏขึ้นอีกทีที่หลังของอีกฝ่าย
จากนั้นก็ประทับหนึ่งฝ่ามือลงบนหลังอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่แม้แต่จะมองหน้าอีกฝ่าย “ขอให้โชคดี ข้าไม่ส่ง”
เดิมทีชายถือดาบกำลังตั้งท่าจะพุ่งไปข้างหน้า เมื่อถูกฝ่ามือซูเฉินเข้าร่างจึงกระเด็นลอยออกจากสนามประลองไป
การแข่งขันในรอบที่ 4 สิ้นสุดลงเช่นนี้
ซูเฉินประลองชนะมาจนเข้าสู่การจัดอันดับมังกรผันเปลี่ยนจนได้